ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 581

ทางประตู พยัคฆ์เป็นคนนำทีมให้ลูกน้องนำอาหารเช้าขนลงมาทั้งหมดแล้ว จนกลิ่นหอมหวนชวนหิวฟุ้งกระจาย ดวงตาของเด็กๆ ทางนี้ต่างเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว

สำหรับพวกเขาแล้ว การกินอาหารเช้าสักมื้อถือว่าเป็นสิ่งที่หรูหรามาก

หลังจากลูกน้องหลายคนได้จัดการแจกจ่ายอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ญาธิดานั่งอยู่ทางด้านข้าง พลันจ้องมองพวกเขากินอาหารกันอย่างมูมมามและรีบร้อนมาก จนมุมปากเลิกขึ้นอย่างอดใจไม่อยู่

พยัคฆ์เดินออกมาทางด้านข้าง พร้อมทั้งกดเสียงต่ำถาม “พี่ธิดา รอพวกเขากินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นพี่วางแผนจะทำอะไรต่อครับ?”

ญาธิดาโดนย้อนถามถึงกลับตะลึงทันที สีหน้าค่อยๆ เคร่งเครียดลง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพักแล้ว ถึงได้ตอบกลับอย่างเบาเสียง “ทำสถิติเด็กที่ไม่ได้เป็นเด็กเร่ร่อนออกมาก่อน ฉันจะพาพวกเขาไปตรวจสอบข้อมูลทะเบียนบ้านที่สถานีตำรวจ เพื่อจะดูสิว่าได้เบาะแสอะไรบ้างมั้ย”

พยัคฆ์ถามต่อทันควัน “แล้วเด็กที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ที่เหลือพวกนั้นล่ะครับ?”

“ฉันตั้งใจจะพาพวกเขาไปยังมูลนิธิคุ้มครองเด็กเพื่อลงทะเบียนเอาไว้ ดูสิว่ามีครอบครัวใดยอมรับเลี้ยงหรือไม่ จากนั้นค่อยพาพวกเขาไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ฉันได้ดูไว้เรียบร้อยแล้ว ลองไปทัศนศึกษาดูก่อน ถ้ามีความเหมาะสม งั้นก็ให้พวกเขาอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นก่อน”

เมื่อพยัคฆ์ได้ยิน พลันตกตะลึงทันที “นี่เป็นงานใหญ่มากเลยนะครับ เด็กมากมายขนาดนี้ มีเรื่องตั้งมากมาย เกรงว่าคงต้องเทียวไปเทียวมาอยู่หลายรอบเลยครับ”

เขาชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็พูดสมทบอีกหนึ่งประโยคด้วยความเป็นห่วง “พี่ธิดาครับ นี่พี่ตั้งใจทำคนเดียวให้เสร็จสิ้นทุกกระบวนการใช่มั้ยครับเนี่ย?”

ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าไม่ใช่ว่าต้องแสดงความรับผิดชอบตั้งแต่ต้นจนจบแล้วล่ะก็ ฉันไม่วางใจจริงๆ ค่ะ”

“แต่ว่าขาของพี่...” พยัคฆ์พูดเกลี้ยกล่อมเสียงเบา “อีกอย่างทางสถานีตำรวจนั่นจะให้ความร่วมมือหรือเปล่าครับ? การตามหาข้อมูลตัวตนจากข้อมูลอันไม่แน่ชัดของเด็กๆ เหล่านี้ ถือว่าเป็นงานที่ไม่ง่ายดายเลยนะครับ”

ญาธิดาค่อยๆ ย่นหิ้วหากันแน่น พลันขยับริมฝีปาก แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดว่าอะไรแล้ว

เวลานี้เอง พลันมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ขัดจังหวะความคิดของเธอทันที เธอดึงสติกลับมา และควานหาโทรศัพท์ทันควัน

บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏหมายเลขยาวเหยียด ญาธิดาลังเลชั่วครู่ จากนั้นจึงกดรับสาย

“ฮัลโหลค่ะ? ไม่ทราบว่าใครคะ?”

