บทที่1022 บ้านตระกูลเย่
ค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปจนถึงเช้าวันต่อมา เซียวซู่พบว่า เขาไม่สามารถติดต่อนักเขียนคนนั้นได้
โทรศัพท์ ไม่มีคนรับสาย
ส่งข้อความ ไม่มีใครตอบกลับ
รอจนเกือบครึ่งชั่วโมง เซียวซู่บุกไปที่ชั้นสามของชุมชนซันไชน์ด้วยท่าทีบ้าคลั่ง แต่กลับไม่รู้ว่านักเขียนคนนั้นพักอยู่ห้องไหน สายตาเหลือบมองดูเวลาที่ใกล้ส่งงานเข้ามาเต็มทน เซียวซู่ทำได้เพียงโทรให้คนช่วยหาบ้านเลขที่ของนักเขียนคนนี้ให้
ขณะที่กำลังสืบหา เซียวซู่คิดแผนป้องกันไว้ จากนั้นยกหูโทรหาเย่โม่เซิน
ใครจะไปคิดเมื่อเย่โม่เซินเพิ่งจะรับสาย ก็ได้ยินเสียงหานมู่จื่อดังขึ้นจากสายของเขา
“ชั้นหนึ่งไม่ค่อยมีร่องรอยการใช้ชีวิตของพวกเราเท่าไหร่ พวกเราไปชั้นสองเถอะ”
นี่คือ...
เซียวซู่ครุ่นคิดสักพัก ถามด้วยความระมัดระวัง: “คุณชายเย่ คุณกับคุณนายน้อยไปบ้านตระกูลเย่?”
เสียงนิ่งขรึมของเย่โม่เซินดังขึ้นจากคู่สาย
“อืม”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวซู่แอบรู้สึกดีใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมา ถามอย่างระมัดระวัง: “งั้นคุณชายเย่ เอกสารที่คุณให้ผมทำ...”
“ตอนนี้ไม่มีเวลา”
เย่โม่เซินที่กำลังพูดสังเกตเห็นว่าหานมู่จื่อกำลังจ้องเขาอยู่ “ใครโทรหาคุณเหรอ?”
“ไม่มีอะไร” เย่โม่เซินตัดสายลงทันที จากนั้นค่อยๆเดินเข้าไปหาหล่อน “แค่คนโทรผิด เมื่อครู่คุณบอกว่าจะไปชั้นสอง?”
หานมู่จื่อพยักหน้า : “อืม ไปชั้นสองกันเถอะ”
เมื่อพูดจบ หล่อนคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “ไม่รู้ว่าลิฟต์ยังใช้ได้อยู่รึเปล่า”
“เดินขึ้นบันไดเถอะ ปลอดภัยกว่า”
“โอเคค่ะ”
แต่เซียวซู่ที่ถูกตัดสายไป ตอนนี้เขาไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย กลับดีใจด้วยซ้ำ เพราะสำหรับเขาแล้ว เย่โม่เซินตัดสายเขา นั่นก็หมายความว่าตอนนี้เขาไม่มีเวลามาดูเรื่องของเขา
ดังนั้นหากตอนนี้เขาไม่สามารถส่งเอกสารให้เขาได้ เย่โม่เซินก็ไม่มีเวลามาหาเรื่องเขา
แสดงว่าตอนนี้เขายังมีเวลาไปจัดการเรื่องอื่นอีก
ประจวบเหมาะกับตอนนี้ คนที่เซียวซู่ให้หาบ้านเลขที่ให้ก็หาได้แล้ว จากนั้นเขาจึงไปกดกริ่งหน้าบ้านตามที่อยู่ที่ได้มา
กดหนึ่งครั้ง สองครั้ง ไม่มีการตอบรับใดๆ
เซียวซู่โทรหานักเขียนคนนั้นพลางกดกริ่งหน้าประตูไปด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องที่หล่อนตกลงกับตัวเองเมื่อคืน แต่เช้าวันนี้กลับไม่ยอมรับสายและไม่ตอบข้อความ เซียวซู่รู้สึกโมโหมาก จึงกดกริ่งถี่มากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดเซียวซู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมาอย่างรีบร้อนหน้าประตู พร้อมกับเสียงตะโกนอย่างไม่พอใจ
“ใครน่ะ? เช้าขนาดนี้ไม่ให้คนนอนหรือไง?”
