ตอนที่ 611 คนที่ไม่พึงปรารถนา
กู้ฮอนมองไปที่ลั่วเฉียวแล้วถอนหายใจ “เฉียวเฉียวอ่ะ เธอยังเด็กเกินไป ยังไม่เข้าใจอะไรหลายเรื่อง โอเคล่ะ ฉันก็ไม่อยากจะมาโต้เถียงอะไรกับเธอแล้ว ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว เธอก็ควรจะไปคุยเขา อย่าคิดไปเองว่ามันดีหรือไม่ดี ตอนนี้พวกเรากลับไปกินข้าวกัน”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง กู้ฮอนก็พาลั่วเฉียวออกมาจากห้องน้ำ และกลับไปนั่งตรงที่เดิม
โล่ฮานมองดูน้องสาวด้วยความกังวล สีหน้าของเขาดูไม่ดี “เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ลั่วเฉียวเผยรอยยิ้มออกมาอย่างรวดเร็วพลางมองไปที่พี่ชาย “พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่เป็นอะไร” จากนั้นเธอก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าไปในปากของโล่ฮาน “กินข้าว กินข้าว”
จริงๆแล้วแอนนิก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในเมื่อลั่วเฉียวและกู้ฮอนไม่อยากที่จะเอ่ยถึง ตนเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก ทั้งนี้ทุกคนจะได้ไม่รู้สึกเขินอาย อีกทั้งก็ยังมีเด็กๆอยู่ด้วย
*
ในเวลานี้เป่หมิงโม่กำลังอยู่ในห้องอาหารบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง อาหารยังคงดูอุดมสมบูรณ์ แต่กลับเหลือแค่เพียงเขาและเฟยเอ๋อสองคนเท่านั้น
เมื่อเขาคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ โดยเฉพาะความคิดที่เยือกเย็นของกู้ฮอนที่มีต่อตนเอง ก็รู้สึกไม่อยากทานอะไร
เมื่อคีบอาหารมา หลังจากกินไปสองคำก็รู้สึกเหมือนกำลังเคี้ยวขี้ผึ้ง
“ป๊อก”
เขาขว้างตะเกียบลงบนโต๊ะ อาหารที่กินอยู่เรียกว่าอะไร
เฟยเอ๋อกำลังถือชาม และเงยหน้าขึ้นมองเป่หมิงโม่อย่างระวัง “โม่ คุณไม่สบายใช่ไหม ต้องการให้ฉันเรียกคนใช้มาเปลี่ยนถ้วยซุปหรืออะไรอย่างอื่นไหม”
เป่หมิงโม่มองไปที่เฟยเอ๋อ แล้วก็หยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดปาก “ไม่มีอะไร คุณกินเถอะ คุณกินเถอะ”
“โม่ ฉันอยากส่งจะซุปไก่ถ้วยหนึ่งให้กับท่านนายเป่หมิงหลังจากทานอาหารเสร็จ คุณอยากไปกับฉันไหม” เธอหยั่งเชิงถามเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่ยืนขึ้น “คุณเรียกเหล่าลี่ให้มาขับรถพาตัวเองไปดูเถอะ แล้วก็ถือโอกาสบอกกับป้าซิน ช่วงนี้ผมยุ่งมากไม่มีเวลาไปดูเธอ ”
หลังจากพูดจบเขาก็หันออกไปจากห้องอาหาร
*
วันนี้เจียงฮุ่ยซินอาการดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว เป่หมิงยันพาเธอขึ้นรถเข็นออกไปเดินเล่นข้างนอกในระหว่างวัน
ตอนนี้กำลังพูดคุยอยู่กับเป่หมิงยันในห้องผู้ป่วย
เมื่อเห็นประตูด้านนอกของห้องผู้ป่วยเปิดออก เฟยเอ๋อก็ถือกล่องอาหารกล่องหนึ่งเข้ามา “ท่านนายเป่หมิง นายท่านเป่หมิง”
เป่หมิงยันพยักหน้าไปที่เธอ
แต่หลังจากที่เจียงฮุ่ยซินเห็นเฟยเอ๋อ ก็ไม่ได้ดีใจสักนิดเดียว เดิมทีใบหน้าของเธอยิ้มแย้ม และหุบลงในทันที
เฟยเอ๋อมองตา แต่บนใบหน้าก็ไม่ได้แสดงอาการใด
เธอเดินไปข้างหน้าเตียงของเจียงฮุ่ยซิน “ท่านนายเป่หมิง นี่คือซุปไก่ที่ฉันเตรียมเอามาให้คุณ อาการป่วยของคุณเพิ่งจะดีขึ้น จำเป็นต้องบำรุงสักหน่อย นอกจากนี้โม่บอกกับฉันว่า ช่วงนี้เขายุ่งมาก มาเยี่ยมคุณไม่ได้แล้ว”
