เธอยืนนิ่งอยู่กับที่ ทำไมหนานกงเฉินถึงตามมาถึงที่นี่ได้? ซูซี่เป็นคนบอกเขาหรอ?
ไม่มีเวลาคิดแล้ว เธอก็หันหลังหลบเข้าไปสำนักงาน แต่แขนของเธอกลับถูกหลินอันหนานดึงไว้ จะหลบก็หลบไม่ได้
หนานกงเฉินลงรถมาอย่างรวดเร็วแล้วกวาดมองทั้งสองตรงหน้า สายตาก็มองไปที่มือหลินอันหนานที่จับมือของไป๋มู่ชิงไว้ สุดท้ายก็หยุดสายตาลงบนใบหน้าไป๋มู่ชิง สถานการณ์แบบนี้เขาคิดไม่ถึงเลย ความโมโหในใจก็ค่อยๆทะลุออกมา
ผ่านไปสักครู่เขาค่อยกัดฟันพูด "ทุกคนเอาแต่บอกผมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่คอนโดเมื่อคืนเป็นแค่ความฝัน เธอก็อยากจะพูดแบบนี้หรอ?"
ไป๋มู่ชิงประหลาดใจไป ที่คุณหญิงบอกว่าท่านจะทำให้หนานกงเฉินลืมเรื่องเมื่อคืนเป็นเรื่องจริงงั้นหรอ?
"พูดสิ!" หนานกงเฉินเอ่ยสั่งขึ้น
ไป๋มู่ชิงอ้าปากจงใจพูดไปว่า "อะไรเกิดขึ้นที่คอนโด? ฉันไม่เข้าใจว่านายกำลังพูดอะไร"
หนานกงเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ ความโมโหก็ปะทุออกมาอีกครั้ง "เธอหมายความว่า นั่นเป็นแค่ความฝันงั้นหรอ?"
"ฉันไม่รู้อยู่ดีว่านายกำลังพูดอะไร" ไป๋มู่ชิงพูด
"แล้วตอนนี้เธอคิดจะทำอะไร? หย่ากับผม จากนั้นก็ไปอังกฤษกับมันนั่นหรอ?" หนานกงเฉินมองไปทางหลินอันหนาน
เมื่อกี้เขาเปิดแอพพลิเคชั่นติดตามตำแหน่งก็เห็นเธออยู่ที่สำนักงาน เลยเดาได้ทันทีว่าเธอกำลังจะไปกับหลินอันหนาน ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันแล้ว!
ไป๋มู่ชิงกัดปากแน่นแล้วพูดอย่างจงใจ "หนานกงเฉิน ในเมื่อนายจับฉันกับหลินอันหนานได้แล้ว รู้แล้วด้วยว่าเรากำลังจะไปต่างประเทศ ทำไมไม่ยอมปล่อยมือแล้วปล่อยเราไปล่ะ?"
"ขโมยผลงานของบริษัทแล้วก็อยากจะหนีไปงั้นหรอ? ไม่มีทาง!" หนานกงเฉินพูดอย่างโมโห "ไป๋มู่ชิง ผมเตือนคุณไว้เลย ถึงแม้ผมจะยอมตกลงหย่ากับคุณ ก็จะไม่ปล่อยคุณไปให้ผู้ชายคนนี้หรอก แต่จะส่งคุณเข้าคุกแทน โทษฐานที่ขโมยเอกสารลับทางธุรกิจ ผมคิดว่าคุณน่าจะเคยได้ยินผ่านหูบ้าง"
"นาย……!" ไป๋มู่ชิงหมดคำพูด
ถ้าไปแจ้งความเธอจริง เธอก็คงต้องเข้าคุกแน่ๆ แต่เธอไม่กังวลแล้วไม่เกลียดเขาด้วย
"มู่ชิงเธออย่ากลัว สิ่งที่เธอไม่เคยทำเขาทำอะไรเธอไม่ได้หรอก" หลินอันหนานพูดข้างหูไป๋มู่ชิง
ท่าทางที่สนิทสนมของทั้งสองกระตุกต่อมอารมณ์ของหนานกงเฉิน เขากัดฟันพยายามกลั้นอารมณ์ไว้ "ทำไม? กลัวหรอ? ถ้ากลัวก็กลับไปกับผมซะ"
ไป๋มู่ชิงก็ยังคงกัดริมฝีปากตัวเองไว้ กัดจนรู้สึกเจ็บ เมื่อนึกถึงความหัวแข็งของคุณหญิง นึกถึงโรคของเขา เธอพยายามห้ามตัวเองไม่ให้หลงกลกับคำพูดของเขาแล้วพูดไปว่า "ถ้านายจะฟ้องก็ฟ้องเถอะ ฉันจะรอดูว่าฉันจะเข้าคุกกี่ปีกัน ฉันบอกความจริงกับนายก็ได้ ตั้งแต่ที่นายพาตัวฉันไปที่บ้านฉันก็เกลียดนายมากแล้ว ฉันพยายามทำตามใจนายก็เพื่อที่จะหลุดพ้นจากนาย ทำไมนายไม่คิดดูล่ะ บนโลกนี้จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่จะคอยอยู่ข้างๆคนป่วย ทำไมไม่คิดดูล่ะว่าทำไมฉันต้องปล่อยผู้ชายที่ทั้งรวยทั้งหล่ออย่างคุณชายหลินแล้วไปอยู่กับนาย นายคิดว่าแค่การแต่งงานก็จะมัดฉันไว้ได้ทั้งชีวิตหรอ? ไม่มีทาง!"
