บทที่699 เริ่มรังเกียจผมแล้ว
สองแม่ลูกซุกตัวดูแหวนเพชรกันอยู่ใต้ผ้าห่ม
“สวยมั้ย?”
ในตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วเงยหน้าขึ้นมานั้น ก็สบเข้ากับแววตาของความคาดหวังและความมุ่งหวังของหานมู่จื่อเข้าพอดี ริมฝีปากชมพูก็เผยรอยยิ้มบางๆออกมา รอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มที่จริงใจ และได้ออกมาจากใจจริงๆ
เสี่ยวหมี่โต้วอยู่กับหม่ามี๊ของเขามาหลายปี ถึงแม้ว่าหม่ามี๊จะยิ้มให้เขาเป็นประจำ แต่รอยยิ้มเมื่อตอนนั้นมันต่างไปจากตอนนี้
ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้เข้าใจมากมายอะไรนักก็ตาม
ดังนั้นแล้วคำว่าไม่ชอบที่ติดอยู่ตรงปากก็ได้ถูกเสี่ยวหมี่โต้วกลืนมันกลับไปอย่างนั้น จากนั้นเขาก็โวยวายออกมาอีกประโยคนึง
“หม่ามี๊ พอใจง่ายเกินไปแล้วนะ~”
พอใจง่ายไปมั้ย?
หานมู่จื่อกลับไม่คิดอย่างนั้น ขอเพียงแค่เย่โม่เซินมีใจ นั่นมันก็เพียงพอแล้วล่ะ
“เด็กโง่ คนที่หม่ามี๊ของลูกแต่งด้วยเขาเป็นคนนะ ไม่ใช่อย่างอื่นเสียหน่อย”
“แต่ เมื่อก่อนหม่ามี๊ต้องเจอกับความเสียใจนะ”
อึก
หานมู่จื่อนิ่งคิดอยู่นาน คิดว่าเด็กน้อยยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของผู้ใหญ่นัก ทำเพียงบีบจมูกเล็กของเขาเบาๆ “สรุปเลยก็คือยังมีหลายเรื่องที่ตอนนี้หม่ามี๊พูดกับลูกยังไง ลูกก็ไม่อาจเข้าใจมันได้ ลูกจำเอาไว้เพียงว่าหม่ามี๊ยินยอมพร้อมใจก็เพียงพอแล้ว~”
“อ้อ งั้นก็เอาเถอะ หม่ามี๊...ถ้าหม่ามี๊ต้องเจอกับความไม่เป็นธรรม จะต้องบอกเสี่ยวหมี่โต้วนะครับ เสี่ยวหมี่โต้วจะจัดการคนไม่ดีให้เอง!”
ในตอนที่เย่โม่เซินเตรียมที่จะเข้าไปในห้องนั้น ก็ได้ยินคำพูดนั้นเข้าพอดี ดังนั้นจึงทำให้ฝีเท้าเขาต้องหยุดชะงักลง จากนั้นก็ถอยออกไปหยุดอยู่ที่ตรงมุมผนังที่อยู่ตรงหน้าประตูห้องด้วยความห่อเหี่ยวใจแบบสุดๆแทน
เด็กนั่นคิดต่อต้านเขา...
ความรู้สึกนี้มันช่างฝังลึกมากจริงๆ!
*
หานมู่จื่อพักอยู่ที่วิลล่าไห่เจียงอยู่สองวัน ไม่ไปบริษัท ในแต่ละวันถ้าไม่กินก็นอน ในตอนที่ส่งกระจกก็ได้พบว่าหน้าของตนดูเหมือนว่าจะกลมขึ้นมากเลยทีเดียว
เธอบีบจับเนื้อตรงส่วนเอวของเธอ ก็เริ่มรู้สึกกลุ้มใจขึ้นมา
ต้องลดน้ำหนักหรือเปล่า?
ในตอนที่กำลังคิดกลุ้มอยู่นั้น ก็มีสายของหานชิงโทรเข้ามา
“พี่?” หานมู่จื่อแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังกระวนกระวายใจขึ้นมาด้วยเช่นกัน ในตอนที่หานชิงเป็นฝ่ายโทรมาหาเธอเองนั้น มักจะมีความรู้สึกว่า...มันคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
อันที่จริงเมื่อหลายวันก่อนเธอเพิ่งกลับบ้านไปขอทะเบียนบ้านจากเขา แต่หานชิงไม่ให้เธอ
น้ำเสียงเรียบนิ่งของหานชิงดังออกมาจากโทรศัพท์
“หลายวันมานี้ น้องอยู่กับเย่โม่เซินตลอด?”
หานมู่จื่อพยายามที่จะแยกแยะอารมณ์ในน้ำเสียงนั้นของหานชิงอย่างหนัก คิดอยู่สักพักแต่กลับพบว่าตนแยกไม่ออกว่าตกลงแล้วตอนนี้หานชิงกำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหนกันแน่...
