เจิ้งหยุนเห้อได้ชื่อว่ามีแผนชั่วร้ายมาโดยตลอด สถานการณ์นี้เขาวางแผนเอาไว้มากี่ปีแล้ว รอเพียงแค่โอกาสเท่านั้น ตอนที่ตระกูลซ่งกระโดดออกมาพูดเพื่อเซียวชุ่นเขาก็รู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว
“ผมกลัวว่าตระกูลเจิ้งของคุณจะไม่ได้อยากมากขนาดนั้นหรอกนะ!” ซ่งเหลียงห่ายเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห
“พี่ซ่งเข้าใจผิดแล้ว ไม่เพียงแค่ตระกูลเจิ้ง พวกเราตระกูลซือคงและยังมีเพื่อนๆอีกหลายคนที่ต่างก็อิจฉาตระกูลซ่งที่ได้ครอบครองทรัพยากรมากมายขนาดนั้นมาเป็นเวลานาน”ซือคงเจี๋ยเอ่ยขึ้น
“จะกินกันลงหรือเปล่า เดี๋ยวไม่นานก็ได้รู้ผลแล้ว”เจิ้งหยุนเห้อเขี่ยลูกประคำที่อยู่ในมือเล่นพลางเอ่ยขึ้นนิ่งๆ
“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรอแล้วกัน!”
ซ่งเหลียงห่ายลุกขึ้นด้วยความโมโห สะบัดแขนเสื้อแล้วออกไป
ครืน!
ซ่งเหลียงห่ายเพิ่งจะเดินออกไปจากตึกเซียนอลวน
ท้องฟ้าสีเทาก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมา
ในใจของเขาชะงักไปกับเสียงฟ้าร้องนี้ด้วย แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่ดำสนิทโดยจิตใต้สำนึก
ฟ้าร้องในฤดูหนาว คนรุ่นก่อนบอกว่าเป็นลางร้าย
เชื่อไสยศาสตร์ก็เท่านั้น เขาแอบพูดขึ้น
“คุณปู่ห้า เป็นอะไรไปครับ?”คนข้างๆเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไร ไปเถอะ”
หลังจากที่เข้าไปนั่งในรถแล้ว เขายังคงบ่นพึมพำด้วยจิตใจที่ไม่สงบ และเงยหน้าขึ้นบอกกับคนขับรถ : “กลับไปที่บ้านเก่า”
รถสตาร์ทขึ้น และมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านเก่าของตระกูลซ่ง
“ครั้งนี้ผมเอาชาดีมาด้วย คนที่ยินดีที่จะอยู่ต่อเดี๋ยวพวกเรามาลองดื่มด้วยกันนะครับ ใครอยากจะกลับก่อนก็เชิญตามสบายเลย”
เจิ้งหยุนเห้อหรี่ตาลงพลางเอ่ยพูดขึ้น ทุกคนเข้าใจความหมายนี้ คนที่อยู่ต่อนั่นก็คือเลือกที่จะอยู่ทางฝ่ายตระกูลเจิ้งและตระกูลซือคง คนที่กลับไปนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงแล้ว
เหยาเจิ้นชูรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที ตระกูลเหยาเพิ่งจะมามีความสัมพันธ์กับตระกูลซ่ง เวลานี้จะต้องเลือกด้วยความยากลำบากขนาดนี้ การเลือกนี้อาจจะมีความสัมพันธ์ไปถึงอนาคตของตระกูลเหยาแม้กระทั่งโชคชะตาอีกหลายสิบปีอีกด้วย
ไม่เพียงแค่ตระกูลเหยา ตระกูลเล็กๆอีกไม่กี่ตระกูลในนั้นก็เหมือนกันกับเขาด้วยเช่นกัน
ในที่สุดก็ยังมีคนที่เลือกกลับไป แต่ส่วนมากแล้วก็จะยังอยู่ต่อ เพราะถึงอย่างไรถ้าหากตระกูลเจิ้งและตระกูลซือคงร่วมมือกันขึ้นมา ความสามารถก็จะแข็งแกร่งกว่าตระกูลซ่งมากอยู่แล้ว
“พี่เจิ้ง ผมไม่ค่อยสบาย กลับก่อนนะ แต่ชาของเพื่อนเก่าผมก็อยากจะลิ้มลอง ไม่รู้ว่าจะให้ลูกน้องเอาไปส่งให้ผมได้ไหม?” โอหยางหลงเอ่ยขึ้น
เจิ้งหยุนเห้อเข้าใจอย่างชัดเจน ตระกูลโอหยางไม่อยากลุยกับความวุ่นวายนี้ จึงพยักหน้าลงแล้วยิ้ม : “พี่โอหยางเชิญตามสบาย”
เวลานี้เข้าสู่ฤดูหนาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงเวลานี้บนถนนนั้นคนน้อยและรถน้อย เห็นคนนอกที่เป็นโรคหลังค่อมคนสองคนที่กำลังรีบร้อนเดินทางเป็นบางครั้ง
“ระวัง!”