แกร๊ก-
หลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามเปิดประตูออกมา เห็นสีหน้าอันเหี้ยมโหดของเซียวซู่ที่ยืนอยู่หน้าประตู หล่อนตกตะลึงไปทันที หลังจากนั้นสองวินาที หล่อนกลับปิดประตูใส่เขา
ปั้ง!
เซียวซู่กำลังย่างเท้าก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับถูกหล่อนปิดประตูใส่ด้วยท่าทีตกใจตะลึง จนแทบจะชนจมูก แต่โชคดีที่เดินไม่เร็วมากนัก ไม่เช่นนั้นต้องชนหน้าของเขาแน่นอน
ขณะที่กำลังเดินขึ้นไป หานมูจื่อมองดูก้อนอิฐแต่ละก้อน เสมือนรู้สึกเกิดภาพลวงตาหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง
ทุกอย่างดูเหมือนตอนห้าปีก่อน และรู้สึกเหมือนเป็นเมื่อวานเช่นกัน
บางครั้งมองอยู่นาน จนตัวหล่อนเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ในห้วงเวลาไหน
เมื่อเดินผ่านมุมหนึ่งไป จู่ๆหานมู่จื่อก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองตรงไปด้านหน้า
ห่างออกไปไม่ไกล คือห้องที่เคยเป็นของเย่โม่เซิน หล่อนยังจำได้ดีว่าตอนนั้นตัวเองเพิ่งแต่งงานเข้ามา เย่โม่เซินโหดร้ายกับหล่อนมาก พยายามจะขับไล่หล่อนออกไปจากบ้านตระกูลเย่
หานมู่จื่อไม่ยอมไปไหน จากนั้นหล่อนจึงยอมนอนนอกบ้านหนึ่งคืน ตอนนั้น...ทั้งโง่ทั้งดื้อจริงๆ ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว...
ขณะที่หานมู่จื่อกำลังคิดย้อนความทรงจำ จนไม่ได้สังเกตว่าเย่โม่เซินที่ยืนอยู่ข้างๆเลิกคิ้วขึ้น มองภาพที่คุ้นเคยตรงหน้า มีภาพความทรงจำบางอย่างแวบเข้ามาในหัว
ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งใกล้มากขึ้น เย่โม่เซินรู้สึกว่ามีบางอย่างออกมาจากความทรงจำ แต่สิ่งนั้นคืออะไร ตอนนั้นเขาคิดไม่ออก เขาปวดหัวมาก เย่โม่เซินกลัวว่าหานมู่จื่อที่ยืนอยู่ข้างกายเขาจะเป็นห่วง จึงฝืนทนไว้
“ห้องนี้เป็นห้องที่คุณเคยพักอยู่”
หานมู่จื่อฟื้นขึ้นมาจากความทรงจำ คงเป็นเพราะตกใจมาก หล่อนจึงเดินก้าวเข้าไปด้านหน้า “คิดไม่ถึงเลยว่าของตกแต่งที่อยู่ตรงนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย”
เมื่อพูดจบ จู่ๆหล่อนก็หันไปเห็นตู้เล็กๆที่อยู่ในมุมหนึ่ง
หล่อนยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิม
ตู้ใบเล็กนั้น...
เป็นตู้ที่หล่อนซื้อให้ตัวเอง เพราะเย่โม่เซินไม่ยอมให้หล่อนเก็บเสื้อผ้าไว้ในตู้เดียวกับเขา ต่อมาหานมู่จื่อจึงซื้อตู้เล็กมาใบหนึ่ง แต่ตอนแรกเสื้อทั้งหมดถูกใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง
เพียงแต่ หานมู่จื่อคิดว่าหลังจากที่ตัวเองออกไปแล้ว ตู้ใบนี้คงจะถูกโยนทิ้งไปแล้ว
เพราะตู้ใบนี้ไม่เพียงแต่ไม่มีประโยชน์อะไร ทั้งรูปร่างและลักษณะก็ไม่เข้ากับห้องนี้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่