"อันหนาน เราไปกันเถอะ!" ไป๋มู่ชิงกลับจูงมือของหลินอันหนานแล้วเดินผ่านหนานกงเฉินที่กำลังโกรธสั่นเกร็งไปด้วยกัน
ขณะที่เดินผ่านข้างกายเขา ไป๋มู่ชิงก็รู้สึกได้ว่าเขาพยุงตัวไม่นิ่ง แต่เธอไม่คิดที่จะหยุด เลยหลับตาลงแล้วก้าวเท้าเดินต่อไป
จากนั้น เมื่อเธอเดินผ่านไป ก็มีเสียงดังขึ้น'ปึก'จากข้างหลัง
ใจก็สั่นวูบไป พอไป๋มู่ชิงหันหลังไปก็เห็นหนานกงเฉินล้มลงไปกับพื้น เธออึ้งนิ่งไปก่อนที่เธอจะพูดคำว่า "เฉิน……"
บริเวณรอบๆก็มีคนมามุงดู ไป๋มู่ชิงก็ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ กว่าจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้เธอก็รีบพุ่งเข้าไป "อย่าแตะต้องเขา! ออกไปให้หมด!"
เธอพุ่งไปคุกเข่าลงกับพื้นแล้วอุ้มตัวหนานกงเฉินขึ้นจากพื้น เธอจับหน้าที่ซีดขาวของหนานกงเฉินไว้แล้วสำรวจอาการเขา "เฉิน นายเป็นอะไร? นายตื่นสิ? ไม่อย่าเล่นตลกกับฉัน……"
เธอพูดจบก็หันไปทางหลินอันหนาน "รีบเรียกรถพยาบาลให้หน่อย! รีบเรียกหน่อย……!"
ท่าทางที่เธอกอดหนานกงเฉินแล้วสีหน้าที่ร้อนรน น้ำตาก็ไหลลงมานี่ทำให้กระตุกต่อมอารมณ์ของหลินอันหนาน สถานการณ์แบบนี้เขาจะช่วยโทรเรียกรถพยาบาลได้ยังไง? เป็นไปได้ยังไง?
ยังดีคนที่มามุงดูช่วยโทรเรียกรถฉุกเฉินให้แล้ว จากนั้นรถพยาบาลก็มาถึงที่อย่างรวดเร็ว
เมื่อส่งตัวหนานกงเฉินขึ้นไปบนรถฉุกเฉิน ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้วรีบตามขึ้นไป
หลังจากที่บุคลากรทางแพทย์ทำการช่วยเหลือเบื้องต้นแล้วก็ถามเธอ "คุณผู้หญิงคะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นญาติของผู้ป่วยหรือเปล่าคะ?"
"ฉันเป็นภรรยาของเขา" ไป๋มู่ชิงเงยหน้าขึ้นแล้วตอบกลับบุคลากรทางแพทย์ "เขาเป็นอะไรคะ? เป็นยังไงบ้างคะ?"
"เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน ต้องรอไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลถึงจะตอบคำถามคุณได้ค่ะ" บุคลากรพูด
ไป๋มู่ชิงพยักหน้าแล้วกุมมือของหนานกงเฉินไว้แน่น มองไปที่สองตาที่หลับสนิทของเขา น้ำตาก็ไหลลงมาเยอะขึ้นแล้วเอ่ยพึมพำด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น "ที่รัก ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณ คุณต้องดีขึ้นมานะ ขอโทษ……"
รถแล่นไประหว่างทาง เธอก็ร้องไห้ไปด้วย ร้องไห้จนบุคลากรทางแพทย์ก็รู้สึกเป็นห่วงเธอแล้วอดที่จะปลอบใจไม่ได้ "คุณผู้หญิง คุณอย่าเสียใจไปเลย สามีของคุณแค่สลบไป อีกสักครู่ก็คงจะตื่นมาแล้ว"
"พวกคุณไม่เข้าใจ……" เธอส่ายหัวพูด
อาการของหนานกงเฉินเธอรู้ดีที่สุด ที่เขาสลบไปครั้งนี้อาจจะตื่นมาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทุกครั้งก็สามารถคร่าชีวิตของเขาได้
เธอเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา เสียใจว่าทำไมตัวเองต้องใช้วิธีนั้นไปยั่วเขาด้วย รู้ทั้งรู้ว่าเขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลินอันหนาน แต่ยังใช้หลินอันหนานมายั่วเขาอีก!
หนานกงเฉินถูกส่งตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง คุณหญิงร้อนรนใจจนอยากจะตบหน้าสั่งสอนไป๋มู่ชิง สุดท้ายก็ใช้มือชี้มาทางเธอแล้วพูดอย่างอารมณ์เสีย "ฆ่าเธอซะ! ฆ่าแล้วก็โยนทิ้งไปซะ!"
"คุณหญิงใจเย็นๆก่อนนะคะ"พี่เหอพูดปลอบ แกมองไปที่ไป๋มู่ชิงที่น้ำตาเต็มหน้าแล้วพูดต่อว่า "ยังไม่ไปอีก?"
ไป๋มู่ชิงถอยหลังไปก้าวเดียว ก็ทำใจไปจากที่นี่ไม่ได้สักที
คุณหญิงก็ยังตะคอกใส่เธอ "ไป๋มู่ชิง! เธอจงใจใช่ไหม? ไม่ได้ตัวเฉิน เธอก็คิดจะทำให้เขาตายใช่ไหม? ทำไมเธอถึงใจดำขนาดนี้……?"
"เปล่านะคะ หนูเปล่า หนูไม่ได้อยากทำร้ายเฉิน……" เธอส่ายหัว เธอรู้ว่าเธอพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะอธิบาย
เธอจะทำร้ายหนานกงเฉินได้ยังไง? ถึงแม้เขาจะเปลี่ยนใจไป เขาจะลงรักผู้หญิงคนอื่น เธอก็ไม่อยากให้เขาตาย!
"ฉันเตือนเธอไว้เลย ถ้ายังกล้าเจอหน้ากับเฉินอีก ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!" คุณหญิงตะคอกใส่เธอ "ไป! ไสหัวไปซะ!"
ไป๋มู่ชิงมองไปที่ท่าทางที่โมโหของคุณหญิง ก็เป็นห่วงร่างกายของท่าน จนสุดท้ายก็ไปจากประตูห้องฉุกเฉินทั้งน้ำตา
หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาล ไป๋มู่ชิงก็นั่งอยู่ที่ห้องนอนแขกบ้านซูซี่คนเดียว ไม่ดื่มไม่กินไม่นอนเลย
หนานกงเฉินยังไม่ฟื้น เธอก็กินอะไรไม่ลงสักคำ หลับตาลงก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หนานกงเฉินเป็นลมไปต่อหน้าตัวเอง
กี่วันนี้ซูซี่ทำทุกวิถีทาง ทั้งปลอบใจทั้งด่า แต่ว่าเธอก็ยังดื้อดึงอยู่อย่างนั้น สุดท้ายก็ทนไม่ได้จนด่าไปว่า "ไป๋มู่ชิง! ถ้าเธอยังทำแบบนี้อีกเธอจะตายได้นะ ถึงเวลาที่หนานกงเฉินฟื้นมาแล้ว เธอตายไป พวกเธอสองคนจะยังยืดเยื้อกันต่อไปได้หรอ?"
