ท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปอย่างกะทันหัน ค่อย ๆ มืดสนิทลง ตกกลางคืนมีรถคันหนึ่งแล่นผ่านถนนสายหลักในเขตชานเมืองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าไปในคฤหาสน์หลังหนึ่ง
ซึ่งก็คือบ้านพักที่ภูผาอาศัยอยู่มาโดยตลอด ตอนนี้ไฟภายในบ้านมืดสนิท ซ่อนตัวลึกลับอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ ดูน่ากลัวน่าขนลุกมากไม่น้อย
ที่อยู่ของคฤหาสน์หลังนี้เขาซ่อนมันเอาไว้อย่างลึกล้ำ ต่อให้มีคนอยากจะมาตรวจสอบก็คงต้องใช้เวลานานพอสมควร แต่ตอนนี้เขาอยู่ไม่ได้แล้ว เขารีบเก็บของสำคัญและต้องรีบออกไปจากที่นี่ทันที!
รถเบรกตรงหน้าประตู ไม่นานภูผาก็ลงมาจากรถแล้วรีบขึ้นไปในห้องหนังสือชั้นสอง เขาเปิดตู้เซฟและหยิบธนบัตรดอลลาร์สหรัฐที่เตรียมไว้พร้อมสมุดเงินฝากจากธนาคารต่างประเทศ ตลอดจนชุดบัตรประชาชนปลอมทั้งชุดและอุปกรณ์ป้องกันตัวออกมา
แค่มีของพวกนี้เขาก็สามารถหนีออกจากเมือง J ได้อย่างปลอดภัยแล้ว หนีออกไปอยู่ต่างประเทศ ตราบใดที่ยังมีชีวิตก็ยังมีความหวัง ไว้รอให้เขาหายดีเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยกลับมาเอาชีวิตของภวินท์ก็ยังไม่สาย!
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็กัดฟันแน่น พลางเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว และออกไปจากห้องหนังสืออย่างเงียบ ๆ
เมื่อเดินมาถึงบันได จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงไอเบา ๆ ดังออกมาจากห้องที่อยู่ไม่ไกล หัวใจของเขากระตุกเต้นแรงและชะงักฝีเท้าอย่างกะทันหัน
เขาลืมไปว่าผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ที่นี่
ภูผาขมวดคิ้ว กัดฟันแน่นและตัดใจเดินหนีไป แต่เดินลงบันไดได้แค่สองก้าวหัวใจของเขายิ่งบีบแน่น ความเห็นอกเห็นใจพรั่งพรูเข้ามา ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ
ไม่รู้ทำไมแค่นึกถึงผู้หญิงคนนั้นจ้องมองเขาด้วยน้ำตา หัวใจของเขามันก็บีบแน่นและเจ็บปวดทรมานอย่างห้ามไม่ได้
ให้ตายสิ! เขาเคยหลงใหลผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้ได้ยังไง? แถมยังช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญต่อความเป็นความตายแบบนี้อีก แต่ว่าทุกก้าวที่เขาก้าวออกไปมันทำให้เขารู้สึกทรมาน หัวใจของเขาเหมือนถูกควักด้วยกรงเล็บแหลมคม มันทรมานจนแทบทนไม่ไหว!
เอาเหอะ! พาผู้หญิงคนนั้นก็ไปด้วยก็เหมือนพาสัตว์เลี้ยงไปด้วย เวลาเบื่อ ๆ ยังพอช่วยแก้เบื่อได้ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความสามารถของเขาถ้าจะพาเธอไปด้วยอีกคนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร!
ขณะที่กำลังครุ่นคิดเขากัดฟันแน่น ก่อนจะรีบหันกลับเดินขึ้นบันไดและตรงไปเปิดประตูห้องนั้น
ภายในห้องมืดสลัว เขาเปิดประตูออกเห็นเกล้าแก้วที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทางต้นเสียงอย่างกะทันหัน ดูเหมือนเธอจะตกใจกับการเคลื่อนไหวของเขา เพราะเธอตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง บวกกับใบหน้าที่ผ่ายผอม แก้มที่ตอบเข้าไปทำให้ดวงตาดูโตผิดปกติ
ภูผาเดินเข้าไปหยิบกุญแจดอกเล็ก ๆ จากลิ้นชักข้าง ๆ มาไขกุญแจตรงข้อเท้าของเธอ จากนั้นก็ดึงเสื้อคลุมตัวยาวและหนาออกจากมาตู้เสื้อผ้ามาคลุมตัวเธอไว้แล้วดึงเธอเดินออกไป
เกล้าแก้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างตื่นตระหนก “คุณจะพาฉันไปไหน?”
ภูผาหันกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปก็หุบปากซะ!”
เกล้าแก้วตกใจและไม่ได้พูดอะไรอีก
จะว่าไปหลังจากที่รู้จักกันมาหลายปีนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นภูผากระวนกระวายใจมากขนาดนี้
เมื่อก่อนเขามักจะซ่อนดาบในรอยยิ้ม ใจเย็นนิ่งสงบ แต่จู่ ๆ ก็เป็นแบบนี้แสดงว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ๆ
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ เมื่อลงมาถึงห้องโถ่งข้างล่างทุกอย่างมืดสนิท ไม่มีคนรับใช้ ดูเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ
เธอถูกยัดเข้าไปในรถ เมื่อเห็นภูผาสั่งให้คนขับรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว เธอก็หันไปมองรอบรถ นอกจากคนขับรถที่เธอไม่คุ้นเคยเธอก็ไม่เห็นเงาของครามอยู่ในรถด้วยเลย จู่ ๆ เธอก็รู้สึกแปลกใจและกังวลใจไปตาม ๆ กัน
ที่น่าแปลกใจก็เพราะภูผาจะต้องเจอกับเหตุการณ์ใหญ่เข้าแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่กระวนกระวายจนผิดปกติขนาดนี้ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็วิตกกังวลใจมาก ใครจะรู้ว่าชะตากรรมของเธอจะเป็นยังไงต่อไป?
หลังจากคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ส่งผลกระทบต่อSTN Groupละตระกูลสถิรานนท์ถูกลือจนหมักหมมมาตลอดสองวัน กลายเป็นว่าพวกผู้คนยิ่งทำตามอำเภอใจตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
เข้าวันรุ่งขึ้น เมื่อภวินท์มาถึงSTN Group พายุกับพยัคฆ์ก็พากันวิ่งไปมาทั่วห้องทำงานท่านประธานกว่าสองสามรอบแล้ว ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไม่มั่นคง หัวใจของคนทั้งบริษัทย่อมสั่นคลอน ประกอบกับความวุ่นวายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกสื่อเลว ๆ เขียนข่าวแย่ ๆ ทำให้หุ้นของบริษัทผันผวน
“คุณภวินท์ พวกเราต้องรีบคิดหาวิธี ตอนนี้แม้แต่ผู้ถือหุ้นเก่าในบริษัทก็เริ่มไม่มั่นใจแล้ว พวกเขามีตำแหน่งสูงในบริษัท ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น และทุกคนต่างกำลังจับตามอง เกรงว่า...”
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น ไม่ต้องรอให้พายุรายงานเรื่องนี้ เขาก็รู้ดีอยู่แล้ว
ผู้บริหารระดับสูงปั่นป่วนใจ แถมจิตใจของคนในบริษัทก็ไม่มั่นใจ ตอนนี้ภวินท์ยังต้องจัดการกับภูผา จิตใจฟุ้งซ่าน ทำเอาตระกูลสถิรานนท์รวมไปถึงบริษัทโกลาหลวุ่นวายเละเทะเป็นโคลนตม ทำให้กลายเป็นเรื่องตลกของเมือง J
ภวินท์นิ่งไปแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ลุงพร้อม ขอโทษนะครับที่ทำให้ลุงต้องมาเจอเรื่องน่าขำแบบนี้”
พร้อมพงษ์โบกมือไปมา “ตระกูลใหญ่ย่อมมีการแข่งขันต่อสู้ แต่โชคดีที่ตระกูลสถิรานนท์มีแค่พวกเธอสองคน ต่อให้ต่อสู้กันเท่าไหร่ก็มีแค่แกตายข้ารอด ฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้เรื่องมันก็จบ แต่ถ้าเป็นครอบครัวที่มีลูกหลานเยอะกว่านี้ เกรงว่าจะวุ่นวายมากยิ่งกว่านี้อีก...”
ภวินท์พยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ธุรกิจครอบครัวของตระกูลสถิรานนท์กว่าจะมีวันนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย ในอดีตคุณพ่อได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากลุงพร้อม ตอนนี้ผมก็หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากลุง อีกอย่างขาของผมหายดีแล้ว เรื่องนี้ผมปิดบังมาโดยตลอด แต่กับลุงผมไม่เคยคิดที่จะปิดบัง”
เมื่อเขาพูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการให้เกียรติพร้อมพงษ์อย่างมาก และในขณะเดียวกันก็เป็นการแบไพ่เผยไต๋เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นและความไว้วางใจของตัวเขาด้วยเหมือนกัน
ว่าตามเหตุผลพร้อมพงษ์ไม่มีทางที่จะไม่เข้าใจ
พร้อมพงษ์เงียบไปครู่หนึ่ง ยกถ้วยชาขึ้นจิบแล้วพูดว่า “ลุงได้ยินมาว่า เพื่อต้องการยึดอำนาจภูผาถึงกับหลอกใช้ปกรณ์ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนดีอะไร ลุงไม่มีทางสนับสนุนเขาอยู่แล้ว วินสบายใจได้ ลุงยืนอยู่ฝั่งวิน”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ภวินท์ก็สบายใจขึ้น
เมื่อได้รับการสนับสนุนจากพร้อมพงษ์ อย่างน้อยเรื่องในบริษัทเขาก็ไม่ต้องแบกรับความกดดันอะไรมากแล้ว
“ขอบคุณครับลุงพร้อม ไว้เรื่องนี้จบและสถานการณ์ทุกอย่างสงบลง ผมจะจัดแจงเวลาให้ลุงได้เจอกับพ่อ”
พร้อมพงษ์พยักหน้าด้วยแววตาโล่งใจ “พอแก่ตัวลงก็ไม่ได้สนใจอำนาจและผลประโยชน์อะไรแล้วล่ะ ตรงกันข้ามความจริงใจมีค่ามากยิ่งกว่า”
คำไม่กี่คำทำให้ภวินท์รู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมา
ไว้รอให้จับภูผาได้แล้ว เขาจะใส่ความใส่ใจทั้งหมดให้กับคนที่เขาห่วงใยทุกคนให้มากที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...