ตอนที่รถของซ่งเหลียงห่ายผ่านเส้นทางที่อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไป จู่ๆรถบรรทุกคันหนึ่งก็ส่งเสียงดังก้องออกมาจากปากทางแยก ไฟสูงสาดเสียจนคนไม่สามารถลืมตาได้ เขารีบตะโกนออกมา
ยังไม่ทันสิ้นเสียงนั้น เสียงดังโครมก็ดังขึ้น รถสองคนที่ขนาดแตกต่างกันมากนั้นชนกันไปแล้ว การปะทะกันอย่างรุนแรงนี้ทำให้ร่างของซ่งเหลียงห่ายล้มไปอีกทางด้านหนึ่ง ศีรษะชนเข้ากับหน้าต่างรถ
จากนั้นภาพตรงหน้าก็มืดสนิท การรับรู้ก็หายไป
เมืองเจียงไห่ในค่ำคืนนี้ได้ถูกกำหนดให้เป็นการนองเลือด
แม่น้ำอีหนิงที่ทอดยาวในเมืองเจียงไห่ถูกเลือดปนจนกลายเป็นสีแดง ศพเป็นสิบศพลอยลงไปตามแม่น้ำ
โรงรับจำนำฟู่หยวนเซี๋ยงต้องสงสัยว่ามีส่วนในการฟอกเงินจึงถูกตรวจสอบและอายัด
โรงแรมเทียนหลงถูกคนแจ้งว่าแอบซ่อนยาเสพติดและถูกสั่งการให้ปรับปรุงใหม่
โรงงานเคมีพารค์สันการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมไม่ผ่านเกณฑ์ถูกสั่งให้หยุดผลิต
โรงงานทอผ้าจู้เสี้ยนเกิดการระเบิด ตายสิบบาดเจ็บสาม
ในช่วงเวลาชั่วข้ามคืน กิจการภายใต้ชื่อของตระกูลซ่งเกิดเรื่องขึ้นติดๆกัน ตระกูลซ่งตกอยู่ในสภาพที่วุ่นวาย
........
“อาจารย์ พี่สาวตระกูลเหยา”เธอเอ่ยทักทายขึ้นด้วยขอบตาที่แดงก่ำ
“ไปเถอะ เดินไปด้วยพูดไปด้วย”เซียวชุ่นเอ่ยขึ้น
ซ่งหลิงเออร์พยักหน้าลง แล้วทั้งสามคนก็มุ่งตรงไปยังตึกฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว
ซ่งเหลียงห่ายไม่กลับมาทั้งคืน ประกอบกับกิจการของตระกูลซ่งที่มีข่าวร้ายออกมาติดๆกัน ตระกูลซ่งก็รู้แล้วว่าเขาคงจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว
ฟ้ายังไม่ทันสว่างก็เริ่มค้นหาไปทั่วเมืองแล้ว ในที่สุดเจอเขาในป่าที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองออกไป
เวลานี้เขาและรถถูกทิ้งอยู่ตรงใต้เนินลาด เพียงแต่สองมือสองเท้านั้นได้ถูกตัดไปแล้ว เนื่องจากสูญเสียเลือดเป็นจำนวนมาก ตอนที่ส่งมาถึงโรงพยาบาลนั้นหายใจแผ่วๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายเพียงเท่านั้น
“ผู้เพื่อนเซียว”ซ่งเจิ้นไห่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน เห็นเซียวชุ่นแล้วจึงเอ่ยทักทาย
หลังจากที่เซียวชุ่นพยักหน้าลงเป็นการให้สัญญาณแล้ว ก็เดินเข้าไปใกล้ๆเตียงคนป่วย
ผู้ชายวัยรุ่นอายุราวๆประมาณสามสิบคนหนึ่งเบิกตาขึ้นมองพลางเอ่ยถามเขา : “นายก็คือเซียวชุ่นสินะ นายทำร้ายตระกูลซ่งของเรานายรู้บ้างไหม? พวกเราตระกูลซ่งเป็นเพราะนายไปทำให้ตระกูลเจิ้งและตระกูลซือคงไม่พอใจเข้า คุณปู่ห้าถึงได้ ต้องมาเจอกับภัยที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิดแบบนี้.....”
คนที่พูดคือซ่งหยุนหลานชายของซ่งเหลียงห่าย
“ซ่งหยุน พูดเหลวไหลอะไรน่ะ?”ซ่งหลิงเออร์รีบเอ่ยขึ้น
“หยุนเอ๋อร์ หุบปาก อย่าพูดมั่วๆ!”ซ่งเจิ้นไห่ตำหนิเบาๆด้วยเช่นกัน จากนั้นเขาก็เอ่ยพูดขึ้นกับเซียวชุ่นด้วยความเป็นกังวลร้อนใจ : “ผู้เพื่อนเซียว อย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหลเลย ช่วยคนสำคัญกว่า เธอรีบดูเหลียงห่ายว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
เซียวชุ่นพยักหน้าลง แล้วพิจารณาซ่งเหลียงห่ายที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงคนป่วยอย่างละเอียด คิ้วขมวดเข้าหากัน คนที่ลงมือนั้นโหดเหี้ยมเกินไปจริงๆ จากการฝึกฝนของเขาในตอนนี้สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว แต่ถ้าหากอยากจะให้มือและเท้ากลับขึ้นมาใหม่เขาเองก็ไม่สามารถกู้สถานการณ์ได้เช่นกัน
“สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่......”เขาพูดอึกๆอักๆ
“แต่อะไร? ผู้เพื่อนเซียวพูดออกมาได้เลย”ซ่งเจิ้นไห่ร้อนใจ
“เกรงว่าต่อไปคุณปู่ห้าจะต้องพึ่งวีล์แชร์แล้ว”
“คนมีชีวิตอยู่ได้ก็พอ”ซ่งเจิ้นไห่เอ่ยขึ้น ผลลัพธ์นี้เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เขาสามารถคิดได้แล้ว
แผลด้านนอกของซ่งเหลียงห่ายถูกทางโรงพยาบาลจัดการไปเรียบร้อยแล้ว และดำเนินการถ่ายเลือดแล้วด้วยเช่นกัน เพียงแต่ศีรษะและร่างกายที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เซียวชุ่นใช้ “เหยียนหวงสิบสามเข็ม”ช่วยเปิดทางเดินของเลือดลมในร่างกายแต่ละจุดแล้ว ก็ออกยาจีนส่งต่อให้กับซ่งเจิ้นไห่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...