เหยาเจิ้นชูได้ยินก็ชะงักไป เขาก็ไม่สามารถเดาได้ว่าที่หวางเย๋พูดออกมาเช่นนี้คือหมายถึงอย่างนั้นจริง ๆ หรือแค่ถากถาง
ทำได้แค่ยิ้มแห้ง ๆ “คุณหวางก็ถ่อมตัวเกินไป เซียวชุ่นก็เพียงแค่อ่านตำราแพทย์ไม่กี่เล่มเท่านั้น ท่านต่างหากที่เป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีน”
หวางเย๋ส่งเสียงฮึในลำคอ และไม่ได้สนใจอีก
สถานการณ์กลับกลายเป็นความอึดอัดในทันที ซ่งเจิ้นไห่กระแอมเบา ๆ “นายท่านตระกูลเหยา วันนี้รบกวนท่านมากแล้ว ในเมื่อการมาที่นี่ของฉันได้บรรลุเป้าหมายแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ต้องขอตัวกลับก่อน วันหลังหากมีโอกาสคุณก็ไปหาฉันที่บ้านได้”
พูดจบก็ลุกขึ้นยืน เตรียมตัวกลับออกไป
คำพูดนี้พูดไว้อย่างชัดเจน หากต้องการความช่วยเหลือให้ไปหาเขาที่ตระกูลซ่ง
เหยาเจิ้นชูในใจรู้สึกดีใจอย่างมาก รีบลุกขึ้นยืน “ท่านซ่งไม่ต้องเกรงใจ ท่านมาที่นี่ได้ นับเป็นโชคดีของฉันจริง ๆ”
เหล่าผู้คนตระกูลเหยามาส่งซ่งเจิ้นไห่และหวางเย๋จนถึงประตู ยืนมองทั้งสองจากไป
ในที่สุดเหยาเจิ้นชูก็อดทนไม่ไหวแล้ว เขาหันไปมองเซียวชุ่นด้วยความสงสัย “เมื่อครู่เธอคุยอะไรกับท่านหวาง?”
“แค่อภิปรายเชิงวิชาการ” เซียวชุ่นพูดตอบไปส่ง ๆ
“อภิปรายเชิงวิชาการ? ขำตายล่ะ เธอเป็นเพียงแค่คนที่อ่านตำรามาไม่กี่เล่มจะไปอภิปรายอะไรกับท่านหวางได้?” หลี่ชุนเหลียนหัวเราะเยาะ
“สามารถอภิปรายอะไรได้เธอก็ไปถามหวางเย๋เอง” เซียวชุ่นเหลือบตามองเธอด้วยสายตาเย็นชา
“หลิวหยุนเซียง เจ้าสวะของพวกเจ้านับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็ไม่ยอมดูแลให้ดี” หลี่ชุนเหลียนสำลักความโกรธ หันไปทางหลิวหยุนเซียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“นั่นมันก็เรื่องของตระกูลฉัน เธอจะมายุ่มย่ามอะไร?” หลิวหยุนเซียงโต้กลับ
ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยชอบเซียวชุ่น แต่ว่าสามารถช่วยให้ตนได้ยั่วโมโหหลี่ชุนเหลียนก็ถือว่าไม่เลว
“หุบปากให้หมด แค่เจอหน้ากันก็ทะเลาะ เธอสองคนเป็นถึงผู้อาวุโส ทำตัวเป็นอะไรก็ไม่รู้?” เหยาเจิ้นชูพูดตำหนิ
ในที่สุดทั้งสองจึงได้หยุดการทะเลาะลงไว้แค่นี้
“พวกเด็ก ๆ มีอะไรก็ไปทำกันก่อนเถอะ พวกเรายังมีเรื่องต้องปรึกษากันเล็กน้อย” เหยาเจิ้นชูพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อพูดจบก็สาวเท้ากลับเข้าไปในบ้านเก่าแก่อย่างรวดเร็ว เหยาเต๋อ เหยาเจี้ยนกั๋วและอีกหลาย ๆ คนซึ่งเป็นเหล่าผู้อาวุโสก็เดินตามกันเข้าไป
เหยาเสินเดินตามเซียวชุ่นกลับขึ้นไปบนรถ
“คุณคุยเรื่องอะไรกับท่านหวางกันแน่?” เหยาเสินถามด้วยความสงสัย
“เมื่อครู่ก็พูดแล้ว คุยเรื่องวิชาการ” เซียวชุ่นตอบ
เรื่องของตระกูลหวางที่ไม่สะดวกจะพูดให้คนนอกฟัง แน่นอนว่าเซียวชุ่นก็ต้องรักษาความลับให้พวกเขาอยู่แล้ว พูดว่าเป็นการอภิปรายวิชาการก็ไม่ถือว่าเป็นการโกหก
เหยาเสินมุ่ยปาก “ไม่อยากพูดก็ช่างเถอะ”
“กลับไปพอได้โฉนดบ้านมา คุณก็เอาบัตรประชาชนติดตัวไว้ด้วย เอาชื่อของใส่ลงไป” เซียวชุ่นพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
เหยาเสินชะงักไปเล็กน้อย ความอบอุ่นปะทุขึ้นมาในหัวใจ ไม่ใช่เพราะเรื่องบ้าน อย่างน้อยก็สามารถบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้ใส่ใจเธอ
แต่ว่าเหยาเสินไม่ทันรู้ตัวว่า เธอเองก็กำลังสนใจว่าเจ้าบ้าคนนี้ได้ใส่ใจเธอหรือไม่...
“ดังนั้นเมื่อเช้าที่คุณพูดเช่นนั้น ก็เพียงแค่จะยั่วโมโหคุณแม่ฉันใช่มั้ย?”
“ก็ไม่เชิง ฉันเพียงแค่อยากให้ท่านมีท่าทีที่ดีต่อฉันมากกว่านี้หน่อย อย่าได้เอาแต่พูดคำว่าหย่าอยู่อย่างนั้น”
เหยาเสินนิ่งไปชั่วครู่ “คุณตั้งใจจะเอาคฤหาสน์หลังนี้อุดปากท่าน?”
เซียวชุ่นไม่ได้พูดอะไร ถือเป็นการยอมรับกลาย ๆ
“คุณอาจคิดมากไป คุณยังไม่รู้จักเพื่อนของหลิวหยุนเซียงดีพอ รอให้ชื่อของฉันถูกใส่ลงไปในโฉนดบ้านคุณ ท่านก็ยังคงจะบังคับให้ฉันหย่ากับคุณอยู่ดี ฉันคิดว่ามันได้กลายเป็นเป้าหมายสุดท้ายในชีวิตของท่านไปแล้ว”
เหยาเสินอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก มองไปทางเซียวชุ่นแบบปากยิ้มตาไม่ยิ้ม
เช่นเดียวกับร้านค้าอายุนับร้อยปีเหล่านั้น ที่มันสามารถประชาสัมพันธ์ตัวเองได้ นั่นเป็นเหตุผลเดียวกัน
หลิวหยุนเซียงไม่เข้าใจหลักการนี้ หล่อนเพียงรู้สึกว่าไม่สามารถเรียกคืนธุรกิจของตนอย่างอยุติธรรมเช่นนี้ได้
แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะไม่มีอะไรดีขึ้นก็ตาม แต่ลูกสาวของตนก็ทำดีที่สุดแล้ว ยุ่งอยู่ตลอด แม้ไม่มีผลงานแต่ก็ทำงานหนัก อยู่ ๆ จะมาเรียกคืนไปเช่นนี้ หล่อนย่อมไม่พอใจเป็นธรรดา
เหยาเจี้ยนกั๋วเข้าใจดี แต่เขาก็เป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบพูด อีกทั้งยิ่งอยู่ต่อหน้าเหยาเจิ้นชูด้วยแล้ว เขาก็ไม่กล้าลุกขึ้นต่อต้าน
ส่วนครอบครัวที่เหลือรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินข่าวนี้
แบรนด์ดี ๆ แบบนี้หากสามารถนำกลับไปสำนักงานใหญ่ได้ชั่วคราว ในอนาคตทุกคนมีโอกาสได้แข่งขันกันอย่างแน่นอน
จึงไม่มีใครเอ่ยคัดค้าน
หลิวหยุนเซียงที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟบีบเหยาเจี้ยนกั๋วแรง ๆ พร้อมตวาดเสียงเบา “คุณก็ควรลุกขึ้นมาพูดบ้างสิ!”
จากนั้นเหยาเจี้ยนกั๋วจึงได้ฝืนตัวเองและลุกขึ้นพูด “ท่านอารอง ยู่เหลย อินเตอร์เนชั่นเนลเป็นสิ่งที่ท่านปู่ใหญ่มอบให้กับบ้านเราด้วยตัวเอง ท่านพูดเพียงแค่จะเรียกคืนกลับไป อย่างไรก็ต้องอธิบายให้เราเข้าใจด้วยสิ”
“ได้ เช่นนั้นฉันจะอธิบายให้พวกคุณฟัง”
เหยาเจิ้นชูพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ลูกเขยของบ้านเจ้าไม่ซื่อสัตย์ พวกเธอลองคิดดู ครั้งแรกที่เขาเข้ามาในบ้านของพวกเธอเป็นอย่างไร? ผ่านไปสามปีเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วตอนนี้ล่ะ?”
บรรดาคนตระกูลเหยาเมื่อได้ยินดังนั้น ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ และค่อย ๆ ถกเถียงกันขึ้นมา
“ใช่แล้ว สามปีมานี้ พวกเราต่างก็คิดว่าเขาเป็นพวกไร้ประโยชน์ อะไรไม่เป็นสักอย่าง อีกทั้งปกติยังยอมให้คนรังแกง่าย ๆ ถูกตีไม่เอาคืน ถูกด่าไม่ด่ากลับ ตั้งแต่งานเลี้ยงครั้งล่าสุดเขาดูเหมือนเป็นคนละคน มันแปลกจริง ๆ”
“เขาต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่ ๆ จึงได้จงใจแต่งเข้าตระกูลเหยาของพวกเรา ในเมื่อเขามีทักษะทางการแพทย์ ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถหากินได้ง่าย ๆ เหตุใดจึงได้เกียจคร้านไม่ทำงานทำการอยู่ที่บ้านพวกเธอกันล่ะ? ไม่คิดหน่อยหรือ”
“พวกเราตระกูลเหยาอยู่ที่เมืองเจียงไห่มาก็ต้องหลายสิบปี จะบอกว่าไม่ได้ทำให้ใครขุ่นเคืองก็เป็นคงเป็นเรื่องโกหก เป็นไปได้ไหมที่จะมีใครบางคนจงใจส่งสายลับหรือพวกสอดแนมเข้ามาในบ้านของเรา?”
ตระกูลเหยาคนอื่น ๆ พูดอย่างไร้สาระ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...