ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 674

ด้วยการสนับสนุนจากพร้อมพงษ์ ในการประชุมฉุกเฉินจึงทำให้ภวินท์สามารถรักษาความไว้วางใจและเชื่อใจของทุกคนเอาไว้ได้สำเร็จ

“ผม ภวินท์ ขอรับรองกับทุกคนว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเป็นเพียงชั่วคราว ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของSTN Group ขอทุกคนโปรดให้โอกาสผม ภายในสองสัปดาห์ ถ้าผมไม่สามารถปกป้องSTNเอาไว้ได้ ผมจะสละตำแหน่งและส่งต่อธุรกิจครอบครัวอย่างSTNให้บุคคลที่เหมาะสมกว่ามาดูแล!”

วาทศาสตร์และคำมั่นสัญญาของเขาทำให้ทุกคนหมดความสงสัยและความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เวลาสองสัปดาห์จะว่าสั้นก็ไม่สั้น จะว่ายาวก็ไม่ยาว สำหรับเขาแล้วมันก็นับเป็นบททดสอบหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน

หลังจากออกมาจากห้องประชุม ภวินท์ขมวดคิ้วแน่นและจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง

ตอนนี้เรื่องในบริษัทและเรื่องภูผามันทำให้เขาฟุ้งซ่านและรับมือได้ยากจริง ๆ

ภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้คือต้องจับภูผาให้ได้ก่อน มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นเขาถึงจะไม่ถูกมัดมือมัดเท้าและสามารถทำอะไรต่ออะไรได้โดยไม่ต้องคิดหน้าพะวงหลัง

หนึ่งวันที่ยังจับภูผาไม่ได้ ก็คือหนึ่งที่เขาไม่สบายใจ

อย่างแรก เขาอยู่ในที่สว่าง แต่ภูผาซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ถ้าคิดอยากจะโจมตีเขามันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก อีกอย่างรอบตัวเขามีจุดอ่อนมากเกินไป ทั้งSTN คุณย่าและพ่อ ญาธิดากับอีธานเอลล่า แล้วไหนจะยังมีพ่อแม่ของเธออีก คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่เขาไม่สามารถมองข้ามได้ และล้วนเป็นคนที่เขาเป็นกังวลใจมากที่สุด

หลังจากนั่งอยู่นาน จู่ ๆ เขาก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “พายุ”

พายุรีบเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยปากถาม “คุณภวินท์มีอะไรจะสั่งการเหรอครับ?”

“ยังจำไร่ชาที่เมืองCได้ไหม?”

เขาคิดไม่ถึงว่าภวินท์จะเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมา เขาชะงักนิ่งแล้วพูดขึ้นว่า “จำได้ครับ”

ภวินท์ชะงักแล้วพูดว่า “ฉันอยากให้คุณย่า คุณพ่อ ญาธิดาและคนอื่น ๆ ไปอยู่ที่นั่น รอให้เรื่องทุกอย่างที่นี่จบลงแล้วค่อยว่ากัน”

เขามีคฤหาสน์หลังหนึ่งในเมืองC ไร่ชาหลายสิบหมู่ คฤหาสน์สีขาวสะอาดตาและสะดวกสบาย

เดิมทีที่นั่นเป็นโครงการพัฒนาของบริษัท แต่เนื่องจากแผนของบริษัทล้มเหลวเขาจึงเก็บมันเอาไว้เอง แถมชื่อเจ้าของก็ไม่ได้ใช้ชื่อของเขา บวกกับที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองC ดังนั้นมึนจึงค่อนข้างลึกลับมาก

อย่างน้อยก็ไม่มีใครตรวจหาเจอ

ตอนนี้ถ้าพาคนที่เขาเป็นห่วงที่สุดทุกคนให้ไปอยู่ที่นั่น เขาก็จะพลอยสบายใจขึ้นบ้าง

“นายคิดว่าไง?”

ภวินท์หันไปมองพายุ

พายุพยักหน้ารับ “ผมคิดว่าดีครับ ตอนนี้เกรงว่าเมืองJจะไม่ปลอดภัย ไม่รู้ว่าทางภูผาจะมีแผนการอะไรอีก ระวังไว้จะดีกว่า”

ภวินท์พยักหน้าและพูดเบา ๆ ว่า “ทางด้านคุณย่ากับคุณพ่อ นายไปจัดการ”

ส่วนทางด้านญาธิดาเขาจะเป็นคนบอกกับเธอเอง

พายุพยักหน้า “ครับ”

จู่ ๆ ภวินท์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เลยรีบเอ่ยปากถามออกไปว่า “ว่าแต่ทางหลุยส์มีข่าวอะไรบ้างไหม?”

