บทที่1472มันไม่ใช่ว่าดำก็ขาว
ไม่ยอม
ไม่ยอมให้ไปแน่นอน!
จุดนี้เสี่ยวเหยียนแน่ใจ แม้แต่ตอนที่หานชิงมาช่วยตัวเอง เธอยังเป็นห่วงแทบแย่!
แล้วเธอจะอนุญาตให้หานชิงไปช่วยผู้หญิงอื่นได้ยังไง? แถมยังเป็นแบบที่ไม่คำนึงถึงชีวิตด้วย เพราะฉะนั้นทีนี้เสี่ยวเหยียนยิ่งรู้สึกละอายใจเข้าไปใหญ่ เธอไม่คิดว่าหลังจากเธอสลบไปได้เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้
คราวก่อนผู้หญิงที่เจอที่บ้านของเซียวซู่ ดูแล้วเฉลียวฉลาด หน้าตาก็สะสวย ยืนด้วยกันกับเซียวซู่เหมาะสมกันจริงๆ ถ้าทั้งสองทะเลาะกันเพราะเรื่องของตัวเอง หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอะไร งั้นเธอควรจะทำยังไง?
“เธออย่าคิดมากเลย”
ในขณะที่เธอกำลังคิดฟุ้งซ่าน หานมู่จื่อกดมือของเธอไว้ และพูดให้คำชี้แนะอย่างจริงใจ:“ที่จริงทุกเรื่องล้วนมีเหตุและผล เมื่อก่อนเซียวซู่ชอบเธอ เรื่องนี้พวกเราล้วนดูออก เพราะมีความรักที่ลึกซึ้งต่อเธอ เพราะฉะนั้นหลังจากรู้ว่าเธออยู่ในเหตุเพลิงไหม้ปฏิกิริยาแรกก็คือไปช่วยเธอ นี่คือเหตุ แต่เขาไม่ได้จัดการความรักตัวเองเสร็จก็ไปมีแฟนนี่ก็เป็นเรื่องจริง เพราะฉะนั้นภายใต้สถานการณ์แบบนี้เขาทำเรื่องอะไรไป แหย่ให้แฟนตัวเองโกรธ พวกเราเดาผลที่เลวร้ายที่สุด นั่นก็คือทั้งสองเลิกกัน นี่ก็เป็นผลที่เซียวซู่ก่อขึ้นมาเอง ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก”
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเหยียนเป็นคนที่ถูกรัก ตอนที่เธออยู่ในเพลิงไฟ มันช่างบริสุทธิ์ใจมาก เธอก็ไม่คิดว่าเซียวซู่จะบุกเข้าไปช่วยเธออย่างไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองหรอก
ถึงแม้คำพูดของหานมู่จื่อมีผลต่อการปลอบใจ แต่เสี่ยวเหยียนก็ยังไม่สบายใจมาก เธอหลุบตายิ้มอย่างขมขื่นและพูด: “ฉันถือว่าเข้าใจแล้วว่าทำไมสวี่เย็นหวั่นถึงได้ส่งบัตรเครดิตมาที่นี่”
ถึงเรื่องที่เห้อเหลียนจิ่งทำไม่เกี่ยวกับเธอ เธอไม่ใช่คนบงการ เธอเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ขอแค่ชื่อของทั้งสองมีความเกี่ยวเนื่องกัน ขอแค่เห้อเหลียนจิ่งทำเพื่อเธอ ขอแค่เกี่ยวโยงกับชื่อของเธอ ในนี้ก็จะมีปมเงื่อนซับซ้อนของเหตุและผลวนเวียนอยู่
ดังนั้นถึงแม้สวี่เย็นหวั่นไม่ได้ไปเป็นคนที่ใช้มีดจ้วงแทง แต่เธอก็ได้กลายเป็นคนยื่นมีดให้ในทางอ้อม ถึงเธอไม่ได้เป็นคนสมัครใจเอง
เพราะฉะนั้นเธอถึงรู้สึกละอายใจ ไม่สบายใจ และขายหน้า
ก็เหมือนเสี่ยวเหยียนในเวลานี้
เรื่องของโลกมนุษย์ มันไม่ใช่ว่าดำก็ขาวเลย
ยังมีคนมากมายที่ดิ้นรนอย่างลำบากในนั้น เช่นสวี่เย็นหวั่น เช่นเสี่ยวเหยียนในนาทีนี้
“เอาล่ะ เธออย่าคิดมากเลย สรุปก็คือเธอทำเรื่องที่ควรทำให้ดีก็พอแล้ว ส่วนอย่างอื่น มอบให้ผู้เกี่ยวข้องโดยตรงจัดการเอง พวกเขาต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้ดีที่สุดว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ เธอไม่ต้องไปเกลี้ยกล่อม ไม่มีประโยชน์หรอก”
“ฉันรู้แล้ว”
หลังหานมู่จื่อไป เสี่ยวเหยียนอยู่ในห้องตามลำพังตั้งนาน สุดท้ายได้หยิบมือถือขึ้นมาโทรศัพท์
ในคอนโด
ตอนที่เสียงโทรศัพท์ของเซียวซู่ดังขึ้น เจียงเสี่ยวไป๋กำลังอยู่ที่โซฟากอดโน๊ตบุ๊คเคาะแป้นพิมพ์อยู่ ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น เธอจึงได้เรียกคำนึง
“มือถือคุณดังค่ะ”
ปรากฏไม่ได้รับการตอบรับ เจียงเสี่ยวไป๋หันไปดู พบว่าที่ห้องรับแขกมีแค่เธอคนเดียว ส่วนเซียวซู่ไม่รู้ไปห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอได้แต่เอื้อมมือไปหยิบมือถือ
หลังจากเห็นชื่อสายเรียกเข้าบนหน้าจอ เจียงเสี่ยวไป๋นิ่งไปครู่นึง จากนั้นได้เงียบสงบลงมา
เสี่ยวเหยียน นี่ไม่ใช่คนที่อยู่ในใจของเซียวซู่เหรอ? ไม่นึกเลยว่าจะโทรมาหาเซียวซู่เองเลย? ถ้าเขาเห็นล่ะก็ เขาจะต้องดีใจมากเลยมั้ง?
เจียงเสี่ยวไป๋อัดอั้นใจ ตอนที่ลังเลว่าจะรับสายนี้หรือเปล่า มือก็ได้กดปุ่มรับสายไปแล้ว
“ฮัลโหล?”
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”
ถ้าลืมคนๆนึงมันง่ายขนาดนั้น งั้นบางทีตัวเองก็อาจจะไม่ชอบเขาแล้ว
เพราะฉะนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ไปช่วยเสี่ยวเหยียนอย่างไม่ห่วงชีวิต เจียงเสี่ยวไป๋ไม่โกรธเขาเลยสักนิด ที่เขาโกรธคือ เขาได้ไปช่วยจริงๆ และได้รับบาดเจ็บด้วย แต่กลับไม่นอนพักดีๆ วิ่งไปหน้าห้องฉุกเฉินไปชกต่อยกับสามีคนอื่น ไม่คำนึงถึงบาดแผลบนตัวเขาอย่างสิ้นเชิง และไม่ได้คิดถึงว่าเธอจะเป็นห่วงหรือเปล่า
นี่ถึงเป็นเรื่องที่เจียงเสี่ยวไป๋โกรธ
“ฉันคงจะเดาใจคุณออก คุณคงจะละอายใจ งั้นฉันก็พูดกับคุณตามตรงเลยนะคะ คุณไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาพัฒนาได้ไม่เลว ตอนที่ฉันอยู่กับเขาก็รู้การมีตัวตนอยู่ของคุณแล้วค่ะ”
อะไรนะ?
เสี่ยวเหยียนได้ยินคำพูดนี้แล้วค่อนข้างแปลกใจ“คุณ คุณรู้?”
“อืม ฉันรู้ว่าเมื่อก่อนเขาชอบคุณค่ะ”
แถมยังรู้ตั้งนานแล้วด้วย ตอนนั้นเจียงเสี่ยวไป๋กับเซียวซู่เดิมทีเป็นแค่การทำข้อตกลง ต่างก็คว้าเอาสิ่งที่ตัวเองต้องการ ใครจะไปรู้ว่าจะพัฒนากลายมาเป็นอย่างวันนี้ เพราะฉะนั้นเธอไม่มีทางเอาความผิดพลาดของก่อนหน้านี้มาลงโทษตัวเองหรอก
จู่ๆเสี่ยวเหยียนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ไม่นึกเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะรู้ งั้นคราวก่อนตอนที่เธอเอาการ์ดเชิญไปให้เธอก็น่าจะรู้แล้วว่าคือตัวเอง แต่เธอกลับยังปฏิบัติกับตัวเองอย่างใจกว้าง
“คุณพูดแบบนี้ปุ๊บ เหนือความคาดหมายของฉันจริงๆค่ะ”
“การที่ชอบใครสักคนไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองจะสามารถควบคุมได้ ดังนั้นฉันไม่โกรธเขาหรอกค่ะ คุณอยากขอบคุณเขาใช่มั้ยคะ? ฉันขอแนะนำคุณอย่าเพิ่งหาเขาเลยค่ะ รอฉันไล่คุณออกจากใจของเขาได้เมื่อไหร่ ถึงเวลาในใจเขามีแค่ฉัน คุณค่อยมาขอบคุณก็ยังไม่สายค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดได้ใจกว้างมาก ความอึดอัดและความละอายใจของเสี่ยวเหยียนได้จางหายไปหมด ทั้งสองอายุห่างกันไม่เยอะ พอพูดคุยกันปุ๊บ ไม่นึกว่าจะพบว่าเข้ากันได้ดี ต่อมาทั้งสองจึงได้เพิ่มวีแชทของอีกฝ่าย
ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ก็มีความคิดเห็นส่วนตัว เดิมทีกะว่าหลังจากวางสายก็จะลบการบันทึกทิ้ง
แต่สุดท้าย เธอก็ไม่ได้ทำอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่