"ฉันเตือนเธอไว้เลย ถ้าเธอยังทำตัวแบบนี้ฉันจะไล่เธอออกไป นี่เป็นบ้านที่ฉันซื้อมาเองอย่างลำบาก ถ้าเธอจะตายก็ไปตายข้างนอก อย่าทำให้บ้านฉันสกปรก!"
ไป๋มู่ชิงก็ยังนิ่งอยู่อย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะเธอเข้าใจนิสัยของซูซี่ดี
เมื่อซูซี่เห็นว่าทำแบบนี้ไม่ได้ผล ก็เลย "เธอจะกินหรือไม่กิน? ถ้าไม่กินก็ตัดขาดกับฉันไปเลย ฉันไม่ให้เธออยู่ที่นี่ ไม่ช่วยเธอทำเอกสาร ไม่ช่วยเธอตามหาลูกสาว……"
สุดท้ายไป๋มู่ชิงก็ขยับตัวสักทีแล้วมองไปที่เธอ "ฉันกิน"
รู้อยู่แล้วว่าลูกสาวเป็นเข็มในใจเธอ ซูซี่ก็โล่งอกสักทีแล้วยื่นถ้วยไปให้เธอ "รีบกิน แค่กี่วันเองเธอก็ผอมขนาดนี้แล้ว"
ไป๋มู่ชิงกินข้าวเข้าไปคำนึง รู้สึกว่ายากลำบากที่จะกลืนลงไปมาก
เธอพยายามกลืนข้าวลงไปคำนึงแล้วมองไปที่ซูซี่ "ช่วยฉัน……"
"ฉันไปสืบมาแล้ว ยังไม่ฟื้น" ซูซี่พูดแทรกเธอแล้วรู้สึกเบื่อหน่าย "บอกกับเธอแล้วไม่ใช่หรอ ฉันให้คนทางโน้นช่วยสืบอยู่แล้ว ถ้าหนานกงเฉินฟื้นก็จะโทรหาฉันทันที"
กี่วันนี้ไป๋มู่ชิงเอาแต่ถามเธอเรื่องอาการของหนานกงเฉินก็ไม่เอ่ยพูดอะไรอีกเลย เธอทำแบบนี้ ทั้งทำให้คนอื่นเป็นห่วงแล้วทำให้คนอื่นรำคาญด้วย
ผ่านไปอีกวันด้วยความยากลำบาก หนานกงเฉินก็ยังไม่ฟื้นสักที สุดท้ายเธอก็เดินออกมาจากห้องนอน
ซูซี่มองไปที่เธออย่างประหลาดใจ "ทำไม? หนานกงเฉินฟื้นแล้วหรอ? ฉันยังไม่ได้รับข่าวอะไรเลย"
จากที่เธอดูมา นอกจากหนานกงเฉินจะฟื้นขึ้นมา ทั้งชีวิตนี้ไป๋มู่ชิงก็คงจะไม่เดินออกมาจากห้องนอนแน่นอน
ไป๋มู่ชิงส่ายหน้าแล้วพูด "ฉันออกไปแป๊บนึง"
"เธอคนเดียว?"
"อื้อ"
"ฉันไปกับเธอดีกว่า" ซูซี่ลุกขึ้นจากโซฟา
"ไม่ต้อง" ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างขมขื่น "ไว้ใจเถอะ ฉันไม่คิดสั้นหรอก"
ไป๋มู่ชิงพูดต่อ "แต่ขอให้เธอจำไว้ ที่ฉันแพ้ไม่ใช่เพราะว่าเราไม่อยู่รักกัน ไม่ใช่หนานกงเฉินเป็นเพราะเปลี่ยนใจไปจากฉัน ยิ่งไม่ใช่กลัวว่าตัวเองจะแพ้ให้เธอ แต่แพ้ให้กับเรื่องเล่า แพ้ให้กับความเป็นจริง ใครให้เธอเป็นคู่ครองหนานกงเฉินที่ฟ้าลิขิตไว้ของล่ะ?"
