บทที่ 375 เริ่มงานยุ่งแล้ว
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมามองเสี่ยวเหยียน ที่กำลังกลิ้งไปมาอยู่บนโซฟา
“เสี่ยวเหยียน ไม่ใช่ว่าฉันว่าแกนะ แต่ว่าหลายปีมานี้แกยิ่งอยู่ยิ่งไม่ค่อยจะใช้สมองคิดมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ?”
เสี่ยวเหยียน: “... ...แกทำไมโจมตีกันแบบนี้ล่ะ แกอยากจะบอกว่าฉันไม่มีสมองเหรอ?” พูดจบเธอก็เบะปาก: “แกคิดว่าฉันไม่อยากจะใช้สมองคิดเหรอ? เมื่อก่อนมีบางเรื่องฉันก็สามารถวิเคราะห์ได้ แต่ว่าตอนหลังฉันรู้สึกว่าสมองของฉันตามสมองของแกไม่ทัน แกดูสิคนเราทำไมเปลี่ยนไปได้มากถึงเพียงนี้? แกฉลาดขึ้นไม่ว่า แต่ฉันทำไมโง่ขึ้นกว่าเดิมล่ะ?”
หานมู่จื่อ: “......”
“สรุปแล้ว แกก็ถือซะว่าฉันไม่มีสมองละกัน ฉันก็ไม่อยากจะใช้สมองอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็กินไปมั่วๆรอตายอย่างเดียว มันก็ไม่เลวเหมือนกันนิ เฮ้อ! แกรีบบอกฉันมาสิว่าตอนนั้นแกคิดยังไง ทีมงานพวกนั้นจ้างเงินเดือนแพงด้วย ถ้าตอนนั้นพวกเขาไปจริงๆจะทำยังไง?”
“ไม่หรอก” หานมู่จื่อตอบด้วยความมั่นใจ
“ทำไมล่ะ?”
“พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา” หานมู่จื่อมองไปที่เธอ อธิบายด้วยเสียงที่เบาๆ: “เป็นดีไซน์เนอร์ที่เก่งมีฝีมือกันทุกคน แต่ว่าฉันดูประสบการณ์ของพวกเขาแล้ว ถึงแม้จะมีผลงานดี แต่ว่าพวกเขาเข้ามาในวงการนี้ยังไม่นาน ดังนั้นจะรู้สึกว่าตัวเองเก่งกาจ แค่พูดจาไม่เข้าหูพวกเขาหน่อยก็สามารถกระตุ้นความย้อนแย้งในใจ ถึงแม้พวกเขาอยากจะไปจากบริษัทนี้จริงๆ แต่ก็รับไม่ได้กับการที่ตนเองรับเงินเดือนแต่ไม่ทำงาน จะทำให้พวกเขาดูถูกตนเองเสียก่อน”
เสี่ยวเหยียนได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเธอแล้ว รีบลุกมานั่งบนโซฟา จากนั้นจ้องหานมู่จื่ออย่างนิ่งๆ แววตาคู่นั้นเหมือนจะกลืนกินเธอลงไปอย่างนั้นเลย
“นี่แกกำลังคิดจะทำอะไร?” หานมู่จื่อมองเธออย่างน่าหัวเราะ
แต่เสี่ยวเหยียนกำลังตั้งหน้าตั้งตามองเธออย่างจริงจัง: “มู่จื่อ ฉันว่าแกเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยสักนิด เมื่อก่อนแก......”
“เรื่องของเมื่อก่อนมันผ่านไปแล้ว” ไม่รอให้เสี่ยวเหยียนพูดต่อให้จบ หานมู่จื่อก็เหมือนรู้แล้วว่าเธอจะพูดอะไร จึงเอ่ยปากขัดคำพูดตอนหลังของเธอ: “อย่าพูดถึงอีกเลย”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเกือบจะพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดแล้ว เธอจึงรีบพยักหน้า
ทั้งสองคนเดินรอบๆบริษัทอีกที จากนั้นก็ออกไป
เพราะว่าเพิ่งจะเปิดบริษัท ดังนั้นจึงต้องหาฤกษ์ยามวันดี อีกทั้งยังต้องตั้งชื่อบริษัท
หลังจากที่หานมู่จื่อและเสี่ยวเหยียนขับรถออกไปแล้ว จางยู่กำลังเดินกลับมาทางข้างๆหน้าต่าง
“รถที่ขับก็ธรรมดา ฉันนึกว่าจะรวยแค่ไหนกัน ก็แค่ขับรถฟ็อลคส์วาเกิน”
“ฟ็อลคส์วาเกิน?” เลิงเยาเยาที่อยู่ด้านข้างได้ยินแล้วยักคิ้ว: “รถนั่นมันมีค่าเท่าไหร่กัน? มีเงินเปิดบริษัท แต่ไม่มีเงินซื้อรถ?”