ตอนนี้มีคนของหลุยส์กับจรณ์ตามจับภูผาคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่นี่ผ่านไปสองสามวันแล้วกลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย

“ทางด้านคุณจรณ์ได้จัดคนไปดักตามสถานีรถและสนามบินแล้วครับ ทันทีที่ข้อมูลประจำตัวของภูผาปรากฏเขาก็จะถูกจับกุมตัวทันที แต่ว่าเขาคงจะไม่ใช่มันอีกแล้ว เขาคงจะเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัว พวกวิธีการปลอมตัวเขาก็คงจะรู้หมด แต่ตอนนี้มีเทคโนโลยีสแกนใบหน้าหมดแล้ว เขาหนียาก”

ภวินท์ขมวดคิ้ว “แสดงว่าตอนนี้เขายังอยู่เมือง J?”

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าที่เขาพูดแบบนี้ก็เพื่อจะปลอบโยนเธอ แต่ภายในใจของเธอกลัวรู้สึกเจ็บปวดมาก เธอทำใจปล่อยเขาให้เผชิญเรื่องทุกอย่างที่นี่คนเดียวไม่ได้ และกลัวว่าเขาอยู่ที่นี่จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นกับเขา...

ในเมื่อเรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ต่อสู้กันเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มันเป็นเรื่องชีวิต ถ้ามีอะไรผิดพลาดผลสุดท้ายก็จะมีแต่ผลลัพธ์ที่เธอทำใจยอมรับไม่ได้

เมื่อเห็นใบหน้าของญาธิดาซีดขาว ภวินท์กระตุกมุมปากยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดปลอบเธอว่า “เป็นห่วงฉันเหรอ?”

ญาธิดาไม่ปฏิเสธ ในใจรู้สึกสับสน

ภวินท์ยิ้มอย่างเงียบ ๆ “ถ้าเป็นห่วงฉันจริงก็ไปอยู่ที่คฤหาสน์ก่อน ไว้ฉันเสร็จธุระทางนี้เมื่อไหร่ ฉันจะรีบไปหาพวกเธอทันที”

ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ ญาธิดาจะส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันไม่ไป”

หลายปีที่ได้รู้จักเขา ดูเหมือนทุกครั้งที่มีอะไรเกิดขึ้นคนที่หลบหนีมักจะเป็นเธอตลอด เมื่อหกปีที่แล้ว เขาพยายามเพื่อจะช่วยชีวิตของเธอด้วยชีวิตของตัวเอง แต่สุดท้ายเธอกลับเดินจากเขาไปอย่างโหดเหี้ยม หลังจากกลับมาเมืองJ เธอก็ยังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะอยู่ห่างจากเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พอทุกครั้งที่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ เขากลับปรากฏตัวตรงหน้าเธอเสมออย่างไม่ลังเลเลย

ครั้งนี้ เธอจะขี้ขลาดต่อไปไม่ได้แล้ว และเธอก็ไม่อยากถอยอีกต่อไปแล้ว

ยิ่งเมื่อคิดแบบนี้แล้ว การตั้งใจที่จะอยู่ในเมืองJต่อก็ยิ่งแน่วแน่มากขึ้นเรื่อย ๆ

เธอเงยหน้าขึ้น สบตาภวินท์แล้วส่ายหน้าไปมา และพูดว่า “ฉันไม่ไป”

แววตาของภวินท์เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ไม่นานเขาก็ย้ำทุกคำชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม “ญาธิดา ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเอาแต่ใจตัวเองนะ ถึงเธอจะไม่อยากไปแต่เธอไม่คิดถึงอีธานกับเอลล่าบ้างเหรอ!”

จู่ๆ เสียงของเขาก็ดังขึ้น หลังจากสิ้นเสียงของเขา บรรยากาศโดยรอบก็เงียบสนิท วินาทีนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งไป

ดวงตาของญาธิดาแดงก่ำ

ครั้งนี้เธออยากจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขเคียงข้างมากจริง ๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์