บทที่278 อยากเจอครั้งสุดท้าย
“คุณนายน้อย คุณชายเย่ใส่ใจคุณมากเลยนะคะ” จูหยุน เห็นเธอเก็บสายตาและไม่พูดจา กลัวว่าเธอจะคิดอะไรไร้สาระและอาจจะเข้าใจผิดเย่โม่เซิน จึงได้รีบเอ่ยปากอธิบายแทนเย่โม่เซิน
เมื่อได้ยินเสิ่นเฉียวได้สติกลับมาและมองหน้า จูหยุน แล้วหัวเราะ: “เธอนี่ออกตัวแทนเขาเก่งจริง ๆ นะ”
จูหยุน หน้าแดงเหมือนจะรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
“คุณนายน้อยล้อเล่นอีกแล้ว ฉันไม่ได้ออกตัวแทนคุณชายเย่นะคะ จูหยุน พูดความจริง คุณนายน้อยก็คงรู้ดีแก่ใจ ไม่ใช่เหรอคะ?”
ใช่ ครั้งนี้เสิ่นเฉียวรู้แล้ว
ไม่ใช่เพียงแค่เธอที่คิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว เย่โม่เซินเองก็มีใจให้เธอเหมือนกัน
ขอเพียงเท่านี้...ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็ยิ้มเบา ๆ
ในเมื่อเย่โม่เซินเป็นกังวลเกี่ยวกับตัวเธอ อย่างนั้นในช่วงนี้เธอจะอยู่ที่วิลล่าและรอข่าวคราวจากเขา จะยังคงไม่ออกไปธุระข้างนอกเป็นอย่างไรล่ะ
เพียงแต่คิดว่าตัวเองสามารถใช้ชีวิตสงบ ๆ จนกว่าเย่โม่เซินจะบอกข่าวเธอ ถึงแม้จะต้องรอทุกวัน ในตอนแรกเธอยังคงเร่งรีบ แต่ว่าเมื่อรอไปจนสุดท้ายเธอก็รู้สึกชินเป็นนิสัยไปแล้ว ทุกวันตอนเย็นเธอจะเฝ้าคอยเย่โม่เซินกลับมาอัปเดตข่าวให้ตัวเองฟัง
แต่ต่อให้เขากลับมาแล้วไม่มีอะไรจะเล่าให้เธอฟัง เธอก็จะไม่ถามให้มากความ
เธอคิดว่า หากมีข่าวคราวความคืบหน้าแม้เพียงน้อยนิดเขาก็จะไม่ปิดบังเธอหรอก
เสิ่นเฉียวเฝ้ารอมาตลอด รอจนสุดท้ายก็ได้ข่าว
แต่ไม่ใช่จากเย่โม่เซิน แต่เป็นหานเส่โยว
หานเส่โยวส่งข้อความ เว่ยซิน มาหาเธอบอกว่าอยากจะพบเธอสักครั้ง
ไม่รู้ด้วยเหตุใด ข้อความเว่ยซิน ที่หานเส่โยวส่งมานั้นทำให้เสิ่นเฉียวรู้สึกหนักอึ้ง เสิ่นเฉียวมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยจะชัดเจนนัก เพียงแต่รู้สึกว่ามันจะต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่
เธอสนิทสนมกับหานเส่โยวมาหลายปี ครั้งก่อนที่พูดคุยกันให้ชัดเจน เธอรู้สึกว่าเธอคงไม่มีวันได้เจอเธออีก
ดังนั้นเธอจึงตอบกลับไป: “ฉันกับเธอไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว”
“เฉียวเฉียว ถือว่าเป็นครั้งสุดท้าย เธอก็ไม่ยอมจะมาเจอฉันเหรอ?”
เจอครั้งสุดท้าย?
เสิ่นเฉียวรู้สึกสะดุดในใจเมื่อเห็นคำคำนี้
“หมายความว่ายังไง?”
“เธอพูดสิว่าจะยอมหรือไม่ยอมมาเจอฉัน” แต่อีกฝ่ายกลับแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวจะให้เธอพบหน้าให้ได้
เสิ่นเฉียวอดรนทนไม่ไหว พูดตามจริงแล้วเธอใจอ่อนให้หานเส่โยว เธอช่วยตัวเองมาก็เยอะ เธอไม่สามารถจะเกลียดเธอลงได้เลย แล้วเมื่อเธอพูดแปลก ๆ เหมือนอย่างวันนี้ เหมือนกับกำลังจะคิดสั้นอย่างนั้น
ถ้าหากไม่ใช่ก็ดีไป แต่ถ้าใช่ล่ะ?
ถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เสิ่นเฉียวกลัวว่าจะต้องเสียใจภายหลังไปทั้งชีวิต
“บอกเวลาและสถานที่กับฉัน”
สุดท้าย เสิ่นเฉียวก็ประนีประนอม ผ่านไปนานกว่าหานเส่โยวจะบอกที่อยู่ให้กับเธอ
เธอดูที่อยู่เสร็จแล้วจึงพบว่ามันเป็นโรงแรม เธอขมวดคิ้วและความกระวนกระวายใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เสิ่นเฉียวเก็บโทรศัพท์จากนั้นก็พูดกับจูหยุน: “วันนี้ฉันอยากออกไปข้างนอก ได้ไหม?”
จูหยุน นิ่งไปจากนั้นก็ยิ้มขึ้นและบอกเธอ: “คุณนายน้อยกับคุณชายเย่ใจตรงกันเลยนะคะ เมื่อเช้าคุณชายยกเลิกคำสั่งห้ามคุณออกไปข้างนอกแล้ว ต่อไปคุณมีอิสระในการเข้าออกแล้ว อีกทั้งยังมีคนขับรถส่วนตัวให้คุณนายน้อยด้วยค่ะ”
ความกระวนกระวายใจยิ่งเพิ่มมากขึ้น เสิ่นเฉียวที่คิดจะโทรหาหานเส่โยว ทันใดนั้นกลับพบว่าประตูนั้นปิดอยู่แต่ไม่ได้ล็อก
เหมือนกับตั้งใจปิดเอาไว้รอให้เธอมาอย่างนั้น
ผ่านไปประมาณห้าวินาที เสิ่นเฉียวก็ได้สติกลับมา ใช้เท้าแตะประตูและเดินเข้าไป
ในห้องพักเงียบสนิท ไม่มีใครสักคน บนโต๊ะมีขวดไวน์แดงวางไว้
เสื้อนอกสีชมพูบานเย็นที่คุ้นตาและกระเป๋าถูกวางไว้บนโซฟา รองเท้าส้นสูงถูกถอดวางไว้อีกด้าน ดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ว่า...ในใจเสิ่นเฉียวกลับตื่นตระหนก
“เส่โยว? ฉันมาแล้ว เธออยู่ไหน?”
ไม่มีใครตอบคำถามเธอ รอบ ๆ ยังคงเงียบสนิทเสียจนเสิ่นเฉียวได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
“เส่โยว หายเส่โยว เธอทำอะไรของเธอเนี่ย?” จบพูดเสิ่นเฉียวก็เดินไปรอบ ๆ เพื่อหาร่องรอยของหานเส่โยว เมื่อเดินผ่านห้องน้ำเธอได้ยินเสียงน้ำหยดติ๊ง ๆ เหมือนเสียงหยดน้ำหยดลงพื้น
เสิ่นเฉียวหยุดชั่วขณะและหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ค่อย ๆ หันกลับมาและผลักประตูห้องน้ำออก
หลังจากเห็นฉากในห้องน้ำใบหน้าของเสิ่นเฉียวก็ซีดลงทันทีราวกับผีใต้แสงไฟกระทบนั้น เธอตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้แล้วกรีดร้องเสียงดัง: “เส่โยว!”
ลุงจิน ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเผื่อมีเรื่องอะไรจะได้เข้ามาช่วยทันนั้น ใครจะคิดว่าไม่ทันไรก็จะได้ยินเสียงร้องของเสิ่นเฉียวดังขึ้น เขารู้สึกว่ามันผิดปกติ เมื่อเดินมาที่ข้างประตูก็เห็นเสิ่นเฉียววิ่งมาทางเขาอย่างทุลักทุเล
“จิน... ลุงจิน โทรเรียกรถพยาบาล...”
ลุงจิน ที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในห้องนั้น แต่ใบหน้าซีดขาวราวกับผีของเสิ่นเฉียวก็ทำให้เขาตกใจกลัว เขารีบหยิบโทรศัพท์และโทรเรียกรถพยาบาล เมื่อเขาโทรเสร็จแล้วจึงกลับเข้าไปในห้องพัก “คุณนายน้อย เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย?”
เสิ่นเฉียวกลัวจนตัวสั่นเทาแต่ก็ยังพยายามที่จะสงบนิ่งและพูดขึ้น: “ลุงจิน มาช่วยฉันทีค่ะ”
ลุงจิน เข้าไปในห้องน้ำกับเธอ ชายวัยกลางคนที่ใช้ชีวิตมากว่าครึ่งชีวิตอย่างเขาเมื่อเข้าไปในห้องน้ำและเห็นฉากนั้น ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเบิกตาโพลงและเหงื่อออกชุ่ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่