ดวงชีวันพสุธา นิยาย บท 3

เมื่อหมิงโร่เห็นการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของซือห้าวเฉิน ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก : “ตอนนี้ท่านไม่กลัวข้าจะวางยาพิษแล้วหรือ ?”

“หากเจ้าวางยาพิษข้าจนตาย เจ้าก็ต้องถูกฝังเพื่อสังเวยไปพร้อมข้าอยู่ดี”

ถึงแม้ซือห้าวจะอยู่ในอาการโคม่า แต่เขาก็ยังไม่ได้หมดสติไปเสียทีเดียว สิ่งที่หมิงโร่พูดเขายังพอได้ยินอยู่บ้าง มิเช่นนั้นคงไม่เว้นที่ว่างเอาไว้ ตอนที่ใช้กระบี่จ่อคอของนาง

ฮ่องเต้ตานซู่เคยเสนอให้หลันยางจวิ้นจู่แต่งงานกับเขา ถึงแม้เขาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่คิดที่จะแต่งงาน

แต่ผู้หญิงที่จะถูกฝังเพื่อสังเวยไปพร้อมกับขาคนนี้ เขาเองไม่เคยพบหน้ามาก่อน “เจ้าคือใคร”

“องค์หญิงหงสาแห่งหนานหรง เหยียนหมิงโร่” หมิงโร่ทำได้เพียงรายงานตัวตามฐานะของร่างเดิม “เอ๊ะ......”

หมิงโร่เพิ่งจะพูดจบ ก็ถูกซือห้าวเฉินใช้กระบี่เปิดผ้าคลุมหน้าออก เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีสัน ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย : “อัปลักษณ์จริง ๆ.....”

ซือหาวคิดในใจ----ไม่แปลกใจเลยที่องค์ชายสามปฏิเสธการแต่งงาน รูปลักษณ์อันมีเกียรติเช่นนี้ ยากที่จะบรรยายจริง ๆ......

“ต้องโทษตอนที่รับข้าเข้ามา องค์หยุนชินอ๋องนอนไม่ได้สติ อีกทั้ง......ตงเหิงเองก็มีธรรมเนียมแย่ ๆ อย่างเช่นการฝังคนเป็นเพื่อสังเวยอีกด้วย”

ในฐานะของผู้หญิงยุคใหม่ที่ได้รับการศึกษาระดับสูง หมิงโร่ไม่อาจยอมรับธรรมเนียมที่ป่าเถื่อน อย่างการฝังคนเป็นสังเวย

“ธรมเนียมแย่ ๆ ?” ซือห้าวเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย “หรือว่าข้าทำให้เจ้าต้องรู้สึกอัปยศ ?”

“มิกล้า ๆ......หม่อมฉันต่างหากที่ไม่คู่ควรกับหยุนชินอ๋อง”

คนเราเมื่อยู่ใต้ชายคาของผู้อื่นจำต้องอ่อนน้อม ตอนนี้หากคิดจะออกไปจากสถานที่เลวร้ายนี่ ก็จะต้องพึ่งพาชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้

“หึ ถือว่าเจ้ายังรู้จักที่ต่ำที่สูง” ซือห้าวเฉินจับกระบี่ลุกขึ้นมา แล้วกระโดดออกจากโลงศพอย่างง่ายดาย

หมิงโร่เพิ่งสังเกตเห็นว่า รูปร่างของชายคนนี้สูงโปร่ง มีรูปลักษณ์ที่งดงามดุจเทพเจ้า

ซือห้าวเฉินกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วเดินตรงออกไปด้านนอก

หมิงโร่มองดูพื้นโลงศพที่เต็มไปด้วยไข่มุกตะวันออก จึงยื่นมือออกไปหยิบมาสองสามเม็ดเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นจึงรีบตามออกไปอย่างรวดเร็ว

โถงทางเดินด้านนอกกว้างยาวสุดลูกหูลูกตา ผนังด้านบนฝังผลึกพลอยเอาไว้ ดูราวกับทะเลดาวอันกว้างใหญ่ ภายในพื้นที่เงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของทั้งสองคน ยิ่งเดินออกไปด้านนอกมากเท่าไร ผลึกพลอยที่ฝังอยู่ก็ยิ่งน้อยลง ทำให้แสงสว่างค่อย ๆ มืดลงเช่นกัน

หมิงโร่รู้สึกกลัวเล็กน้อย จึงยื่นมือออกไปจับแขนเสื้อของซือห้าวเฉินเอาไว้

ซือห้าวเฉินหยุดฝีเท้า แล้วหันหน้ากลับไปมอง ใช้สายตาที่เย็นชาเหลือบมองไปยังมือของหมิงโร่ ที่จับแขนเสื้อของเขาอยู่ และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว : “เป็นอะไร ?”

“คือว่า......” หมิงโร่กลืนน้ำลาย “ที่นี่คือวังใต้ดิน คงต้องมีการวางกับดักเพื่อป้องกันสุสานใช่หรือไม่ ?”

