บทที่1339 ไม่ได้ลืม
“ใช่แล้ว พี่เหวินเหวินทำไมสองวันนี้ไม่ออกมาพูดล่ะ? พี่เหวินเหวินพี่อยู่มั้ย?”
คนกลุ่มนั้นเริ่มเรียกหาเจี่ยงเหวินเหวินกัน เจี่ยงเหวินเหวินตอนนี้อยากควักหัวใจพนักงานประชาสัมพันธ์หน้าเคาน์เตอร์ก็ยังมี ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่เธอหยิบยกขึ้นมาในกลุ่มเองแท้ๆ ทำไมตอนนี้ถึงผลักภาระมาให้เธอเสียอย่างนั้น
เพราะว่ามีคนแอดเธอมา เจี่ยงเหวินเหวินก็เลยตีมึนต่อไปไม่ได้อีก หลายนาทีต่อมาก็ได้ออกไปตอบคำถาม
“ขอโทษนะ งานค่อนข้างยุ่งนิดหน่อย เรื่องที่พวกเธอคุยกันช่วงนี้ฉันก็ไม่ได้ติดตามข่าวอะไรเลย”
“พี่เหวินเหวิน พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะ ทำไมพี่ไม่ตามดูสักหน่อยล่ะ? เธอทำงานภายใต้การจัดการของพี่ไม่ใช่หรือไง? พี่โทรไปถามสักหน่อยก็รู้แล้ว”
เจี่ยงเหวินเหวินเจอคำพูดนี้มา ก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาอยู่หลายส่วน
อะไรที่บอกว่าเธอโทรไปก็รู้แล้ว?
ถึงแม้ว่าเธอจะอยากโทรไปจริงๆ แต่คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้เธอทำ!
น้ำเสียงจำพวกที่ถูกสั่งถูกยุยงทำเอาเจี่ยงเหวินเหวินไม่พอใจ ดังนั้นแล้วเธอก็เลยพูดไปในกลุ่มนั้นว่า
“ใครอยากรู้ก็โทรไปเอง อย่ารังแต่จะรบกวนคนอื่นเขา”
หลังจากที่คำพูดนี้พูดออกมา ในกลุ่มก็ได้เงียบขึ้นมาทันที
ก็คงนึกไม่ถึงกันว่าจู่ๆเจี่ยงเหวินเหวินจะพูดออกมาอย่างนี้ อันที่จริงเมื่อก่อนตอนที่ทุกคนอยู่เม้าท์มอยกันจริงๆก็ขี้เม้าท์กันทั้งนั้น แต่จู่ๆเธอกลับปฏิเสธออกมา
พนักงานประชาสัมพันธ์หน้าเคาน์เตอร์เห็นคำพูดนี้ ภายในใจเองก็เกิดอาการไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเหมือนกัน พอคิดอยากจะพูดอะไรเพื่อโต้เจี่ยงเหวินเหวินออกไป ข้างหน้าก็มีร่างคุ้นเคยร่างหนึ่งเดินเข้ามา
เธอเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าตัวหลักของบทสนทนาในกลุ่มเมื่อสักครู่นี้ได้มาอยู่ตรงหน้า แล้วเธอจะยังไปถามในกลุ่มไปทำไม? ถามเจ้าตัวเองโดยตรงก็จบแล้วนี่?
คิดมาถึงตรงนี้ พนักงานประชาสัมพันธ์คนนั้นก็วางโทรศัพท์ลงเดินไปหาสวี่เย็นหวั่นอย่างรวดเร็ว
ตอนที่สวี่เย็นหวั่นเห็นคนที่มาขวางทางตัวเองนั้น สายตาก็ดูเย็นชาออกมาหลายส่วน จากนั้นเธอก็หยุดฝีเท้าลงมองพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์คนนั้น
“มีธุระ?”
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ถูกสายตานี้ของเธอทำเอาตกใจขึ้นมา เพราะว่าเมื่อก่อนตอนมาหาเธอ สวี่เย็นหวั่นไม่ได้ใช้สายตาอย่างนี้ออกมาเลย ตอนนี้ได้ให้ความรู้สึกเย็นชาเป็นพิเศษ แล้วยังเป็นความรู้สึกที่ไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยอีก
เธอก็เลยตะลึงไปเล็กน้อย นานกว่าจะตอบกลับไปว่า “ไม่ค่ะๆ ก็แค่ก่อนหน้านี้เห็นคุณเป็นลมไป ไม่ได้เข้าบริษัทมาหลายวัน ทุกคนก็เป็นคนบริษัทเดียวกันมั้ยล่ะคะ ก็เลยเป็นห่วงคุณกัน อยากรู้ว่าอาการคุณตอนนี้เป็นอะไรหรือเปล่า ร่างกายคุณไม่มีอะไรร้ายแรงแล้วใช่มั้ยคะ?”