เจียงฮุ่ยซินยังคงพูดไม่ทัน เป่หมิงยันพูดอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณนะ แต่ก็ทำให้เธอต้องหนักใจแล้ว” จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบซุปไก่
“ท่านนายเป่หมิง ฉันคิดว่าวันนี้สีหน้าของคุณดูดีขึ้นนะ ฉันคิดว่าเร็วๆนี้อาการคงจะดีขึ้นและได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรที่ต้องให้ฉันฝากไปบอกกับโม่ไหม” เฟยเอ๋อยังคงยิ้มพลางถาม
เจียงฮุ่ยซินมองเฟยเอ๋อ และเลิกคิ้ว “บอกเขาว่าจะยุ่งสักแค่ไหน ร่างกายต้องสำคัญ ตอนนี้ตระกูลเป่หมิงทั้งภายในและภายนอกก็ต้องต่างพึ่งพาเขาคนเดียว”
“ท่านนายเป่หมิง คุณวางใจเถอะ สำหรับเรื่องภายนอก ฉันไม่สามารถช่วยอะไรได้ โม่เพียงคนเดียวก็จัดการได้ แต่สำหรับตระกูลเป่หมิง มีฉันก็ได้แล้ว”
***
ทันทีที่เฟยเอ๋อพูดออกไปอย่างนี้ เจียงฮุ่ยซินจ้องที่เธอด้วยสีหน้าบึ้งตึงทันที ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร
เฟยเอ๋อตกใจเป็นอย่างมาก
เจียงฮุ่ยซินค่อยๆพูดว่า “เธอพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร หรือจะบอกว่าต่อไปเธอจะเป็นคนดูแลตระกูลเป่หมิง! เธอนี่ใจร้อนเกินไปนะ อย่าลืมสิว่าเธอยังไม่ได้เข้ามาในตระกูลเป่หมิงของพวกเราเลยนะ”
เฟยเอ๋อโบกอธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ท่านนายเป่หมิง คุณอย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้หมายความอย่างนี้ ฉันแค่ต้องการดูแลเรื่องภายในบ้านแทนคุณในช่วงเวลาที่คุณพักอยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นการดีที่จะแบ่งเบาบางสิ่งที่ฉันสามารถทำได้ให้กับโม่”
เจียงฮุ่ยซินพลางทำเสียงฮึ “ฮึ ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอไม่กล้า ในเมื่อเธอมาที่นี่แล้ว ฉันคิดว่ามันจะดีถ้าได้พูดอะไรบางอย่างออกไป ตอนที่คุณท่านยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องแต่งงานของเธอและโม่ เหมือนกับฉันที่ไม่เห็นด้วย แต่โม่อยากแต่งงานกับเธอ ฉันเคารพในความคิดของเขา และไม่ได้พูดอะไรอีก ตอนนี้คุณท่านได้จากไปแล้ว พิธีแต่งงานของพวกเธอก็ไม่ได้จัดขึ้น อย่างนั้นฉันก็ยังต้องทำตามความเห็นของเธอ”
ทันทีที่เฟนเอ๋อได้ยิน หัวใจของของเธอก็เหมือนโดนมีดทิ่มแทง ทำไมการแต่งงานระหว่างตัวเองและเขาไม่ได้รับความยินยอมเช่นนี้ อีกทั้งยังทำให้พวกผู้ใหญ่คัดค้าน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ดวงตาของเธอก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำตาก็เริ่มเอ่อล้นอยู่ภายใน
เป่หมิงยันได้เจอคำพูดแบบนี้ที่แม่พูดออกมา ก็ขมวดคิ้วขึ้น คำพูดนี้ก็ค่อนข้างทำร้ายจิตใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกดีกับเฟยเอ๋อเท่าไหร่
“แม่ คุณเหนื่อยเกินไปแล้วควรจะพักผ่อนได้แล้ว” เป่หมิงยันพูดจบก็ประคองแก้วให้กับเจียงฮุ่ยซิน หลังจากนั้นพูดกับเฟยเอ๋อ “คุณเฟยเอ๋อ ขอโทษด้วยนะคะ พ่อของฉันเสียชีวิตไปกะทันหัน แม่ของฉันเขาพูดจาเหลวไหล คุณอย่าเอาไปใส่ใจเลย”
เฟยเอ๋อยิ้ม “นายท่านเป่หมิง ในเมื่อที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว อย่างนั้นฉันก็ขอไปก่อน”
*
หลังจากอาหารเย็น โล่ฮานได้ถือกระเป๋าเดินทางของน้องสาวขึ้นมา พาเธอกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่
หลังจากกู้ฮอนกันแอนนิได้ไปส่งพวกเขาสองพี่น้อง ก็รู้สึกสะเทือนใจ หลายวันแล้วที่ไม่ได้ไปเยี่ยมแม่เลย