“แล้วยังไง ?” ซือห้าวเฉินถามกลับโดยไม่ตอบอะไร

“ข้ารู้สึกว่าที่นี่น่าจะมีค่ายกล ท่านเลือกทางนี้......อาจจะเป็นทางตัน” หมิงโร่เกิดในตระกูลขุนนางแพทย์เสวียน จึงไม่ได้สนใจด้านปรัชญามากนัก แต่มักจะตอบสนองต่ออันตรายได้อย่างรวดเร็วอยู่เสมอ

“เจ้าเข้าใจวิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย” ตอนนี้ซือห้าวเฉินมองหมิงโร่ด้วยสายตาที่ปลี่ยนไป

“จะเรียกว่าเข้าใจก็คงไม่ได้ เรียกว่ารู้จักผิวเผินเท่านั้น” ด้วยความสามารถแบบผิวเผินที่ตนเองมีอยู่ ทำให่หมิงโร่ไม่กล้าที่จะโอ้อวด

ซือห้าวเฉินถอยหลังไปสองสามก้าว ยกกระบี่ในมือขึ้นฟัน ผลึกพลอยเม็ดหนึ่งกลิ้งตรงไปบนทางทางเดินหินเรียบด้านหน้า ดูเหมือนว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ก็มีลูกธนูยิงออกมาจากทั่วทุกสารทิศ

ปกติแล้วกับดักเช่นนี้ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้ แต่ตอนนี้การจะใช้กำลังภายในถือเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ซือห้าวเฉินไม่ชอบความอ่อนแอของตนเองในตอนนี้เลยสักนิด แต่ก็จนปัญญา : “เจ้าว่าเส้นทางไหนที่ไปได้ ?”

“อืม นี่ฟังดูมีเหตุผล” ทักษะด้านทิศทางของหมิงโร่ ดีกว่าพวกโง่ข้างถนนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงเห็นด้วยกับสิ่งที่ซือห้าวเฉินกังวล

เธอแสร้งทำทีพลิกแขนเสื้อขนาดใหญ่ที่ปักลวดลายหงส์และมังกร อาศัยจังหวะนี้หยิบผ้าพันแผลที่มีความยืดหยุ่นและยาวเป็นพิเศษออกมาหนึ่งม้วน

ใช้ปลายด้านหนึ่งผูกไว้ที่เอว ส่วนอีกด้านยื่นให้กับซือห้าวเฉิน “หากไม่มีทางออก ข้าจะว่ายตามเชือกเส้นนี้กลับมา หากมีทางออก องค์หยุนชินอ๋องก็จงว่ายตามเชือกเส้นนี้ไปหาข้า”

เมื่อเห็นหมิงโร่กำลังจะลงไปในน้ำ ซือห้าวเฉินก็ยื่นไข่มุกราตรีที่ติดอยู่กับเชือกถักให้กับนาง : “นำสิ่งนี้ไปด้วย”

“ได้” หมิงโร่คิดว่าคงเป็นการลำบากหากถือไว้ในมือ จึงแขวนเอาไว้ที่คอ “หากผ่านไปครึ่งชั่วโมงข้ายังไม่กลับมา ท่านก็ลงไปหาข้า”

ซือห้าวเฉินไม่ตอบรับใด ๆ ผู้หญิงคนนี้มั่นใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง หากนางจมน้ำ จะให้เขาลงไปเก็บศพขึ้นมาหรืออย่างไร ?

ซือห้าวเฉินรอจนครบครึ่งชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้ลงไปในน้ำในทันที แต่กลับดึงเชือกรูปร่างแปลกประหลาดที่ถืออยู่ในมือของตนเองกลับมา หลังจากผ่านใช้เวลาดึงกลับอยู่พักใหญ่ เขาก็พบว่าไข่มุกราตรีที่ตนเองมอบให้ก่อนหน้านี้ ถูกผูกติดอยู่กับเชือก......

เขาแกะไข่มุกราตรีออกมา แล้วกระโดดลงไปในน้ำ ว่ายไปตามเชือกยาวที่ดูราวกับมังกรในทะเล หลังจากว่ายผ่านเส้นทางที่มืดมิดของแม่น้ำ ก็มีแสงสว่างจากท้องฟ้าส่องทะลุลงมาในน้ำ ซือห้าวเฉินว่ายเข้าหาลำแสงนั้น แล้วรีบโผล่พ้นผิวน้ำเพื่อสูดหายใจเข้าเต็มปอดทันที

เมื่อมองตามผ้าพันแผลที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำของทะเลสาบไป----ก็พบเข้ากับหญิงสาวที่สวมซับในสีแดง กำลังนั่งยอง ๆ เพื่อผิงเสื้อผ้าของนางอยู่ข้างกองไฟ ดูราวกับจะเป็นแสงสว่างเดียวที่อยู่ท่ามกลางน้ำตกดำมืดทางด้านหลัง และป่าเขียวขจีที่อยู่โดยรอบ

ซือห้าวว่ายเข้าฝั่ง เมื่อหมิงโร่ได้ยินเสียงก็หันหน้ากลับไปมอง และหัวเราะเบา ๆ : “ท่านว่ายน้ำเร็วเหมือนกันนี้ รู้สึกจุกแน่นหน้าอกบ้างไหม ?”

เมื่อซือห้าวเฉินเห็นใบหน้าของหญิงสาวก็ผงะไปเล็กน้อย ผิวขาวราวหิมะช่างดูบอบบาง คิ้วโก่งเป็นคันศร จมูกโด่งได้รูป หลังจากล้างริมฝีปากที่แดงเหมือนกระอักเลือดออก ก็ดูอ่อนโยนและน่ารักขึ้นมาทันที......มีเส้นผมที่เปียกชื้นติดอยู่บนแก้มของนาง ถึงแม้จะดูเจ้าเล่ห์เล็กน้อย แต่ก็ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่เขาเคยเจอมา เห็นได้ชัดว่าดูฉลาดเฉลียวเป็นพิเศษ

หมิงโร่กวักมือเรียกซือห้าวเฉิน : “มาผิงไฟเร็วเข้า ท่านเป็นโรคหัวใจ หากเป็นหวัดจะลำบาก......”

ตอนนี้เธอรู้สึกกังวลใจกับสภาพร่างกายของซือห้าวเฉินมาก ไม่ง่ายเลยที่จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หากยังไม่ทันข้ามวันก็ต้องถูกฝังเพื่อสังเวยชีวิตอีก คงไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่านัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงชีวันพสุธา