เจ้าสาวของนายน้อยลี่ นิยาย บท 4

เจียงตานจวี๋โทรหาแม่บ้านติง แจ้งไปว่าอยากให้ช่วยซื้อเสื้อผ้าสักหน่อย

แม่บ้านติงบอกเธอว่า เมื่อคืนตระกูลเจียงส่งกระเป๋าเดินทางของเธอมาให้แล้ว

เธอเดินเข้าห้องพักแขกพลันเห็นกระเป๋าเดินทางของตน ซึ่งด้านในล้วนเป็นของใช้ส่วนตัวของเธอทั้งสิ้น

พึ่งย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศยามเช้ากับยามเย็นจึงต่างกันมาก บวกกับเธอเป็นหวัดด้วย จึงใส่เสื้อขนแกะสีเทาอ่อน กางเกงยีนส์ที่พอดีตัว หุ่นที่มีสัดส่วนได้รูปทำให้เสื้อผ้าธรรมดาเมื่อมาอยู่บนกายเธอแล้ว กลับสวยงามไม่น้อย

เจียงตานจวี๋สวยตั้งแต่เด็ก พอเติบใหญ่ยิ่งสวยเป็นเท่าทวีคูณ เส้นผมยาวอันดำขลับขับเน้นให้ผิวที่ขาวผุดผ่องดุจหิมะยิ่งโดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะดวงตากลมโตที่คล้ายกับมีหมอกรางๆ ประหนึ่งสามารถถ่ายทอดความในใจได้

เธอลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นลี่ซุ่ยหานนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำงานฝีมือ แลดูส่งศักดิ์และโอ่อ่ายิ่งนัก

เจียงตานจวี๋หย่อนกายนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ไม่ห่างจากชายหนุ่มมากนัก

เธอต้องปฏิบัติกับชายที่ป่วยทางจิตใจดีๆ การเข้าใกล้เกินไปก็ไม่ได้ ห่างเกินไปก็ไม่งาม ต้องรักษาระยะไว้แต่พอดี

"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณลี่"

ลี่ซุ่ยหานตอบอย่างเย็นชาว่า "อรุณสวัสดิ์"

เจียงตานจวี๋เห็นด้านหน้ามีแซนวิช จึงหยิบมีดกับส้อมเตรียมจะรับประทาน ทว่าไม่ระวังไปเคาะโดนขอบจาน พลางเกิดเสียง "เคร้ง" สำหรับความเงียบสงบของยามเช้า เสียงนี้จึงถือว่าแสบหูมาก

หัวใจของเธอเกือบกระดอนขึ้นมาถึงลำคอ

ลี่ซุ่ยหานที่กำลังรับประทานด้วยท่วงท่าสง่างามก็หยุดลง พลางลุกขึ้นโดยไม่พูดไม่จา ซึ่งผู้ที่ออกไปพร้อมกับเขายังมีหลินเซิ่งที่เป็นผู้ช่วยอีกด้วย

"คุณชายลี่ครับ คุณเจียงก็คือหญิงสาวที่นั่งข้างๆคุณในเครื่องบินครับ"

ลี่ซุ่ยหานเลิกคิ้ว "ไปสืบว่าเธอเป็นใครกันแน่ เดี๋ยวนี้"

เจียงตานจวี๋ทานข้าวเช้าเสร็จก็ออกจากบ้าน

คฤหาสน์เฉิงหนานจัดเป็นเขตบ้านพักตากอากาศ ห่างจากรถประจำทางเล็กน้อย ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาเดินกว่าจะถึงที่หมาย

ฤดูใบไม้ร่วงในเมืองไป๋ เอาแน่เอานอนกับสภาพอากาศไม่ได้ จู่ๆฝนก็ตกลงมา เธอออกจากบ้านด้วยความเร่งรีบ จึงลืมพกร่มมา เธอต้องตากฝนเดินต่อไป

หลินเซิ่งที่เมื่อครู่ขับรถออกจากประตูใหญ่ของคฤหาสน์ เมื่อเห็นคนที่เดินอยู่ด้านหน้าคือเจียงตานจวี๋ จึงกล่าวว่า "คุณชายลี่ครับ ให้คุณเจียงขึ้นรถไหมครับ?"

ลี่ซุ่ยหานนั่งอยู่แถวหลัง มองนอกกระจกรถปราดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบเฉยว่า "ไม่ต้อง"

ในที่สุดเจียงตานจวี๋ก็เดินมาถึงป้ายรถประจำทาง ตอนนี้เป็นช่วงเช้าที่แสนจะเร่งรีบ มีคนสัญจรบนท้องถนนเยอะที่สุด รถประจำทางจึงอัดแน่นไปด้วยฝูงคน เธอเบียดเข้าไปก่อนรถจะขับออกไปได้สำเร็จ

เมื่อเข้ามาในโรงพยาบาล ผู้ดูแลเสี่ยวหลิวก็เดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูห้องคนไข้ ครั้นเห็นเธอมาถึงก็รีบวิ่งผลุนผลันเข้าไป พลางกล่าวว่า "คุณเจียงมาได้สักทีนะคะ เมื่อกี้ฉันโทรหาคุณตลอด แต่ก็ไม่มีคนรับสายเลยค่ะ"

เธอสำรวมกิริยาและวาจาตอนอยู่ในบ้านตระกูลลี่มาก กระทั่งมือถือก็ตั้งระบบสั่นไว้ เพราะรีบเดินทางและบวกกับข้างนอกเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ จึงไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้า

เธอพูดด้วยเสียงสะอื้น "อาการคุณยายไม่ดีเหรอคะ?"

เสี่ยวหลิวกล่าวว่า "ตอนนี้คุณหมอกำลังช่วยให้พ้นขีดอันตรายอยู่ค่ะ"

เจียงตานจวี๋หน้าซีดเผือดฉับพลัน รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งยวด

ในที่สุด ประตูห้องคนไข้ก็เปิดออก

เธอวิ่งไปด้านหน้า "คุณหมอค่ะ คุณยายฉันเป็นยังไงบ้างคะ?"

คุณหมอที่เหงื่อเต็มหัว ถอดหน้ากากออก "คุณเจียงครับ คุณไปคุยกับผมที่ห้องทำงานหน่อยครับ"

เจียงตานจวี๋ที่อารมณ์ด้านชา นั่งลงอย่างมึนงง

"พวกเราพบว่าร่างกายคนไข้มีภาวะแทรกซ้อนในกระแสเลือดครับ ซึ่งโรงพยาบาลลี่คือโรงพยาบาลที่รักษาโรคนี้ได้ดีที่สุดครับ แน่นอนครับมันเป็นโรงพยาบาลเอกชน มีค่าใช้จ่ายสูง ญาติต้องพิจารณาดีๆนะครับ"

เจียงตานจวี๋ได้ยินก็ดีใจจนร้องไห้ "ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ"

เธอไม่รู้ว่าควรไปหาใครดี หรือว่าต้องขอความช่วยเหลือจากลี่ซุ่ยหานจริงๆ

เธอไม่เคยโอดครวญเขาว่าพิการหรือไม่มีน้ำยาเรื่องบนเตียงเลย แต่เธอก็ไม่วายถูกลงโทษให้นอนบนพื้น ถ้าเกิดเธอขอให้เขาช่วยจริงๆ ไม่รู้ว่าต้องรับการทรมานอย่างทุกข์ทนแบบไหนบ้าง

กลับมาถึงโรงพยาบาล คุณยายก็ยังไม่ฟื้น เธอนั่งอยู่ข้างเตียงคุณยาย กล่าวเสียงอู้อี้ว่า "คุณยายค่ะ ขอเพียงมีโอกาส แม้จะน้อยนิดก็ตาม หนูก็จะพยายามให้ยายมีชีวิตอยู่ต่อค่ะ"

จวบจนพลบค่ำ เธอกลับมายังคฤหาสน์เฉิงหนาน ผู้ชายคนนั้นยังไม่กลับมา

เธอถามแม่บ้านติง "คุณชายจะกลับมาทานข้าวไหมคะ?"

"คืนนี้คุณชายมีงานเลี้ยงค่ะ คงกลับดึกนะคะ"

"คุณชายไปงานเลี้ยงจะดื่มเหล้าดื่มไวน์ไหมคะ?"

"ถ้าดื่มเหล้าจะให้ห้องครัวเตรียมซุปแก้เมาล่วงหน้าค่ะ"

"ถ้าผู้ช่วยหลินโทรมา รบกวนป้าบอกฉันด้วยนะคะ ฉันจะเตรียมซุปแก้เมาเองค่ะ"

เจียงตานจวี๋หมกมุ่นอยู่แต่ในครัวทั้งคืน เพียงเพื่อฝึกทำซุปแก้เมา

เมื่อเห็นลี่ซุ่ยหานกลับมา เธอก็ยกซุปแก้เมาออกจากห้องครัว ตอนที่ยกไปให้ เขากลับยกมือปัดถ้วยหล่นพื้น

เธอไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไร ณ ขณะนี้

ลี่ซุ่ยหานชำเลืองมองเธอแวบหนึ่ง

"ถ้าคุณจะดื่ม ฉันจะให้แม่บ้านติงทำอีกหนึ่งถ้วยค่ะ" พูดจบ เจียงตานจวี๋ก็ก้มตัวลงไปเก็บเศษถ้วยเซรามิค พอไม่ระวังก็โดนแผลกลางฝ่ามือ เลือดสดจึงไหลซึมที่ถ้วยเซรามิคสีขาวนวล ซึ่งผลิตแบบโบนไชน่า

"วันหลังอย่าสืบถามความเคลื่อนไหวของผมอีก ทำหน้าที่เป็นคนล่องหนให้ดีๆก็พอ" เสียงต่ำที่แสนเย็นชาของลี่ซุ่ยหานเจือความแจ้งเตือนที่ไม่อาจละเลยได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวของนายน้อยลี่