ภายในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่เสียงผู้คนยังดังกระหึ่มเซ็งแซ่อยู่เช่นเดิม บรรดาแขกเหรื่อต่างพูดคุยกันด้วยความสนิทใจ บรรยากาศสมานสามัคคีมีไมตรีจิตกันอย่างสวยงาม
ท่ามกลางเสียงหัวเราะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานของผู้คน ธีทัตคอยชะเง้อมอง สีหน้าที่สงบเสงี่ยมและอบอุ่นอยู่มาตลอดกลับขมวดคิ้วเข้าหากัน นัยน์ตาเผยให้เห็นความร้อนใจออกมาเล็กน้อย
เมื่อมองเห็นแผ่นหลังอันคุ้นเคยคนคนหนึ่ง แววตาของเขาหม่นหมองลงทันที พร้อมทั้งก้าวขายาวๆ เดินไปหาทันควัน “อันอัน”
อัญมณีได้ยินก็หันขวับมาตามเสียง สีหน้าปรากฏความเป็นไม่ธรรมชาติออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยากนักที่จะมีกิริยาสง่างามมากขึ้น “พี่”
“เจอตัวธิดาหรือยัง?”
ญาธิดาไปหานิวรา เรื่องระหว่างผู้หญิงด้วยกันเขาไม่สามารถแทรกมือเข้าไปยุ่ง เมื่อครู่โทรศัพท์หาเธอตั้งสองครั้ง แต่ก็ไม่มีคนรับสาย เขายิ่งเป็นห่วงหนักกว่าเดิม
“เจอแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่เห็นแล้ว”
อัญมณีตอบคำถามตามน้ำไป พลันหยิบน้ำผลไม้ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาแก้วหนึ่ง และหาตำแหน่งเพื่อนั่งลงอย่างเศร้าสร้อย และมีความรู้สึกไม่สบายใจเขียนไว้เต็มใบหน้า
ธีทัตเห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิม จึงรีบซักไซ้ไล่เลียงทันควัน “อันอัน แกเป็นอะไร?”
หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ แล้วเหรอ?
“ไม่มีอะไร ก็แค่เจอกับคนที่ฉันไม่อยากจะเจอหน้าเท่านั้นเอง”
อัญมณีจัดการกระดกน้ำผลไม้ครึ่งแก้วเข้าปากรวดเดียว ก่อนที่จะโดนธีทัตซักต่อนั้น ก็ชิงพูดต่อทันที “พี่ พี่อย่าถามเลย ฉันไม่อยากเอ่ยถึง”
ธีทัตเห็นดังนั้น ก็อึ้งทันทีและไม่ได้ถามไถ่ต่อ
ในสถานการณ์คับขันห้องหัวใจของเขาต่างคิดตามหาตัวญาธิดา เรื่องอื่นจึงไม่ได้สนใจมากนัก
จู่ๆ ก็มีเงารูปร่างสง่างามคนหนึ่งกระแทกเบ้าตา เขาจ้องมอง จนดีใจยกใหญ่ทันที
ญาธิดานั่นเอง!
“ธิดา ทางนี้ครับ”
พอญาธิดาได้ยิน ก็แหงนคอชะเง้อมอง ซึ่งสามารถมองเห็นธีทัตกับอัญมณีอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ไกลนัก พลันยกมุมปากยิ้มให้ พร้อมทั้งก้าวเท้าเดินมุ่งหน้ามาหาพวกเขา
“อันอัน แกก็มาด้วยเหรอ?” ญาธิดายื่นมือออกไป พร้อมทั้งบีบไหล่ของอัญมณี จังหวะที่เห็นสภาพอารมณ์ของเธอนั้น พลันตกตะลึงทันที
เธอรีบโน้มตัวลงเพื่อสอบถามทันที “แกเป็นอะไร?”
จิตใจอัญมณีโดนพายุก่อกวนไปตั้งนานแล้ว เวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับเพื่อนสาวคนสนิทก็ไม่สามารถเรียกความตื่นเต้นขึ้นมาได้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งส่ายหน้าพูด “ฉันไม่เป็นไร แค่เพิ่งจะไปเจอกับผู้ชายระยำมา”
พอญาธิดาได้ยินก็ตกตะลึงทันที แต่ก็มีอากัปกิริยาตอบสนองกลับได้อย่างรวดเร็วว่าผู้ชายระยำที่ดังออกมาจากปากของเธอคือใคร เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งลูบแผ่นหลังของเธออย่างแผ่วเบา ซึ่งเป็นการแสดงออกการปลอบโยนให้เธอ
ทางด้านข้าง แววตาของธีทัตจับจ้องอยู่ที่กระโปรงของญาธิดาที่เพิ่งจะไปเปลี่ยนมาใหม่ พลันขยับปาก แต่ก็พูดไม่ออก จนสุดท้ายก็ไม่ได้ถามคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา
ซึ่งไม่นานนัก งานเลี้ยงก็จบงาน เดิมญาธิดาคิดว่าอยากจะบอกกล่าวกับคุณย่าก่อนแล้วค่อยกลับ แต่ติดที่ว่าแขกเหรื่อมากมายเหลือเกิน คลาคล่ำอย่างไม่ขาดสาย เธอทำได้แต่ตัดความคิดนี้ทิ้งไป จากนั้นพวกเขาก็กลับออกมาพร้อมกันเลย
ตลอดทาง ภายในรถยนต์เงียบสงบมาก
ธีทัตไปส่งอัญมณีกลับบ้านก่อน จากนั้นจึงส่งญาธิดากลับบ้านและเปลี่ยนเสื้อผ้า
ญาธิดาฉุกคิดถึงลักษณะอาการของอัญมณีที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ จนรู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง อัญมณียังคงมีความรู้สึกกับพายุอย่างชัดเจน ไม่งั้นจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไงกัน?
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันหันไปมองธีทัตทางด้านข้าง พร้อมทั้งพูดเสียงเบา “ทัตคะ ไม่รู้ว่าคุณมองออกหรือเปล่าคะ อันอันยังมีใจให้กับพายุอยู่นะ”
ธีทัตตอบกลับแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “อืม”
“ฉันรู้สึกว่าเราควรหาเวลาไปคุยกับพายุดูนะคะ ดูว่าเขายังมีความรู้สึกให้อันอันอยู่มั้ย...”
ธีทัตที่คอยฟังอยู่ด้านข้าง นัยน์ตาหม่นหมองลงเรื่อย
ความรู้สึกที่ไม่พอใจและความโกรธแค้นยิ่งหนักข้อเพิ่มขึ้นเรื่อย เขากำหมัดแน่น ซึ่งมองดูผิวเผินยังคงอ่อนโยนดังเดิม แต่ในใจนั้นกลับรบทัพจับศึกกันหลายครั้งหลายคราแล้ว
แต่ว่า เขาก็ไม่ยอมหนีจากไป ญาธิดาสำหรับเขาแล้ว มันได้ซึมลึกเข้าไขสันหลังของเขาไปตั้งแต่แรกแล้ว แทรกซึมเข้าเลือดเนื้อ เขาไม่สามารถไปจากเธอได้
หลังจากนั้นสิบกว่านาที ก็มีเสียงประตูดัง “แอ๊ด” ญาธิดาผลักประตูออกมา พอเห็นธีทัตที่ยืนอยู่ด้านนอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จึงสอบถามกลับอย่างอดใจไม่ไหว “มีอะไรเหรอทัต? สีหน้าคุณดูไม่สู้ดีเลยค่ะ...”
“ไม่มีอะไรครับ”
ธีทัตยกมุมปาก พร้อมทั้งเก็บงำความรู้สึกไม่เหมาะสมเอาไว้ในใจ พลางหัวเราะให้เธอ “น่าจะเหนื่อยเกินแหละ อีกสองสามวัน เราไปพักผ่อนกันที่ต่างจังหวัดสักสองวันมั้ย?”
เมื่อเห็นอาการของชายหนุ่มที่ผิดปกติไปบ้าง ญาธิดาก็เริ่มวิตกกังวล เธอยื่นมือออกมา พร้อมทั้งใช้หลังฝ่ามือทดสอบอุณหภูมิบริเวณหน้าผากของเขา ถึงได้วางใจลงหน่อย
วินาทีต่อมา จู่ๆ มือของเธอก็โดนคนคว้าเอาไว้ พอญาธิดาเงยหน้าขึ้น จึงจ้องมองภายในดวงตาอันอ่อนโยนราวกับสายน้ำคู่นั้น “ได้มั้ยครับ? ครอบครัวเราไม่ได้ออกไปไหนมานานแล้วนะครับ”
ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นพริบตาเดียว เธอก็ยิ้มพร้อมทั้งพยักหน้าให้เขา “ตกลงค่ะ ครั้งนี้ฉันเชื่อคุณนะ”
จู่ๆ เธอก็ค้นพบว่า ผู้ชายคนที่คอยกันทุกอย่างอยู่ด้านหน้าเธอมาตลอดเวลาห้าปีนี้ก็เหนื่อยล้าเป็นด้วย เธอก็ควรหาเวลาอยู่เป็นเพื่อนกับเขาบ้าง
เวลาผ่านพ้นอย่างรวดเร็ว จนผ่านมาหลายวัน อาการของเอลล่าก็ทรงตัวขึ้นมาก แผลที่หลังฝ่ามือก็ประสานกันแล้ว และกลับมามีชีวิตชีวา ฉลาดเฉลียวมีไหวพริบดังเดิม
วินาทีที่ได้ยินคุณหมอพูดว่าสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ หัวใจของญาธิดาที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายที่ถูกทับด้วยก้อนหินมหึมาอันหนักอึ้งในที่สุดก็หล่นลงสักที
เพราะว่าธีทัตออกไปดูงานต่างเมือง จึงไม่ได้รีบกลับมาทันที ทำได้แค่ให้อัญมณีพาคนขับรถมารับเอลล่าออกจากโรงพยาบาล
ญาธิดากำลังวุ่นวายอยู่กับการทำเอกสารในการออกจากโรงพยาบาลอยู่ตลอด และยังไม่ได้พักสักเศษเสี้ยววินาที
เอลล่ากับอีธานอยู่ในห้องพักผู้ป่วย โดยมีอัญมณีคอยเฝ้าอยู่ เด็กทั้งสองคนเอารูบิกขึ้นมาเล่น แถมยังแข่งกันอยู่หลายรอบอย่างครื้นเครง แต่ทั้งสองคนก็ไม่ยอมแพ้
จังหวะนี้เอง จู่ๆ นอกประตูก็มีเสียงคนเคาะประตู ถัดมา ประตูก็ถูกเปิด พลันมีคนรูปร่างสูงใหญ่ปรากฏตรงประตู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...