บทที่ 742 มีข่าวคราวของคุณชายเย่แล้ว
หลังจากที่คนจากไปแล้วเสี่ยเหยียนรั้งตัวหานมู่จื่อเอาไว้
“คุณปล่อยเธอไปง่ายๆอย่างนี้นะเหรอ”
หานมู่จื่อมองไปรอบๆตัว“ที่พูดว่าว่าจะเลิกจ้างก็แค่ขู่เท่านั้น อุดปากคนบางคนเอาไว้”
หลังจากทั้งสองตักข้าวและนั่งลงแล้ว เสี่ยวเหยียนค่อยๆเหลือบมองไปรอบๆ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ว่า“แต่ว่า คุณคิดจะรออย่างนี้ตลอดไปหรือ”
ได้ยินดังนั้น มือของหานมู่จื่อก็ชะงักไปทันที เงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวเหยียนไม่พูดไม่จาอะไร
เสี่ยวเหยียนถูกสายตาเย็นยะเยือกมองจนรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย คอหด จากนั้นก็อธิบายว่า“อันที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้มีเจตนาอื่นหรอกนะ ฉันแค่อยากรู้ หากว่าไม่มีข่าวของเขาอยู่เลยแบบนี้ เธอจะรอเขาอยู่อย่างนี้ต่อไปเหรอ ช่วยเขาจัดการงานในบริษัทตลอดไป ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป เธอต้องเหนื่อยตายแน่”
“เสี่ยวเหยียน” จู่ๆหานมู่จื่อก็เรียกชื่อเธอออกมา
“ห๊ะ”
เป็นครั้งแรก ที่หานมู่จื่อมองเสี่ยวเหยียนอย่างจริงจังเช่นนี้
“ฉันจะต้องไม่รออย่างนี้ตลอดไป เขาจะต้องกลับมา”
แววตาตาเธอมุ่งมั่น เสี่ยวเหยียนก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก ได้แต่พยักหน้า จากนั้นก็ทานข้าว
ความจริง ช่วงเวลาที่เฝ้ารอมาทั้งเดือนนี้ ไม่ใช่แค่เสี่ยวเหยียน หลายคนต่างก็คิดว่าเย่โม่เซินต้องเป็นอะไรไปตอนที่เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องบินในครั้งนั้น ไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว
แต่ว่ามีเพียงแค่หานมู่จื่อและเสี่ยวหมี่โต้ว ยังคงเชื่อว่า เย่โม่เซินจะต้องกลับมา
เขาแค่หายสาบสูญไปชั่วคราวเท่านั้น
เฮ้อ เสี่ยวเหยียนมองหานมู่จื่อที่ใบหน้าเจ็บปวดรวดร้าวอย่างสงสารจับใจ
ต้องเข้มแข็งขนาดไหน ถึงจะมีความเชื่อที่มุ่งมั่นแน่วแน่เช่นนี้
ทันใดนั้นเองเสี่ยวเหยียนก็คิดว่าแม้ตนเองจะไม่ได้ครอบครองหานชิงแต่ได้มองเห็นขาแข็งแรงดีอยู่ทุกวัน ก็เป็นเรื่องที่มีความสุขมากเรื่องหนึ่ง
ไม่เหมือนกับมู่จื่อ ที่รักกันแต่ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้
หากเกิดเรื่องกับเย่โม่เซินจริง อย่างนั้นก็คือเป็นการแยกจากกันอย่างถาวรแล้ว
แต่ว่าสิ่งเหล่านี้เสี่ยวเหยียนไม่กล้าเอ่ยต่อหน้าหานมู่จื่อ
หลังจากกินข้าวแล้ว ทุกคนก็ต่างพากันกลับไปทำงานของแต่ละคน
หลังจากที่ทำงานของวันนี้เสร็จสิ้น หานมู่จื่อก็ลากร่างที่เหนื่อยล้าของตนกลับบ้าน เตรียมจะทิ้งตัวลงนอน ก็รับสายของซูจิ่ว
“เลขาซู” หานมู่จื่อสงสัยเล็กน้อย ตอนนี้เลิกงานแล้ว เธอมีธุระอะไรกับตนเอง
“คุณหนูมู่จื่อ ฉันมีข่าวหนึ่ง ที่จะต้องรายงานให้คุณทราบค่ะ”
น้ำเสียงของเธอฟังดูเคร่งขรึมมาก
เดิมหานมู่จื่อเหนื่อยจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงเคร่งขรึมแบบนี้ของซูจิ่วก็รีบลุกขึ้นมานั่งทันที
แม้ว่าช่วงนี้ซูจิ่วมักจะโทรหาเธอบ่อยจนเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเธอแทบไม่เคยใช้น้ำเสียงเคร่งขรึมแบบนี้กับตน
และหัวใจของเธอตอนนี้ ก็กำลังเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งหานมู่จื่อรู้สึกว่าเสียงของตนเองแหบพร่าเล็กน้อย
“เรื่อง….อะไร”
ซูจิ่วที่อยู่อีกด้านยิ้มอ่อนๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความยินดี “คุณหนูมู่จื่อ พวกเรา……น่าจะพบคุณชายเย่แล้วค่ะ”
ตึก!
ตึกๆ!
หานมู่จื่ออึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตั้งสติได้ รู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมา แต่เธอไม่ได้เป็นลมไป
อาจจะเป็นเพราะเธอตื่นเต้นมากเกินไปเท่านั้น เธอกัดริมฝีปากตนเอง กำโทรศัพท์แน่น
หานมู่จื่อชะงัก ก่อนจะได้สติกลับมา
ใช่ นี่เป็นเรื่องดีนะ
เธอจะเศร้าไปทำไม
คิดมาถึงตรงนี้ หานมู่จื่อกลั้นน้ำตาที่รื้นอยู่ในเบ้าตากลับไป ให้ตนเองเผยรอยยิ้มออกมา เอ่ยเบาๆว่า“ลุงหนานพูดถูก หากไม่จริง พี่ชายฉันกับเลขาซูก็คงไม่บอกเรื่องนี้กับฉัน”
“อย่างนั้นพวกเราออกเดินทางไปสนามบินกันเถอะครับ”
“ค่ะ”
หานมู่จื่อพยักหน้า ขึ้นรถไปพร้อมกับลุงหนาน
หลังจากขึ้นรถแล้ว ลุงหนานก็ดูจีพีเอส พลางเอ่ยถามว่า“จากที่นี่ไปสนามบินก็คงอีกพักใหญ่ แต่คุณหานสั่งเอาไว้แล้ว ว่าให้พาคุณหนูมู่จื่อไปทานข้าวก่อน ดังนั้น….”
“ลุงหนาน พวกเราตรงไปสนามบินเลยก็ได้ค่ะ ในสนามบินมีร้านอาหาร ถึงตอนนั้นฉันเลือกร้านทานเองง่ายและสะดวกค่ะ”
“ก็ได้ครับ”
ลุงหนานส่งหานมู่จื่อถึงสนามบินอย่างปลอดภัย พอลงจากรถหานมู่จื่อก็เห็นซูจิ่วที่ยืนรอเธออยู่ข้างทาง
เห็นเธอลงจากรถ ซูจิ่วก็รีบพุ่งไปทันที ช่วยเธอลากกระเป๋าเดินทาง“ประธานหานรอคุณอยู่ด้านในค่ะ”
“อืม”
หานมู่จื่อกับซูจิ่วเดินผ่านเครื่องสแกนความปลอดภัยของสนามบิน หลังจากผ่านเข้ามาแล้ว ซูจิ่วก็พาหานมู่จื่อมาที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง
หานชิงนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างหน้าต่าง บนโต๊ะมีโน้ตบุ๊ควางอยู่หนึ่งเครื่อง และกาแฟหนึ่งแก้ว
“มาแล้วเหรอ”หานชิงเงยหน้า ยังไม่ทันได้ตั้งตัว หานมู่จื่อก็ก้าวพรวดพราดเข้ามา
“พี่คะ ข่าว……จริงมั้ยคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่