สวี่เย็นหวั่นได้ยินคำพูดนี้ก็อยากจะหัวเราะออกมา
ทั้งๆที่สิ่งที่ห่วงนั้นเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับหานชิงแท้ๆ เธอที่มีสถานะเป็นคู่หมั้นคนนี้จะเป็นไปตามความจริงหรือเปล่า แต่กลับพูดอ้อมโน่นอ้อมนี่ออกมาด้วยคำพูดที่จอมปลอมอย่างนี้ออกมา
เธอไม่เผยออกมา สวี่เย็นหวั่นเองก็ตัดสินใจที่จะแกล้งโง่ออกไป มองเธอไปด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ ร่างกายของฉันดีขึ้นมากแล้วล่ะ ไม่มีปัญหาใหญ่โตอะไร หลังจากนี้ก็สามารถทำงานได้แล้ว”
พูดจบ สวี่เย็นหวั่นก็หันร่างเตรียมจะเดินออกไป พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คนนั้นจึงค่อนข้างร้อนใจเลยทีเดียว รีบเดินเข้าไปขวางเธอเอาไว้
“ยังมีเรื่องอื่นอีกหรอ?” สวี่เย็นหวั่นมองไปทางเธอ สายตาเหมือนกับว่าจะสามารถมองทะลุความคิดของเธอได้ก็ไม่ปาน พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คนนั้นไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดไม่ออกเลย ทำได้เพียงมองเธอไปนิ่งๆ
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ ถึงได้พูดออกไป “วันนั้น...ฉันเห็นประธานหานอุ้มคุณออกไปจากบริษัท แล้วข้างๆก็ยังมีแฟนของเขาตามไปด้วย”
สวี่เย็นหวั่นกะพริบตาปริบออกมา ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดออกมาแล้วสินะ?
“แล้วยังไงล่ะ?”
“เอ่อ...” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คนนั้นถูกเธอถามเสียจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี นึกไม่ถึงว่าจู่ๆเธอจะถามมาว่าแล้วยังไงล่ะ?”
เป็นเวลานาน แรงกดดันของเธอก็ได้อ่อนลงไปอย่างสมบูรณ์ พูดติดๆขัดๆออกมา “ฉัน ฉันไม่ได้มีความหมายอื่นเลย คุณไม่โกรธ ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะสอดมือเข้าไปยุ่ง ฉันก็แค่...ก็แค่ได้ยินคุณบอกว่าเป็นคู่หมั้นของประธานหาน ก็เลย...”
ไม่รู้ว่าทำไม กลิ่นอายของสวี่เย็นหวั่นในตอนนี้ได้เปลี่ยนมาอ่อนโยนขึ้นอีกครั้ง ถามอีกฝ่ายเสียงหวานออกไป “เพียงเพราะผ่านมาเห็นความไม่เป็นธรรม เธอก็เลยยื่นมือเข้าช่วยงั้นหรอ?”
ได้ยินอย่างนั้น พนักงานหน้าเคาน์เตอร์รีบพยักหน้าออกมาทันที “ใช่ๆค่ะ ไม่ผิดเลย เป็นแบบนั้นเลยค่ะ”
“อ้อ งั้นก็น่าเสียดาย” สวี่เย็นหวั่นเดินเข้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง เข้าไปใกล้พนักงานหน้าเคาน์เตอร์คนนั้น “จนถึงตอนนี้ฉันยังจำได้เลยว่าวันที่ฉันมาหาหานชิงวันนั้น เธอกันให้ฉันอยู่ข้างนอก หลังจากที่ถามฉันว่าใช่คู่หมั้นของประธานหานหรือเปล่า เยาะหยันฉันออกมาไม่จบไม่สิ้น”
สีหน้าของพนักงานหน้าเคาน์เตอร์คนนั้นซีดเผือดขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าจู่ๆสวี่เย็นหวั่นจะยกเรื่องนี้ขึ้นมา
เธอแก้ตัวออกมาอย่างตะลีตะลาน
“คุณสวี่คะ...เรื่องนี้ฉันได้ขอโทษคุณไปแล้วนี่คะ จริงๆฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ แล้วอีกอย่างวันนั้นคุณก็บอกฉันนี่คะว่าคุณไม่ใส่ใจน่ะ”
สวี่เย็นหวั่นยังคงกำลังยิ้มอยู่อย่างนั้น
“ที่พูดก็ไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ใส่ใจจริงๆนั่นแหละ แต่ความจำฉันมันดี ก็เลยยังไม่ลืมเรื่องนี้ ฉันไม่มีตัวเลือกที่จะลบความทรงจำอะไรจำพวกนั้นได้ด้วย เธอว่าไงล่ะ?”
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์มองสวี่เย็นหวั่นที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกเย็นวูบขึ้นมาที่หลัง ทั้งๆที่เธอที่อยู่ตรงหน้ากำลังยิ้มอยู่แท้ๆ แต่เธอกลับแผ่ความรู้สึกเย็นชาที่ไร้ที่สิ้นสุดออกมาจากรอยยิ้มนั้นของเธอ
“เอาล่ะ ฉันขอตัวไปทำงานก่อน เธอก็พยายามเข้าล่ะ”
สวี่เย็นหวั่นตบลงไปบนบ่าเธอเบาๆ แล้วก้าวเดินออกไป
ครั้งนี้ พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ไม่ได้ตามไปอีก
เธอยืนอยู่ตรงที่เดิม คิดถึงคำพูดนั้นที่สวี่เย็นหวั่นพูดกับเธอเมื่อกี้นี้ ยิ่งคิด ก็ยิ่งกลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่