เวลานี้ซือคงเจี๋ยเดินมาข้างๆซือคงซินหรง แล้วกระซิบขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำข้างๆหู ซือคงซินหรงพยักหน้าลงแสดงออกว่าเห็นด้วย จากนั้นซือคงเจี๋ยก็รีบออกไป
คืนนั้น ตึกเซียนอลวน แสงไฟสว่างไสว รถหรูมารวมตัวกันอยู่ตรงหน้าประตู แต่กลับมีแขกเข้าออกน้อยมาก
ห้องโถงชั้นหนึ่ง สี่ตระกูลใหญ่และสมาชิกของตระกูลอื่นๆมารวมตัวอยู่ด้วยกัน
ที่นี่งานรวมตัวธุรกิจแห่งเจียงไห่ งานรวมตัวธุรกิจเป็นสถานที่ที่ทุกๆตระกูลจะมาแก้ไขข้อพิพาททางธุรกิจ ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนในสิ่งที่ตัวเองไม่มี
เวลานี้ซ่งเหลียงห่ายนั่งเป็นประธานงานรวมตัวทางธุรกิจนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบอันดับสองของตระกูลซ่ง ข้างบนนั้นยังมีซ่งเจิ้นไห่อยู่อีก แต่ความจริงแล้วภารกิจของตระกูลซ่งล้วนแต่เป็นเขานั้นที่เป็นคนตัดสินใจ
ซ่งเหลียงห่ายเป็นน้องชายคนที่ห้าของซ่งเจิ้นไห่ และเป็นคุณปู่ห้าของซ่งหลิงเอ๋อร์ด้วยเช่นกัน
ซ่งเจิ้นไห่ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงสงครามโกลาหล ผู้คนมากมายไร้ที่อยู่อาศัย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับของการรักษาทางการแพทย์อะไรนั่นเลย เด็กๆในตระกูลตายตั้งแต่เยาว์วัยนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อย หลังจากซ่งเจิ้นไห่แล้วเด็กสามคนก็ไม่มีใครมีชีวิตอยู่ได้ต่อเนื่องกันเลย จนกระทั่งหลังจากที่สถานการณ์ในประเทศคงที่แล้ว ซ่งเหลียงห่ายถึงได้เกิดมา
ซือคงเจี๋ยแห่งตระกูลซือคง เจิ้งหยุนเห้อผู้นำตระกูลเจิ้ง โอหยางหลงผู้นำตระกูลโอหยาง และเหยาเจิ้นชูแห่งตระกูลเหยา ซุนกั๋วลี่แห่งตระกูลซุน และบุคคลที่มีชื่อเสียงเมืองเจียงไห่ก็อยู่ในงานด้วยเช่นกัน
“ข้อพิพาทเรื่องที่อำเภอฉีผืนนั้นที่ใช้ในการพาณิชย์ของตระกูลซุนกับตระกูลโฮ๋แก้ปัญหาแบบนี้แล้ว ยังมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างอะไรกันไหม?”
ซ่งเหลียงห่ายจิบชาและเอ่ยถามขึ้นอย่างเอื่อยๆ
“ในเมื่อมีเจ้าสมาคมซ่งมีประจักษ์พยานกับเพื่อนเก่ามากมายขนาดนี้แล้ว ตระกูลโฮ๋ไม่มีข้อคิดเห็นที่แตกต่างหรอก”
ผู้นำตระกูลโฮ๋ โฮ๋เผิงถึงแม้ว่าในใจจะไม่ยอมรับอำนาจของตระกูลซ่งแต่ก็ฝืนตกลงกับข้อเสนอการพัฒนาร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
“ตระกูลซุนไม่มีข้อคิดเห็นที่แตกต่าง”ซุนกั๋วลี่เองก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเช่นกัน ในใจของเขาก็รู้สึกอึดอัดเช่นกัน
เหมือนอย่างที่ว่ากันว่า ข้าราชการที่สุจริตก็ยากที่จะตัดสินเรื่องราวในครอบครัวได้ และเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ก็เช่นเดียวกัน ใครๆก็ไม่ชอบที่จะให้ตัวเองได้น้อย
แต่ซ่งเหลียงห่ายเป็นเจ้าสมาคมมาแปดปีแล้ว หลายๆครั้งก็เป็นการยากมากที่จะปฏิบัติให้เท่าเทียมกันโดยไม่เอนเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่สามารถจะเท่าเทียมกันได้เลย
โดยเฉพาะเหมือนกับตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลซุนกับตระกูลโฮ่ โลกทัศน์จิตใจคับแคบ ขวางเส้นทางการหาเงินก็เหมือนกับการฆ่าพ่อแม่ ประโยคนี้แสดงความถึงอกถึงใจของพวกเขาให้เห็นได้
ถ้าหากไม่ใช่ตระกูลซ่งมานั่งรักษาการณ์เอง เกรงว่าคนเหล่านี้คงจะตีกันจนสมองใช้การไม่ได้ไปตั้งแต่แรกแล้ว
หลังจากที่ได้ข้อสรุปแล้ว แววตาของซ่งเหลียงห่ายก็กวาดมองไปยังทุกคน
“ทุกท่าน ยังมีเรื่องอะไรที่จะต้องเสนอออกมาปรึกษาหารือกันอีกไหม พวกเราพยายามที่จะจัดการแก้ไขกันในครั้งเดียว อย่าไปทำให้เป็นคลื่นขยายวงไปกว้างอีก ถึงตอนนั้นแล้วอย่าหาว่าผมไม่เห็นแค่หน้าใครนะ”
ในห้องโถงนั้นเงียบสนิท
“โอเค ในเมื่อไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็พอแค่นี้แล้วกัน”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ซ่งเหลียงห่ายเอ่ยขึ้น และขณะที่จะลุกขึ้นเพื่อประกาศแยกย้ายนั้น ก้นเพิ่งจะลุกออกจากเก้าอี้นั้นก็ได้ยินเจิ้งหยุนเห้อเอ่ยพูดขึ้นมา : “พี่ซ่งอยู่ในตำแหน่งเจ้าสมาคมมาเจ็ดแปดปีแล้วใช่ไหม?”