เมื่อสิ้นเสียงเธอ ปลายสายก็หยุดชะงักเล็กน้อย พริบตาเดียว พลันปรากฏเสียงสดใสของผู้ชายดังขึ้น “ใครงั้นเหรอ? ญาธิดา คุณช่างเป็นคนขี้หลงขี้ลืมจริงๆ เลย”

พลันมีเสียงคุ้นเคยและไม่รู้จักทำให้ญาธิดาชะงักเล็กน้อย จากนั้นถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา “คุณ……ชวิศเหรอคะ?”

ชวิศ เย้ยหยัน “แปลกใจขนาดนี้เชียว? ทำไมเหรอครับ? ไม่ได้บันทึกเบอร์โทรศัพท์ผมไว้เหรอ?”

ประโยคเดียว แต่กลับทิ่มแทงกลางหัวใจ เขาพูดถูกต้องจริงๆ ด้วย ญาธิดาลืมบันทึกเบอร์โทรศัพท์เขาไปเสียสนิทจริงๆ

ครั้งแรกคือเธอทำนามบัตรของเขาหายไปเลย จากนั้นเขายังเป็นคนโทรศัพท์หาเธอด้วยตนเองอีก แต่กลับลืมบันทึกเบอร์เอาไว้ ครั้งที่สองกลับทำเรื่องผิดพลาดแบบนี้ซ้ำสองอีก

ญาธิดาคลี่ยิ้มเพราะความรู้สึกขวยเขิน พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ฉันไม่ทันระวังจนลืมไปเสียสนิทค่ะ...”

เธอเตรียมขอโทษ พลันได้ยินเสียงของชวิศดังขึ้นมา “ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ? ไปหาเด็กคนนั้นหรือยังครับ?”

เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ญาธิดาถึงฉุกคิดขึ้นมาได้ การที่หาตัวเณรศีลจนพบก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากเขา เมื่อวานนี้เขาพูดอยู่ในโทรศัพท์โดยบอกให้เธอมาวันนี้ แต่เมื่อคืนวานเธออดใจไม่อยู่จึงออกมาหาเลย

ญาธิดาพูดเสียงราบเรียบ “หาตัวเจอแล้วค่ะ”

ชวิศถามไถ่เสียงเบา “เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ญาธิดาลังเลชั่วครู่จากนั้นถึงตอบกลับ “เมื่อคืนนี้ฉันออกไปหาเลยค่ะ”

เมื่อชวิศที่อยู่ทางนั้นได้ยิน พลันหัวเราะหึๆ ในลำคอ “งั้นตอนนี้ล่ะครับ? สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว? ฟังจากน้ำเสียงของคุณ ดูไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่นะครับ”

“คะ...คุณรู้ได้ยังไงคะ?”

ชวิศหัวเราะร่าพลันซักถาม “พูดมาเถอะครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?”

ตอนแรกญาธิดาก็ไม่อยากพูด แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา พลันมองเห็นเด็กๆ ที่กำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่นั้น จนใจอ่อนระทวยลงทันที จึงฉุกคิดถึงอาชีพของเขา เมื่อลังเลอยู่ชั่วครู่จึงสารภาพไปตามความจริง “ทางนี้เป็นแก๊งค้ามนุษย์ค่ะ คอยสอนให้เด็กๆ เป็นขอทานไปเที่ยวขอเงิน ตอนนี้นับรวมแล้วมีเด็กจำนวน 20 กว่าคนต่างไร้บ้านทั้งนั้น ไม่มีคนดูแลเลยค่ะ”

ทั้งสองนั่นเข้าใจความหมายทันที พลันเดินมาหาทันควัน ในมือยังถือเครื่องมืออะไรสักอย่าง พลันเดินมาหยุดทางด้านข้างของกลุ่มเด็กกลุ่มนั้น และพูดคุยอะไรบางอย่างกับพวกเขา จึงเอาเครื่องมือให้พวกเขาบันทึกรอยนิ้วมือทันที

ญาธิดาแปลกใจ “นี่มัน...จะทำอะไรคะ?”

