ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 62

พายุที่กำลังขับรถได้ยินปุ๊บ เหยียบเบรกทันที เปลี่ยนเลน แล้วกลับรถที่ทางแยก

ลมฝนที่ข้างนอกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด แต่กลับยิ่งตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ภวินท์มองดูนอกหน้าต่างที่เหมือนมีหมอกคลุมไว้ ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว 

เร็วไวมาก รถยนต์ก็ได้มาถึงที่starlight venuvเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าที่ที่ญาธิดาได้ยืนอยู่เมื่อสักครู่กลับว่างเปล่า!

ภวินท์ผลักประตูและลงจากรถยนต์  พายุรีบถือร่มลงมา และเข้ามากางร่มให้กับเขา

พายุหันหน้ากลับมามองดูรอบๆ“ทำไมไม่มีใครเลยครับ?”

แววตาภวินท์เศร้าโศกยิ่งขึ้น เขารับร่มอีกคันมาจากมือพายุและพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “แยกย้ายไปตามหาเร็ว”

.....

“ฮัดชิ่ว”

ญาธิดานั่งอยู่ในรถ จามติดต่อกันตั้งหลายครั้ง

“ทิชชูครับ”ตามมาด้วยเสียงผู้ชายที่นุ่มนวล ถัดมาทิชชูหนึ่งห่อก็ได้ยื่นมาตรงหน้าเธอแล้ว

ญาธิดาดึงออกมาหลายแผ่น และเอ่ยปากพูดว่า“ขอบคุณนะคะ”

เมื่อสักครู่เธอรออยู่ที่ข้างถนน starlight venue ตั้งครึ่งค่อนวันแล้ว โบกรถไม่ได้สักคัน ขณะที่เธอกำลังสิ้นหวัง จู่ๆก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามา หน้าต่างรถยนต์เปิดลงมา เป็นน้องชายของภวินท์ ภูผานี่เอง

เธอจนปัญญา ได้แต่ขึ้นรถของเขาไป

เห็นรถยนต์ขับไปทิศทางที่แปลกหน้า ญาธิดาอดที่จะถามไม่ได้ว่า“ตอนนี้เราจะไปไหนกันคะ?”

ภูผาที่อยู่ข้างๆตอบแบบไม่รีบไม่ร้อน ยกมุมปากขึ้นมาและพูดกับเธอว่า “ พาคุณไปอาบน้ำอุ่นที่แห่งหนึ่ง และเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย”

ญาธิดาปฏิเสธจากจิตใต้สำนึก “ไม่…ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกลับบ้านโดยตรงก็พอแล้วค่ะ”

เสื้อผ้าบนตัวเธอก็เปียกชื้นไปพอสมควรแล้ว ตั้งแต่หัวจรดเท้าล้วนเย็นเจี๊ยบเลย ถึงแม้ทรมานมากก็ตาม แต่เธอก็ไม่อยากรบกวนภูผา

ยังไงซะ พวกเขาเคยเจอกันแค่สองครั้งเอง ไม่ได้สนิทอะไร

“คุณกลับไปแบบนี้จะเป็นหวัดได้นะ ผมมีคอนโดชุดหนึ่งซึ่งอยู่ละแวกนี้ ผมพาคุณไปนะ สะดวกมากเลย”

ได้ยินภูผาพูดแบบนี้ ญาธิดาไม่กล้าปฏิเสธอีกเลย เธอก้มหน้าดูเสื้อที่เปียกชื้นในตัวเธอ พยักหน้าพูดว่า“งั้นก็รบกวนคุณแล้วนะคะ”

ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ จู่ๆภูผาก็หัวเราะออกมา “รบกวนอะไรกันเล่า คุณเป็นพี่สะใภ้ผมนะครับ ครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันแบบนี้หรอกนะครับ”

ได้ยินการเรียกนามแบบนี้ ญาธิดาอึ้งค้างไปก่อน ถัดมาก็หัวเราะให้กับเขาแบบเขินอาย

ถ้านับตามรุ่นแล้วละก็ เป็นแบบนี้จริงๆด้วยสิ

ไม่นาน รถก็ได้เข้าไปในเขตคอนโดที่หรูหรา และจอดอยู่ที่ใต้ตึกแห่งหนึ่ง

ญาธิดาตามภูผาและลูกน้องของเขา เข้าไปในคอนโด

ผลักประตูเข้าไป สีข้างในล้วนเป็นสีขาวสีดำกับสีเทา เรียบๆและสะอาดมาก

ญาธิดาเข้าไปปุ๊บ ภูผาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นว่า “ที่หน้าประตูมีรองเท้าผู้หญิงใหม่ๆเลยนะ คุณสามารถเปลี่ยนใส่ได้เลย ห้องนอนแขกทางโน้นก็มีเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมทั้งชุด คุณหาชุดที่ใส่ได้ มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย คุณสามารถอาบน้ำสักหน่อย”

ญาธิดาพยักหน้าให้กับเขา “ขอบคุณค่ะ”

พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องนอนแขก

เห็นห้องนอนประตูปิด สีหน้าภูผาก็ค่อยๆเย็นชาลง หลังจากนั้นสักพัก เขาค่อยๆหันหน้า และออกคำสั่งให้กับผู้ชายข้างๆไปว่า “คราม นายไปต้มชาขิงมาหน่อย”

“ได้เลยครับ คุณชาย”

ญาธิดาอาบน้ำเสร็จ ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผม และหาเสื้อผ้ากางเกงที่ธรรมดาที่สุดสวมใส่ขึ้นไป จากนั้นก็ออกไปจากห้องนอนแขก

ในห้องรับแขก ภูผานั่งอยู่บนรถเข็น และกำลังก้มหน้าก้มตาพลิกดูนิตยสารในมืออยู่ สีหน้าตั้งอกตั้งใจ จากมุมมองของญาธิดา มองเห็นขนตาอันยาวงอนของภูผาพอดี

ถึงแม้หน้าตาของเขาคล้ายๆกับภวินท์ก็ตาม แต่ว่าพวกเขาสองคนกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คนหนึ่งหยิ่งผยองและนิ่งๆ ส่วนอีกคนอบอุ่นและนุ่มนวล

แต่จะว่าไปแล้ว กรรมพันธุ์ของตระกูลสถินานนท์แรงมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม ล้วนเป็นคนเก่งกาจสามารถและเปล่งแสงประกาย ทำให้คนย้ายสายตาไม่ได้

สังเกตเห็นแววตาของเธอ ภูผาเงยหน้าขึ้นมา มองเห็นญาธิดา ยกมุมปากขึ้นมาทันที และปิดหนังสือในมือลง

ทั้งคู่พูดคุยกันอีกสักพัก เห็นเวลาโดยไม่ได้ตั้งใจ ญาธิดาถึงมีปฏิกิริยาตอบรับว่าเธอควรไปแล้ว

ภูผากดรถเข็นอัตโนมัติ ส่งเธอถึงหน้าประตู ยังแลกวิธีการติดต่อกับเธออีกด้วย “ธิดา ถ้าวันหลังคุณต้องการความช่วยเหลือ สามารถหาผมได้เลยนะ”

ญาธิดาหัวเราะให้กับเขา “ตกลง”

ครามลูกน้องของภูผาส่งเธอกลับบ้าน

ไม่นานเธอก็ถึงบ้านแล้ว

ที่ข้างนอกฝนยังตกอยู่ปรอยๆ ญาธิดากางร่มไว้ และเดินเข้าไปในบ้าน

เข้าไปในบ้านปุ๊บ ป้าจันทร์ก็เข้ามาต้อนรับด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก “คุณผู้หญิงคะ คุณกลับมาจนได้นะคะ เปียกฝนรึเปล่าคะ ”

ญาธิดาหัวเราะให้กับเธอด้วยการส่ายหน้า “ป้าจันทร์คะฉันไม่เป็นไรค่ะ”

เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้แค่อยากเข้าไปพักผ่อนดีๆที่ห้องนอนสักหน่อย

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วค่ะ คุณผู้ชายอยู่ในห้องหนังสือ น้าไปบอกเขาสักหน่อย……”

ป้าจันทร์พูดอยู่ ก็จะตามเขึ้นไปข้างบนพร้อมกับเธอ

ญาธิดาหยุดเดิน และเอ่ยปากเรียกเธอว่า “ป้าจันทร์คะ ไม่ต้องหรอกค่ะ”

เรื่องของเธอเกรงว่าวินทร์ไม่ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นเขาจะทิ้งเธอไว้ที่starlight venueได้ยังไงกันหล่ะ?

ท่าทางคุณน้าหยุดนิ่งทันที และหันหน้ามองไปที่ญาธิดา ถึงสังเกตเห็นว่าสีหน้าเธอดูผิดปกติ “คุณผู้หญิงคะ มีอะไรหรือคะ?”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

ญาธิดาส่ายหน้า และไม่ขอพูดมากอีก กลับไปที่ห้องนอนชั้นบนโดยตรง

เสียงปิดประตูดัง “เปรี้ยง” หนึ่งครั้ง ทางเดินอีกฝั่ง รูปร่างที่สูงใหญ่คนนึงกำลังยืนอยู่

แววตาของภวินท์เศร้าหมอง คำพูดของญาธิดากับป้าจันทร์เหล่านั้น เขาได้ยินหมดแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์