ซ่งเหลียงห่ายตะลึงงันไปพักหนึ่ง คิ้วขมวดเข้าหากัน แล้วนั่งลงไปอีกครั้งพลางมองเขา : “เจ้าบ้านเจิ้งหมายความว่าอะไร? มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ”
“ตระกูลซ่งเป็นตระกูลใหญ่กิจการใหญ่ การงานยุ่งรัดตัว คิดแล้วพี่ซ่งก็คงจะดูและทั้งสองอย่างได้ยาก ผมกับพี่ซือคงล้วนแต่รู้สึกว่าตำแหน่งนี้ควรจะเปลี่ยนคนได้แล้วหรือยัง?”
เจิ้งหยุนเห้อเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้านิ่งๆ
แต่ทว่าในคำพูดนั้น ด้านหนึ่งก็แสดงออกมาอย่างทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจว่าตระกูลเจิ้งนั้นได้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับตระกูลซือคงแล้ว อีกด้านหนึ่งก็ยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตำแหน่งนี้จะต้องเปลี่ยนคนแล้ว
เมื่อคำพูดนี้พูดออกมาแล้ว ตรงนั้นก็เงียบสนิทไม่มีเสียงอะไรขึ้นมาในทันที
เขาหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น : “ได้สิ ดูแล้วทุกคนรู้สึกตำหนิตำแหน่งเจ้าสมาคมของผม ถ้าหากใครต้องการตำแหน่งนี้ก็เอาไปได้เลย”
“พี่ซ่งพูดจาหนักเกินไปแล้ว ก็เพียงแค่ตำแหน่งเจ้าสมาคมเท่านั้นเอง ล้วนแต่เป็นการบริการเพื่อทุกคน เพียงแค่สามารถบริการได้ดี เปลี่ยนคนก็ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องดีหรอกหรือ หลายปีมานี้พี่ซ่งเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”
ตระกูลโอหยางที่อยู่เหนือข้อพิพาทใดๆมาโดยตลอด คำพูดของโอหยางหลงไม่ได้เข้าข้างใคร
“นอกจากนี้ พวกเรายังหวังว่าตระกูลซ่งจะถอนกิจการของเจียงไห่กับอีกเก้ามณฑลที่อยู่รอบๆด้วย ให้ทุกคนได้ผลพลอยได้บ้าง ไม่ทราบว่าพี่ซ่งมีความเห็นอย่างไรบ้าง?”เจิ้งหยุนเห้อยิ้มเยาะพลางเอ่ยขึ้น
เพียงแต่คำพูดนี้ก็สร้างความฮือฮาขึ้นมาในทันที
นี่ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อเสียงอันจอมปลอมของเจ้าสมาคมเพียงเท่านั้นแล้ว ความสัมพันธ์นี้ไปถึงผลประโยชน์ที่อยู่เบื้องหลังอีกด้วย
ธุรกิจของเจียงไห่กับอีกเก้ามณฑลนั้น มีผลประโยชน์มากกว่าธุรกิจที่เป็นทางการเสียอีก คำพูดลอยๆมาแบบนี้ก็จะให้ตระกูลซ่งถอยออกมาแทบจะเป็นการหักปีกไปข้างหนึ่งของตระกูลซ่งเลยเสียอย่างนั้น
เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ ซ่งเหลียงห่ายสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ตบลงบนโต๊ะอย่างแรง : “เจิ้งหยุนเห้อ คุณหมายความว่าอะไร?!”
“พี่ซ่งไม่ต้องโมโหหรอก ไม่ใช่บอกว่าตระกูลซ่งของพี่ทำตำแหน่งเจ้าสมาคมก็เพื่อทุกคนหรอกหรือ? ตอนนี้ให้ตระกูลซ่งยอมให้บ้างนิดหน่อยแค่นี้ก็ทำใจไม่ได้แล้วหรือ?”เจิ้งหยุนเห้อหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น
“ไม่เป็นไร ตระกูลซ่งไม่ยอมให้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จะไปเอามาเอง!”
นอกจากไม่กี่ตระกูลเล็กๆที่พึ่งพาอาศัยตระกูลซ่งในช่วงเวลาปกติแล้ว คนอื่นๆอีกสิบกว่าคนในเวลานี้ดวงตาก็แสดงความโลภออกมา ถ้าหากตระกูลซ่งยอมให้ผลประโยชน์ส่วนมากแบบนั้น พวกเขาก็จะสามารถได้รับผลประโยชน์ส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน
การประชุมทางนี้ยังดำเนินต่อ ตลบอบอวลไปด้วยควันระเบิด
สถานการณ์ทางด้านนอกอันตรายมาก ทั้งเมืองเจียงไห่และเก้ามณฑลรอบๆ แนวโน้มทิศทางที่ชัดเจนค่อยๆก่อตัวขึ้นในความมืด ไม่เพียงแค่พละกำลังของด้านบนที่เป็นทางการเพียงเท่านั้น พละกำลังที่อยู่เบื้องล่างนั้นก็เริ่มจะเคลื่อนไหวก่อเรื่องขึ้นมาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...