"เธอพูดอะไรนะ? เธอจะยอมแพ้งั้นหรอ?" จูจูพยายามหักห้ามความดีใจในใจไว้แล้วเอ่ยขึ้น
"ใช่ ฉันยอมแพ้ เพื่อเรื่องเล่าคู่ครองที่ฟ้าลิขิตไว้ เพื่อโรคของเขา เพื่อที่เขาจะได้มีที่ร่างกายที่แข็งแรงแล้วมีชีวิตต่อไป ฉันยอมแพ้" ไป๋มู่ชิงหยิบเอกสารเรื่องหย่าที่เซ็นชื่อเสร็จแล้วออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นไปให้เธอ "เอาไปสิ นี่เป็นของขวัญงานแต่งงานที่ฉันให้พวกเธอ"
จูจูรับเอกสารเรื่องหย่าไปแล้วมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่กล้าเชื่อเลยว่าไป๋มู่ชิงจะยอมแพ้แล้วยังมาส่งเอกสารทำเรื่องหย่าอีก
เธอไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีคนดีขนาดนี้ แล้วไม่ยิ่งไม่เชื่อว่าไป๋มู่ชิงจะยอมสละตำแหน่งคุณหญิงน้อยที่สูงส่งนี้เพื่อโรคของหนานกงเฉิน
เธอกลัวว่าไป๋มู่ชิงจะคิดแผนอะไรอีก ก็เลยพูดไปว่า "มู่ชิง เธอกำลังพูดอะไร เธอจะหย่ากับคุณชายเฉินได้ยังไง? เธอรู้อยู่แล้วว่าคุณชายเฉินรักเธอแค่ไหน ถ้าเขาฟื้นมาแล้วไม่เห็นเธอก็คงจะเสียใจแย่เลย"
"คุณหนูจู ฉันบอกว่าพอแล้ว อย่าเสแสร้งอีกเลย" ไป๋มู่ชิงจ้องไปที่เธอ "เรามันนั่งคุยกันดีๆได้ไหม?"
จูจูลังเลไปครู่หนึ่งแล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟา พอนั่งลงที่โซฟาก็ลุกขึ้นไปกดน้ำให้เธอ
ไป๋มู่ชิงจับแก้วน้ำที่เธอยื่นมาให้แล้วสูดหายใจเบาๆ "ไม่ว่าแต่ก่อนคุณจะเคยทำอะไรกับฉัน ตอนนี้ฉันให้อภัยคุณหมด ฉันแค่อยากจะขอให้คุณดูแลเฉินดีๆ"
คำพูดนี้ทำให้จูจูอารมณ์เสียจนอดพูดไปไม่ได้ว่า "เธอไม่ต้องบอกฉันก็จะดูแลเฉินดีอยู่แล้ว"
ไป๋มู่ชิงพยักหน้าแล้วพูดต่อ "ความจริงตอนที่โรคของเฉินกำเริบไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เดี๋ยวคุณจะค่อยๆชินเอง ถ้าเจอสถานการณ์ที่เขาทำร้ายคุณ คุณก็อย่าโต้ตอบ อย่าทำร้ายเขา ถ้ากลัวก็ออกห่างจากเขาก็พอแล้ว"
"ไป๋มู่ชิง นี่เธอตั้งใจจะขู่ฉันงั้นหรอ?"
"ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะเดินจากไป ทำไมฉันต้องขู่เธอด้วย?" ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างขมขื่น "ฉันแค่หวังว่าอีกหน่อยคุณจะดูแลเขาดีๆ ถึงแม้เฉินจะเอาแต่ใจแล้วเยือกเย็น แต่ก็มีเวลาที่อ่อนแอเหมือนกัน เวลาที่เขาอ่อนแอก็เป็นค่ำคืนที่โรคกำเริบนั่นแหละ ก็มีแค่เวลานั้นที่เขาต้องการให้คุณดูแล ในวันปกติเขาจะคนปกป้องคุณแล้วดูแลคุณเป็นอย่างดี"
ถึงแม้เธอจะพูดจากใจจริง แต่จูจูก็ยังรู้สึกฟังแล้วแสบหูเลยยิ้มเยาะเย้ยขึ้น "ฉันเจอกับเฉินตอนที่อายุเจ็ดขวบ แล้วคบกับตอนที่อายุสิบแปด เขาเป็นคนยังไงฉันรู้ดีมากกว่าเธอ"
"แต่เธอเคยเห็นตอนที่โรคเขากำเริบหรอ? เธอดูแลเขาได้หรอ? ถ้าไม่ก็ตั้งไจฟังที่ฉันพูดเพราะฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร"
"ฉันรู้แล้ว ฉันจะดูแลเขาเอง" จูจูมองสำรวจไปที่เธอแล้วสีหน้าก็ยังเป็นสีหน้าที่ไม่แยแส "เธอไม่จำเป็นต้องพูดทำให้ตัวเองดูดีขนาดนั้น ทั้งๆที่คุณหญิงบีบบังคับให้เธอไปเอง แต่กลับพูดสวยหรูว่าเป็นเพราะโรคของเฉิน"
ไป๋มู่ชิงไม่อยากจะโต้เถียงคำถามนี้กับเธอแล้วพูดต่อว่า "ฉันไม่รู้ว่าครั้งนี้เฉินจะฟื้นมาได้หรือเปล่า หรือว่าจะฟื้นมาเมื่อไหร่ แต่ถ้าเขาฟื้นมาแล้วเขาไม่เห็นฉัน ก็ขอให้บอกกับเขาด้วย ฉันเองที่ทำผิดกับเขา ขอให้เขาปล่อยวางให้ได้"
ไป๋มู่ชิงยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วพยายามกลั้นน้ำตาที่ขอบตาให้ไม่ไหลออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นจากโซฟา "ในเมื่อเธอไม่อยากฟัง งั้นฉันไปก่อนนะ"
"รอก่อน" จูจูรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วโบกเอกสารเรื่องหย่าในมือ "เรื่องนี้เธอพูดจริงหรือแค่แกล้งกันแน่?"
"ก็ต้องเป็นเรื่องจริงสิ"
"ต่อไปก็จะไม่กลับมายุ่งกับเฉินอีก เธอทำได้หรือเปล่า?"
"ฉันไม่ได้สำส่อนเหมือนเธอ" ไป๋มู่ชิงพูดคำนี้กับเธอจบก็ก้าวขาเดินออกจากห้องพักฟื้นไป
หลังจากที่ไป๋มู่ชิงออกมาจากห้องพักฟื้นแล้วเดินเข้าไปในลิฟท์ แต่พอลิฟท์เคลื่อนไปถึงชั้นล่างเธอก็เจอหลินอันหนานโดยบังเอิญ
ไม่สิ ดูจากท่าทางหลินอันหนานแล้วคงตั้งใจมาหาเธอ
เธอหยุดก้าวขา ไม่ทันที่จะหลบหลีกเขา หลินอันหนานก็ดึงแขนแล้วลากไปที่สวนสาธารณะข้างๆ
"หลินอันหนานนายจะทำอะไร? นายยังไม่จบอีกใช่ไหม?"
หลินอันหนานพูดด้วยสีหน้ามีความสุข "มู่ชิง เธอเอาเอกสารเรื่องหย่าไปให้หนานกงเฉินแล้วใช่ไหม?"
ไป๋มู่ชิงจ้องมองไปที่เขาแล้วยิ้มเยือกเย็น "ดูเหมือนนายกับคุณหนูจูจะสนิทกันมากสินะ รู้ทุกการกระทำของฉันหมด"
"นี่ไม่สำคัญ สำคัญตรงที่การตัดสินใจของเธอ" หลินอันหนานไม่สนคำเสียดสีของเธอแล้วพูดต่อ "ผมมารับเธอกลับบ้าน กลับไปที่คอนโดกับผมตอนนี้ จากนั้นเราก็ไปอังกฤษด้วยกัน"
"หลินอันหนาน ฉันบอกได้ชัดเจนแล้ว ถึงแม้ฉันจะหย่ากับหนานกงเฉินแล้ว ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนายอีก ถ้าจะไปอังกฤษนายก็ไปคนเดียว ฉันไม่ไปกับนายหรอก"
"เธอแน่ใจหรอ?"
"ฉันแน่ใจ" เพื่อที่จะหลุดพ้นจากเขา ไป๋มู่ชิงก็กัดฟันพูดเสียดสี "คุณชายหลิน ฉันไม่รู้เลยว่าคุณเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าฉันจะไปอังกฤษกับคุณ การกระทำกี่วันนี้ของคุณทำให้ฉันอยากจะอ้วกมาก ฉันแค่เห็นคุณก็รู้สึกเกลียดแล้ว ถ้าคุณยังรู้ตัวก็ขอให้คุณอยู่ห่างจากฉันด้วย ไม่ใช่เอาแต่ตามติดฉันเหมือนโรคจิต"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...