เจิ้งหย่งจางหรี่ตา สายตาเขามองไปไกลถึงร่างที่ยืนอยู่บนหิมะราวกับรูปปั้นหิน คิดในใจ ตัวเองวางแผนมาตั้งหลายปี สุดท้ายสู้ศึกสุดตกตะลึงของชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้
“พี่เซียว ฉันว่าที่ปรมาจารย์โจ๋วพูดก็มีเหตุผลนะ พี่มีเงื่อนไขอะไรก็บอกออกมาเถอะ ทุกคนจะได้ตกลงกัน”
ในเวลานี้ซ่งชิงโจกล่าวอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย
การทำลายตระกูลซ่งทั้งตระกูลแน่นอนว่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับเซียวชุ่น ตระกูลเฟิงสามารถพึ่งพาอำนาจในการปราบปรามเรื่องนี้ได้
แต่ท้ายที่สุดสูญเสียชีวิตไปตั้งกี่สิบคน และคนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว ตระกูลซ่ง มีเมตตาและเห็นอกเห็นใจ
เซียวชุ่นครุ่นคิดสักครู่ แล้วพ่นลมหายใจออกช้าๆ
“ทุกคนในนตรซียวะกูลซือคงต้องใส่ชุดกระสอบไว้อาลัยให้กับสหายของฉัน ต้องคุกเข่าขอโทษ ส่งสหายฉันลงหลุม จากนั้นออกไปจากเจียงไหห่”
หิมะโปรยปรายอย่างหนัก อากาศหนาวเย็นยะเยือก
คำพูดของเซียวชุ่นลอยผ่านม่านหิมะที่โปรยปรายมากมาย ราวกับคำสาปแช่งที่กัดแทะกระดูกแผดเผาจิตใจ ซึ่งทำให้ทุกคนในตระกูลซือคงรู้สึกสิ้นหวังอย่างสุดซึ้ง
“คุณฆ่าพวกเราเสียยังดีกว่า!”
สมาชิกวัยเยาว์ของตระกูลซือคงตะโกนอย่างโศกเศร้าด้วยเสียงแหบแห้ง
“ให้ตามที่ขอ” เซียวชุ่นขยับไหล่ให้หิมะร่วงหล่นออกไป เดินไปทางประตูโถงไว้ทุกข์
“หงส์แดง ฆ่ามัน!”
ปัง!
เปลวไฟพุ่งออกมาจากปากกระบอกปืนที่เหมือนหลุมดำ
ชั่วพริบตา คนที่เพิ่งพูดเมื่อกี้นี้ก็กระบาลแยกเสียแล้ว เลือดอุ่นสีแดงสดย้อมหิมะสีขาวคริสตัลให้กลายเป็นสีแดงวงใหญ่
ฟี้วว!
ผู้คนที่ดูอยู่รอบๆสูดหายใจเข้า ทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว ตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ อากาศหนาวเย็นเฉียบถึงกระดูก เหงื่อผุดพรายเต็มหลังอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้โจ๋วจือหยวนเพิ่งหยัดยืนขึ้นจากพื้นได้ เซเล็กน้อยถึงจะยืนได้มั่นคง สมาชิกสมาคมบู๊บางคนวิ่งน้อยๆเข้ามาช่วยพยุง ตอนนี้เลือดลมในอกของเขายังเดือดพล่าน ในหัวมีเสียงหึ่งหึ่ง เผชิญหน้ากับดวงตาเศร้าโศกนับสิบจากคนตระกูลซือคง เขารู้สึกละอายใจ
แต่การเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ ความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงตรงหน้า ไม่ว่าคำกล่าวใดก็ดูซีดเซียวไร้พลัง หากตระกูลซือคงยังไม่รู้จักกาลเทศะ โจ๋วจือหยวนก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
ถึงแม้เซียวชุ่นไม่ได้ฆ่าเขา แต่ก็ตัดสินเขาไปแล้ว สิบห้าปีก่อนและวันนี้พ่ายแพ้ให้คนๆเดียว ตอนนี้เขาหมดกำลังใจแล้ว ไม่มีความกระหายต่อสู้ เพียงแค่อยากจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
“เจ้าบ้านซือคง รับปากเถอะ รักษาชีวิตสำคัญกว่า”
“เพื่อเห็นแก่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่หลายสิบคนในตระกูลซือคงของคุณ ยังไงก็รับปากไปเถอะ”
ผู้คนต่างพากันพูดโน้มน้าว
“คุณพ่อ ลูกไม่อยากตาย ลูกไม่อยากตาย ขอร้องล่ะ รับปากไปเถอะ”
ซือคงซิงสั่นไปทั้งตัว คว้าแขนเสื้อของซือคงเจี๋ยอ้อนวอนด้วยใบหน้าเศร้า
ซือคงเจี๋ยใบหน้าสิ้นหวัง อึ้งค้าง ไม่พูดสักคำ
“ฉันยอมใส่ชุดกระสอบไว้อาลัย ให้ทำอะไรก็ยอม ขอแค่ไว้ชีวิตฉัน ให้ทำอาหารดูแลม้าก็ได้ อย่าฆ่าฉันเลยนะ อย่าฆ่าฉันเลย ฉันไม่อยากตาย ฉันไม่อยากตายจริงๆนะ”
ตาจ้องมองเซียวชุ่นเดินเข้ามา ซือคงซิงปล่อยแขนเสื้อซือคงเจี๋ย ปึก! เสียงคุกเข่าลงบนพื้นเย็นยะเยือก คลานไปแทบเท้าเขาร้องไห้อ้อนวอน
คนตระกูลซือคงที่เหลือซึ่งตัวสั่นงันงกอยู่แล้วก็คุกเข่าลงทันที และขอร้องอย่างพร้อมกัน
ตระกูลผู้สูงศักดิ์ที่มีอายุนับร้อยปีที่เคยหยิ่งทะนง มีพลังอำนาจล้นฟ้า ได้ตกต่ำลงทุ่งเช่นนี้แล้ว ทุกคนรอบตัวก็เต็มไปด้วยอารมณ์
สิ่งที่ควรจะมาเสมอมา
ควรมาก็ย่อมต้องมา
เจิ้งหยุนเห้อยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ดวงตากี่สิบคู่มองมา รู้ตัวว่าหลบไม่พ้นแล้ว แหวกฝูงชนทางซ้ายขวา เดินไปข้างหน้า
“คุณเซียว ข้าน้อยคือเจิ้งหยุนเห้อ”
“รู้ไหมว่าทำไมถึงเรียกคุณ?” เซียวชุ่นเอาสองมือไพล่หลัง กวาดตามองเขาแล้วเอ่ยถาม
เจิ้งหยุนเห้อพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยอย่างหวาดหวั่น : “ลูกชายของฉันเคยล่วงเกินท่านมาก่อน และเขาได้รับการลงโทษอย่างสาสมแล้ว ฉันยังอยากจะขอให้คุณเซียวให้อภัยและลืมมันไป ไม่ว่าอย่างไรตระกูลเจิ้งจะปล่อยให้นายเซียวส่งเขาไป ด้วยความซื่อสัตย์ภักดี!”
“ท่านอาจารย์ เรื่องของคุณปู่ห้าของฉันก็เขานี่แหละที่ทำ” ซ่งหลิงเอ๋อร์กล่าว
เจิ้งหยุนเห้อสีหน้าเปลี่ยนไปทันใด ตอนนี้ประโยคเดียวของเด็กสาวตระกูลซ่ง เรียกได้ว่าแทบจะคร่าชีวิตเขา
ตระกูลซ่งสนิทสนมกับเซียวชุ่นมาโดยตลอด เขารู้ดี ไม่เช่นนั้นซ่งเจิ้นไห่คงจะไม่ขอร้องแทนเซียวชุ่น ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่ซ่ง เจิ้นไห่ก็ยังประเมินชายหนุ่มคนนี้ต่ำไป ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ไม่จำเป็นต้องมีคนขอร้องแทนเขา ปกป้องเขาอีกต่อไป
“คุกเข่า!” น้ำเสียงของเซียวชุ่นอ่อนโยน แต่กลับมีพลังที่ไม่อาจต้านทานได้
เจิ้งหยุนเห้ออึ้งไปสักพัก สองขาอ่อนลงทันใด ปึก! เสียงคุกเข่าลงกับพื้น
“ไม่ใช่เพื่อฉัน” เซียวชุ่นกล่าวเตือน
ทันใดนั้นเจิ้งหยุนเห้อ หันไปหาปู่หลานทั้งสามคนของตระกูลซ่ง เอ่ยเสียงสั่น : “ท่านซ่ง ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้ว่ามาพูดตอนนี้มันก็สายไปแล้ว พี่เหลียงไห่ยืนขึ้นมาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่...ฉันยินดีชดใช้ เท่าไรก็ย่อมได้ เพียงหวังว่าท่านผู้ใจบุญ จะได้โปรดอภัยให้ฉันในครั้งนี้ด้วย”
เจิ้งหยุนเห้อเอ่ยอ้อนวอนอย่างไร้เหตุผล ซ่งเจิ้นไห่ถออนหายใจเบาๆ มองไปทางเซียวชุ่น
“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ยังไงเสียเจ้าบ้านเจิ้งก็สำนึกผิดแล้ว เรื่องนี้ก็แล้วกันไปเถอะ ช่วงนี้เจียงไห่ไม่สงบสุข ถึงเวลาสิ้นสุดเสียที ทุกคนปลอดภัยดี ทำธุรกิจกันอย่างสันติคือทางที่ถูกต้อง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...