“บริษัทก็หานชิงเป็นคนเปิดให้เธอ รถก็คงจะซื้อไม่ไหวล่ะสิ ซื้อได้แค่รถฟ็อลคส์วาเกิน แสร้งทำเป็นรวย” มองดูหน้าตาของจางยู่แล้ว เธอน่าจะเป็นคนที่อ่อนโยนมาก แต่ว่าการพูดจาไม่เหมาะสมกับหน้าตาของเธอเลยสักนิด
ซูกั่วเอ๋อยกมือดันแว่นตาขึ้นนิดๆ ไม่พูดจา
หลี่จุ้นเฟิงเอามือเท้าคางไว้ทั้งสองข้าง: “แต่ผู้หญิงคนนี้ก็โหดมากเหมือนกันนะ รู้จุดอ่อนของพวกเราคืออะไร ทำให้พวกเราอยู่บริษัทต่อไปได้ทุกคน ก่อนจะมาผมยังนึกว่าวันนี้คงจะมีหลายคนที่จะออกจากที่นี่ซะแล้ว”
พูดจบแล้ว หลี่จุ้นเฟิงยังยิ้มใส่หน้าคนอื่นๆ
“ชิ” เลิงเยาเยาหัวเราะอย่างประชด: “ทำไมต้องไปด้วยล่ะ? ไปแล้วจะทำให้เธอดูถูกพวกเราไม่ใช่เหรอ? รับเงินเดือนแต่ไม่ทำงาน แล้วยังออกจากบริษัทอีก วันข้างหน้าคนในวงการจะว่าพวกเรายังไงก็ไม่รู้”
ซูกั่วเอ๋อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย: “ฉันก็คิดเช่นนี้ พวกเราต่างก็เซ็นสัญญาว่าจ้างกัน เงินเดือนก็จ่ายล่วงหน้าแล้ว ถ้ายังออกจากบริษัทในตอนนี้ มันก็ไม่ค่อยมีคุณธรรม”
หวังอานที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยปากพูดว่า: “มีหรือไม่มีคุณธรรม อย่างน้อยเดือนที่รับเงินเดือนกันแล้วก็ต้องทำงาน ผู้หญิงคนนั้นดูแล้วก็ดีนะ พวกเราก็ใช้เวลาสองสามเดือนนี้ลองดูท่าทีของเธอได้ ลองดูว่าเธอมีฝีมือมากแค่ไหน”
“เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ ฉันเต็มใจก็พอ”
“อ่าว ผมเห็นว่าคุณน่ารักขนาดนี้ ถูกก้อนหินอย่างเขาไม่ไยดี ทำให้เธอเสียเวลาเปล่าๆ ดังนั้นจึงอยากจะช่วยคุณนะ”
... ...
บริษัทใหม่ เรื่องที่ต้องทำมีเยอะแยะมากมาย
ถึงแม้หานมู่จื่อจะไม่เคยคิดว่าจะเปิดบริษัท แต่ว่าถ้าเปิดแล้ว อีกทั้งยังเป็นบริษัทของเธอด้วย เธอก็ต้องพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
อย่างแรกก็คือเรื่องหาพนักงานบริษัท หานชิงเตรียมแค่ทีมงานทีมให้เธอเท่านั้น แต่เรื่องอื่นๆก็มอบให้เธอไปจัดการเอง
เสี่ยวเหยียนเป็นเลขาผู้ช่วยของหานมู่จื่อ ก็ต้องขยันทำงานให้สุดความสามารถ
“พนักงานที่เรารับสมัคร พนักงานต้อนรับประมาณสองคนเอาไว้สลับเปลี่ยนเวรกัน แล้วก็ยังมีพนักงานรักษาความปลอดภัย เชฟทำอาหารและพนักงานทำความสะอาด พวกนี้สามารถไปหาดูในตลาดแรงงานได้ มีคนให้เราเลือกได้มากมาย”
“อื่ม” หานมู่จื่อพยักหน้า: “เรื่องพวกนี้มอบให้แกไปทำนะ”
“ไม่มีปัญหา ฉันจัดการเอง”
จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ไปจัดการเรื่องนี้ ส่วนหานมู่จื่อยังมีเรื่องอื่นต้องทำอีกมากมาย ดังนั้นทุกคนต่างยุ่งเรื่องของตนเอง แค่พริบตาเวลาก็ผ่านไปสามวันแล้ว ในที่สุดเสี่ยวเหยียนก็รับสมัครพนักงานได้ครบแล้ว ส่วนหานมู่จื่อก็ทำงานทุกอย่างที่อยู่ในมือจนเรียบร้อย ที่จริงแล้วถือว่าเธอละเอียดมากแล้ว คนที่เสี่ยวเหยียนหามานั้น เธอจะดูด้วยตนเองก่อน จากนั้นรู้สึกว่าไม่มีปัญหาจึงจะเซ็นสัญญาทดลองงาน
แล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน เวลาดึกมากแล้ว หานมู่จื่อยังนั่งเขียนแผนงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เสี่ยวหมี่โต้วกำลังมองอยู่ด้านหลัง “หม่ามี๊ ดึกแล้วนะ จะนอนแล้ว”
ได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อไม่ได้หันไปเลย “อืม เสี่ยวหมี่โต้วนอนก่อนนะ เดี๋ยวแม่มานอนเป็นเพื่อนนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่