จะว่าเขากำลังโกรธ แต่มันก็ดูเหมือนกับว่าจิตใจของเขาสงบสุดๆเช่นกัน
แต่ถ้าจะบอกว่าเขาดูสงบนิ่งล่ะก็ มันก็ยังรู้สึกดูผิดปกติขึ้นมาอีก
ตามหลักแล้วก็ไม่ควรจะสงบนิ่งและเฉยชาขนาดนี้นี่นา
“ค่ะ...”
หานมู่จื่อยอมรับออกไปตามตรง
“น้องชอบมันขนาดนั้น? ห้าปีก็ยังลืมไม่ลง ขาดมันไม่ได้เลย?”
หานมู่จื่อ “...”
“พี่ ฉัน...”
“คิดให้ดี แล้วค่อยตอบพี่”
หานมู่จื่อสูดหายใจลึกๆ แม้แต่คิดก็ยังไม่ต้องคิด เอ่ยออกไปทันที “พี่คะ ถ้าลืมได้ ก็คงลืมไปตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว ฉันได้คบกับเขาแล้ว นี่เป็นสิ่งที่อธิบายอย่างอื่น...ได้ดีที่สุด ฉันคิดว่าฉันคงไม่ต้องพูดอะไรให้มากมายแล้วมั้งคะ”
“ค่ะ!” หานมู่จื่อพยักหน้าตอบรับไปอย่างหนักแน่น “ฉันทราบแล้วค่ะพี่!”
“จะต้องเตรียมเข้าประชุมแล้ว วางสายก่อนนะ ถ้าเลือกฤกษ์แต่งงานได้แล้วก็อย่าลืมบอกพี่ด้วย”
หานมู่จื่อตอบตกลงออกไป หลังจากที่เอ่ยลาหานชิงจบก็วางสายไป
เธอมองตัวเองในกระจก น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ สุดท้ายเธอก็กลั้นมันเอาไว้ไม่ได้
แต่เพียงไม่นาน หานมู่จื่อก็ได้ยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาบนใบหน้าออกไป จากนั้นก็ยกยิ้มให้กับตัวเองในกระจก
พี่ชายของเธอ...ตกลงยอมให้เธอคบหากับเย่โม่เซินแล้ว
การได้รับคำอวยพรจากเขา นับว่าเป็นเรื่องที่สมควรที่จะมีความสุขที่สุดแล้ว!
*
หลังจากที่หานชิงตอบตกลงเรื่องงานแต่งงานของพวกเขาทั้งสองคนแล้วนั้น หานมู่จื่อได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่ถึงแม้ว่าหานชิงจะรับปากออกมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมมอบทะเบียนบ้านให้ บอกว่าให้เธอและเย่โม่เซินแต่งงานกันให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยให้ทั้งสองคนจดทะเบียนสมรสกันอีกที
หานมู่จื่อไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เพราะถึงอย่างไรก็ได้รับปากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เรื่องการจดทะเบียนสมรสนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรีบร้อน
แต่เย่โม่เซินก็เริ่มยุ่งเสียจนแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย
เดิมทีก็แค่ไม่เจอกันเพียงสองสามวัน แต่ช่วงหลังๆมานั้นถึงขนาดที่ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว
หานมู่จื่อเกิดกลุ้มใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอนึกถึงเรื่องงานแต่งงานที่ล้วนแล้วแต่เป็นเขาที่เป็นคนจัดเตรียมแล้วนั้น จึงต้องเก็บกลั้นมันไปอีกครั้ง
สถานที่จัดงานแต่งงานได้กำหนดเอาไว้แล้วว่าจะจัดที่ต่างประเทศ เย่โม่เซินจึงมักจะต้องไปดูสถานที่จริงด้วยตัวเองอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงจำต้องนั่งเครื่องบินไป แต่เพื่อที่จะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนมู่จื่อนั้นก็เลยต้องอดหลับอดนอนติดๆกันเป็นสิบๆชั่วโมงอยู่บ่อยๆ
ต่อจากนั้นมา หานมู่จื่อก็พบว่ารอบๆดวงตาของเขานั้นบวมคล้ำขึ้นมาเรื่อยๆ ก็เลยเริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“ถ้าคุณจัดการแบบนี้ต่อไป ฉันเกรงว่าเมื่อถึงวันงานคุณจะมาเป็นเจ้าบ่าวไม่ไหวเอาได้นะคะ”
พูดจบ เธอก็จิ้มลงบนรอยคล้ำรอบดวงตาของเย่โม่เซินเบาๆ อีกทั้งคางที่เริ่มมีหนวดเคราผุดออกมา “ดูสิว่าคุณอยู่ในสภาพแบบไหนแล้ว...”
เย่โม่เซินได้ยินคำพูดนั้นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วออกไปเล็กน้อย “ทำไม นี่ยังไม่ทันได้แต่งงานกัน ก็เริ่มรังเกียจผมขึ้นมาแล้วหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่