ชวิศอธิบายอย่างเป็นท่าทาง “เป็นการตรวจฐานข้อมูลในระบบเมือง J ก่อนว่ามีข้อมูลลายนิ้วมือของพวกเขาอยู่หรือไม่ หากสามารถตรวจสอบได้ ก็ทำให้ประหยัดเรื่องไปได้อีกเยอะมากครับ”

ญาธิดาแปลกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นชั่วอึดใจ พลันรู้สึกถอนหายใจ เธอเหลือบมองชวิศ ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยปากขอบคุณทันที “ขอบคุณ...”

คำกล่าวขอบคุณยังพูดไม่จบประโยค จู่ๆ ก็ขัดจังหวะเธอขึ้นมาทันที พลันยกมือขึ้นและพูดทันที “คำขอโทษไม่ต้องพูดหรอก ผมมาทำธุระอยู่แถวๆ นี้กับเพื่อนๆ อีกหลายคน จึงมาอย่างบังเอิญมาก เพิ่งจะมาถึง จึงถือวิสาสะบันทึกลายนิ้วมือให้เท่านั้นเอง”

เขาพูดออกมาหลายประโยคอย่างผ่อนคลาย  จึงทำให้การแบกรับที่อยู่ในใจของญาธิดาลดน้อยลงไปเยอะ เธอยังคิดว่าเขาตั้งใจถ่อมาช่วยเธอโดยเฉพาะนะเนี่ย

พวกเขายุ่งกับการทำงานทางนั้นอยู่สักพัก ข้อมูลต่างๆ ถูกโอนเข้ายังฐานข้อมูลของส่วนกลาง รอสักพักใหญ่ จึงได้ผลลัพธ์ออกมา

สภาพอากาศเริ่มร้อน แสงแดดแผดจ้า ภายในโรงงานปูนซีเมนต์ร้อนอึดอัดจนทนไม่ไหว บรรดาเด็กๆ ต่างวิ่งไปที่ลาน และเล่นเกมพูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุขที่พบหาได้ยาก ญาธิดาหาเก้าอี้มานั่งลงทางด้านข้าง และจ้องมองภาพภาพนั้นอยู่เงียบเชียบ

จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าหัวใจที่ลอยละล่องอยู่นั้นสงบลงเยอะ พลันมองเด็กๆ เชื่อมั่นในตัวเธอ และกลับมายิ้มแย้มแจ่มใส่ใหม่อีกครั้ง เธอรู้สึกอิ่มเอมอย่างแรงกล้า รู้สึกโล่งใจ ก็เพราะพลังนี้แหละ ที่ค่อยปลุกกำลังใจให้เธอลงมือทำต่อไป และทำต่อไปเรื่อยๆ

เงาสูงใหญ่ของคนคนหนึ่งเดินมาอยู่ทางด้านข้าง ถัดจากนั้น ญาธิดาก็ได้ยินเสียงของชวิศที่ดังมาจากทางด้านข้าง “น้ำผลไม้ครับ”

ญาธิดาหันหน้าไปมองเขา พร้อมทั้งยื่นมือออกไปรับน้ำผลไม้สดจากมือของเขา จากนั้นก็ยิ้มให้เขา “ขอบคุณค่ะ”

ประโยคนี้มันออกมาจากหัวใจจริงๆ ตลอดช่วงเช้า เขายุ่งมาก โดยมอบหมายงานให้เพื่อนร่วมงานตนเองอีกสองคน ทั้งบันทึกลายนิ้วมือ ทั้งลงทะเบียนประวัติ จนไม่ได้หยุดพักเลยด้วยซ้ำ

ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยหวังความช่วยเหลือจากเขามาก่อนเลย แต่เรื่องมักจะผิดพลาดเช่นนั้น

ชวิศเอนหลังพิงเก้าอี้ทางด้านข้างอย่างเกียจคร้าน พลันเปิดขวดชาดำเพื่อดื่มอึกหนึ่ง จากนั้นก็จ้องมองเด็กๆ ที่กำลังเล่นเกมกันอยู่ทางนั้น พลันหรี่ตาพูด “ผลตรวจสอบออกมาแล้วนะ มีเด็กหลายคนที่พ่อแม่ยังอยู่ ผมได้แจ้งให้เพื่อนที่อยู่ที่สถานีตำรวจทางนั้นทราบแล้ว พวกเขาช่วยประสานงานติดต่อไปแล้วครับ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์