วันนี้พอจะมีเวลา เธอตัดสินใจไปโรงพยาบาล เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาค่อนข้างเย็นแล้ว พวกเด็กๆจึงไม่สามารถตามตัวเองมาด้วยได้ จึงต้องมอบให้แอนนิดูแลพวกเขา
หลังจากลุงคุนไปส่งกู้ฮอนแล้ว ก็ขับรถออกไป ดังนั้นเธอจึงเดินออกไปปากซอย เพื่อเรียกรถ
ในไม่ช้า กู้ฮอนก็มาถึงโรงพยาบาล ขณะที่เธอรอประตูลิฟต์ที่กำลังจะเปิด ขณะที่เธอค่อยๆก้าวเข้าไปในลิฟต์ ประตูลิฟต์อีกตัวก็เปิดออก คนจำนวนหนึ่งก็เดินออกมาจากข้างใน
กู้ฮอนได้เหลือบไปเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างของผู้หญิงที่คุ้นเคยคนหนึ่งได้เดินตามผู้คนออกมา
เธอก้าวช้าลงเล็กน้อย
หลังจากที่เธอเอื้อมมือออกไปเช็ดน้ำตาจนหมด หลังจากนั้นใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
“แม่ คุณรู้รึเปล่า เจ้าเด็กตัวเล็กได้ถูกพากลับมาแล้ว ตอนนี้คุณมีหลานสองคนแล้วนะ สองวันนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่กับคดีความคดีหนึ่ง รอให้ผ่านสองวันนี้ไปก่อน ฉันจะพาพวกเขามาเยี่ยมคุณดีไหม……”
กู้ฮอนกำลังพูดอยู่กับลู่ลู่ภายในห้องผู้ป่วย ตอนนี้ที่ด้านนอกของห้องผู้ป่วยมีรอยแตกเล็กๆแตกออกอยู่รอยหนึ่ง มีดวงตาคู่หนึ่งกำลังมองผ่านช่องประตูเข้ามาจากห้องสังเกตการณ์
แม้ว่าจะไม่ได้ยินว่าข้างในพูดอะไรกัน แต่ก็มองเห็นกู้ฮอนที่อยู่ภายใน ให้ความใกล้ชิดอยู่กับผู้หญิงคนนั้นบนเตียง
ผ่านไปครู่หนึ่ง บนทางเดินมีเสียงเท้าดังขึ้น คนคนนั้นได้ปิดประตูให้สนิทอีกครั้ง และกดหมวกแก๊ปบนหัว
ล้วงมือทั้งสองไว้ในกระเป๋าแล้วจากไปอย่างช้าๆ
ทั้งหมดนี้ กู้ฮอนเพิ่งอยู่ด้านในไม่รู้อะไรเลย เธอยังคงพูดกับลู่ลู่อย่างต่อเนื่อง
บางทีเธอก็รู้สึกตื้นตันต่อสวรรค์ด้วยใจจริง หรือจะเป็นความผูกพันที่แยกกันไม่ออกระหว่างแม่กับลูก
น้ำตาของกู้ฮอนก็ได้หยดออกมา หยดลงบนมือเล็กๆของลู่ลู่
มือของเธอเริ่มขยับเล็กน้อย
ในตอนแรกกู้ฮอนคิดว่าเป็นภาพลวงตา แต่เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีน้ำตาไหลออกมาจากหางตาของลู่ลู่
ขณะที่น้ำตาของเธอกำลังไหล ดวงตาภายใต้เปลือกตาก็ขยับอยู่ตลอด
กู้ฮอนดีใจมาก ใช้มือเช็ดน้ำตาของตัวเอง จากนั้นก็เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่มุมตาของลู่ลู่
“แม่ แม่! คุณได้ยินเสียงของฉันใช่ไหม คุณลืมตาขึ้นมามองฉันได้ไหม ฉันรอวันนี้มานานแล้วจริงๆ”
ด้วยการเรียกอย่างต่อเนื่องของกู้ฮอน ในที่สุดลู่ลู่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
***
กู้ฮอนมองดูแม่ของเธอด้วยความยินดี จากนั้นก็ยกมือขึ้นแล้วกดปุ่มเรียก
ในไม่ช้า หมอก็เดินจากห้องสังเกตการณ์มาถึงห้องผู้ป่วย
“คุณหมอ มาดูนี่เร็วเข้า แม่ของฉันฟื้นแล้ว”
กู้ฮอนพูดจบ ก็เรียกลู่ลู่ด้วยคำสองคำอีกครั้ง “แม่ แม่ ฉันคือฮอน”
คุณหมอมาถึงด้านข้างของกู้ฮอน “คุณกู้ โปรดหลีกทางสักหน่อย ฉันจะขอตรวจเธอสักหน่อย”
กู้ฮอนจึงรีบขยับตัวออกมา
หลังจากคุณหมอได้ตรวจอย่างละเอียด ได้หันกลับมาพูดกับกู้ฮอน “ยินดีด้วยคุณกู้ ฉันเพิ่มได้ตรวจเธอเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เธอฟื้นเป็นปกติแล้ว แต่เพราะเธอมีอาการโคม่ามาตลอด สมองและร่างกายยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดิมพันรักยัยตัวแสบ