บรรยากาศฮือฮาขึ้นมาทันที ทางตัวแทนผู้จัดงานฉลาดเฉลียวมาก โดยไม่มีการซักไซ้ต่อ และทำการตัดบทโดยใช้การแนะนำเครื่องประดับชุดอื่นให้ภวินท์ทราบ บรรดาสาวงามที่มีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อยที่อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นว่าการสัมภาษณ์นั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ต่างรู้สึกยังรู้สึกไม่พอใจ จึงแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง
ตอนแรกญาธิดาก็คิดจะเดินตามภวินท์ ทว่าทุกคนที่อยู่ด้านข้างต่างแยกย้ายกันไปหมดแล้ว การที่เธอเดินตามต่อนั้นยิ่งเป็นการจงใจอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งตอนมานั้นเธอก็พูดอยู่เต็มปาก ว่าจะไม่สร้างความวุ่นวายให้เขานี่หน่า
เธอก้าวย่างฝีเท้า และเดินไปยังทางด้านข้างด้วยความคิดที่ติดอยู่ในภวังค์ และเดินผ่านโซนจัดแสดง แถมเพิ่งจะมาถึงทางด้านหน้าโต๊ะยาวๆ ทันใดนั้นก็มีร่างกายดำทะมึนพุ่งเข้ามาหาเธอ และโดนคนชนกระแทกบริเวณแขนของเธอเข้าอย่างจัง
ญาธิดาสวมใส่รองเท้าส้นสูง จึงสะดุดจนเกือบจะล้มลง เธอฝืนกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ยังไม่ทันจะยืดตัวให้ตรง ก็ได้ยินเสียงขอโทษทันที “ขอโทษครับ กราบขอโทษครับ”
ญาธิดาเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าพนักงานที่ใส่เครื่องแบบอยู่กำลังโค้งตัวคำนับให้เธอ และขอโทษขอโพยซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ตอนแรกที่เองก็อยากจะพูดออกไปว่าไม่เป็นไร แต่กลับพบว่าคนที่อยู่รอบๆ ต่างใช้สายตาแปลกๆ มองมาที่เธอ เธอจึงก้มหน้าลง จึงพบว่าบนกระโปรงของตนเองนั้นมีคราบสีดำอมน้ำตาลขนาดใหญ่เปรอะเปื้อนเป็นวงกว้าง
เธอตื่นตระหนก พลางมองแก้วที่แตกอยู่ที่พื้น และกลิ่นหวานหอมที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศ เธอถึงรู้ตัวว่ามันคือเครื่องดื่มช็อกโกแลต!
เมื่อมองคราบเปรอะเปื้อนขนาดกว้างที่อยู่บนกระโปรง บวกกับสายตาจ้องมองของผู้คนที่อยู่ด้านข้าง ญาธิดาหน้าแดงแจ๋ขึ้นมาทันที
นี่มันไม่ใช่คราบเล็กๆ ที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เหตุการณ์เช่นนี้ ไม่เพียงแต่กระโปรงของเธอเลอะเทอะไปหมด อีกทั้งก็ยังทำให้อับอายขายหน้ามากอีกด้วย
จังหวะที่เธอไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีนั้น พนักงานที่อยู่ด้านข้างก็เขยิบเข้าหาทางด้านหน้า “ขอโทษจริงๆ ครับ ผมจะช่วยเช็ดให้คุณนะครับ!”
เขาพูดออกมา พร้อมทั้งใช้ทิชชูแผ่นเริ่มเช็ด ทว่าความเข้มข้นของช็อกโกแลตยิ่งเช็ดก็ยิ่งเห็นชัดขึ้นกว่าเดิม หลังการผ่านการเช็ดเช่นนี้ของเขาแล้ว คราบเปรอะเปื้อนที่มีอยู่เดิมนั้นมันยิ่งขยายวงกว้างมากกว่าเดิม
ญาธิดาย่นคิ้วทันที และรีบถอยกรูทันควัน “ไม่ต้องค่ะ คุณไม่ต้องเช็ดแล้ว...”
ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าพนักงานเสิร์ฟนั้นยังดึงกระโปรงของเธอไม่ยอมปล่อยมือสักที “ขอโทษครับ ผมต้องช่วยเช็ดกระโปรงให้สะอาดขึ้นได้แน่ครับ...”
แม้ว่าจะพูดออกไปเช่นนี้ ทว่ามือที่เขาดึงตัวกระโปรงอยู่นั้นก็ดึงอย่างไม่เกรงอกเกรงใจสักนิด
ญาธิดาที่ยืนไม่มั่นคงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้น การถูกคนฉุดกระชากเช่นนี้ จนร่างกายสูญเสียความสมดุล ร่างกายจึงหงายหลังลงอย่างรุนแรง จนล้มไปกองอยู่ที่พื้นทันที
เสียงเซ็งแซ่ที่ดังลั่นอยู่สักพัก กลับเรียกสายตาของคนอีกมากมายกว่าเดิม
ญาธิดาฝืนกลั้นความเจ็บปวดทั่วทั้งตัวเอาไว้ และค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ถึงได้ค้นพบว่าผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างใช้สายตาอันแปลกประหลาดมองมาที่ตัวเอง
คนอื่นเขามากันเป็นกลุ่มคณะ ส่วนเธอนั้นหัวเดียวกระเทียมลีบ เวลานี้กลับทำเรื่องขายหน้าเลยไม่มีคนช่วยพูดให้ ในทางกลับกันการที่ตนเองตกอยู่ในที่นั่งลำบากยิ่งทำให้ซวยซ้ำซวยซ้อนหนักกว่าเดิม
“คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย? ทำไมถึงไม่ยืนทรงตัวให้ดีล่ะ?”
พนักงานเสิร์ฟคนนั้นเดินขึ้นหน้ามา และแสร้งทำทีมาประคองเธอขึ้นมา
คนอื่นมองไม่ออก ทว่าญาธิดาที่เป็นเจ้าทุกข์ ซึ่งรู้แจ้งที่สุดแล้วว่าเมื่อครู่เขากำลังทำอะไร เธอจึงเก็บงำอารมณ์โกรธเอาไว้ พลางสะบัดมือของเขาออกไป “คุณไม่ต้องมาแตะต้องตัวฉัน!”
เธอพูดออกมาเช่นนี้ คนที่อยู่รอบๆ ต่างเริ่มกระซิบกระซาบหนักกว่าเดิม ทว่ากลุ่มฝูงชนแค่มองดูอยู่เช่นนั้น ไม่มีใครสักคนที่เสนอตัวเข้ามาช่วยสักคน
อีกฝั่ง ภวินท์ที่กำลังพูดคุยกับผู้จัดงานนั้น ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวทางนี้ จึงสายตากวาดมองมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ทันใดนั้น เขาก็มองเป็นร่างกายที่มีสีทองอันคุ้นเคย สายตาพลันจับจ้องมาทันควัน
ร่างกายสั่นเทาที่กำลังลุกขึ้นยืนจากพื้น ทำไมถึงดูคล้ายญาธิดาจริงๆ?
หัวคิ้วย่นเข้าหากันจนแน่น เขาวางแก้วที่อยู่ในมือลงทันควัน และยกมือขึ้นมือเพื่อเป็นการตัดบทคนที่กำลังพูดอยู่ด้านข้าง “ขอโทษครับ ขอตัวสักครู่”
เขาพูดจบ ก็ก้าวเท้ายาวๆ และเดินจ้ำอ้าวมุ่งหน้ามายังบริเวณที่กำลังก่อความวุ่นวายทันที
ญาธิดาลุกขึ้นยืน เธอไม่ได้สนใจบริเวณข้อศอกที่ถูกกระแทกจนเจ็บจี๊ด พลางก้มหน้าสำรวจชุดราตรีที่อยู่บนตัว เมื่อครู่ที่เธอล้มลง จึงเหยียบลงบนช็อกโกแลตร้อนๆ ที่อยู่บนพื้น ตอนนี้กระโปรงทั้งตัวมันยิ่งเลอะเทอะหนักกว่าเดิม
ไม่ต้องคิดอะไรให้มากอีกแล้ว เธอเองก็รู้ดีว่าเวลานี้เธอต้องอับอายขายขี้หน้าที่สุดอย่างแน่นอน
โชคดี ที่ภวินท์ไม่ทันเห็น
เธอพูดออกมาจากปากเองว่าจะไม่ก่อความวุ่นวายให้เขา ทว่าตอนนี้ถ้าภวินท์เดินมาและพาเธอออกไป ภายภาคหน้าก็จำต้องเผชิญหน้ากับความสงสัยของสื่อมวลชนและความคาดเดาของฝูงชน
เธอกัดฟันแน่น จนใจแป้วทันที สายตามองผ่านภวินท์ และหันหลังให้ด้วยความเย็นชาใส่ และมองมาทางคณินและกระซิบพูด “ไปกันเถอะ”
คณินเห็นว่าเธอเปลี่ยนใจขึ้นมาดื้อๆ ถือว่าแปลกใจอยู่บ้าง ทว่าเพียงชั่วเศษเสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง จึงยกมุมปากขึ้น และยื่นมือมาคว้าข้อมือของเธอไว้แน่นทันที พร้อมทั้งเดินจูงมือเธอฝ่าออกไปจากกลุ่มฝูงชน
ภวินท์จ้องมองแผ่นหลังของญาธิดา จู่ ๆ สีหน้าก็เคร่งขรึมลงถนัดตา ท้ายที่สุด สายตาก็จับจ้องมาที่คณินกำลังเดินจูงมือเธออยู่
ไม่คิดเลยว่า เธอยินยอมจะเดินไปกับผู้ชายที่เพิ่งจะเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียว แต่ไม่ยอมไปกับเขา!
การถูกคณินจูงไปยังอีกทางนั้น ญาธิดาแสบจมูกทันที น้ำตาก็ใกล้จะไหลออกมาอยู่รอมร่อ
“ไปหาสถานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ คุณรอผมนะ ผมจะไปหาชุดสะอาดมาให้คุณเดี๋ยวนี้”
คณินพูด และหันศีรษะกลับมา จึงมองเห็นเบ้าตาแดงก่ำของญาธิดา พลันตกตะลึงอย่างไม่รู้ตัว
“ร้องไห้ทำไม? น้อยใจเหรอ? คุณรอผมเดี๋ยวนะ ผมจะให้คนไปจัดการไอ้หมอนั่นสักรอบ!”
คณินเปลี่ยนสีหน้าทันควัน และปล่อยมือเธอ และดึงแขนเสื้อขึ้น และแสดงท่วงท่าเตรียมหาเรื่องต่อยคนเช่นนั้น
“ไม่ใช่ค่ะ” ญาธิดาตอบทันควัน “คุณไม่ต้องไปหรอกค่ะ ฉันไม่เป็นไร”
เธอชูมือขึ้นมา พลางใช้มือปาดน้ำตาตรงหางตาป้อยๆ
คณินชะงักเล็กน้อย พลางเงียบงันอยู่ไม่กี่วินาที จากนั้นก็เดินนำทาง เพื่อพาเธอไปยังเลาจน์รับรอง
เมื่อเดินเข้ามาให้เลานจ์รับรองแล้ว ญาธิดาจัดการล็อกประตู พลันน้ำตาไหลพรากอย่างไม่ขาดสายไร้หนทางควบคุม
เธอรู้สึกน้อยใจจริงๆ น้อยใจถึงขีดสุด สิ่งที่ทุกข์ทรมานกว่าก็คือ สถานะของเธอกับภวินท์นั้นมีเส้นบางๆ กีดกั้นให้แบ่งชั้นกัน จนไม่สามารถเปิดเผยได้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...