“ไม่ใช่ได้คืบเอาศอก ฉันเพียงแค่ต้องการของที่เดิมที่มันเป็นของฉันอยู่แล้ว” เหยาเสินพูดด้วยสีหน้าและใบหูแดงกร่ำ
“เหยาเสิน เธอเป็นลูกหลานตระกูลเหยา ยู่เหลย อินเตอร์เนชั่นเนลก็เป็นธุรกิจของตระกูลเหยา มันกลายเป็นของเธอตั้งแต่เมื่อไรกัน?!”
เหยาเจิ้นชูคำรามด้วยน้ำเสียงตำหนิ
“ยู่เหลย อินเตอร์เนชั่นเนลเป็นสิ่งที่ท่านปู่ใหญ่มอบให้ครอบครัวข้าตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่มีสิทธิ์มาจัดการ!” ในที่สุดเหยาเสินก็ระเบิดอารมณ์ออกมา
“ไอ้เด็กเวร! ฉันสามารถตัดเธอและพ่อแม่ของเธอออกจากตระกูลเหยาได้ทันทีเชื่อหรือไม่!”
เหยาเจิ้นชูตบโต๊ะแรง ๆ หยิบยกเอาอำนาจของการเป็นผู้นำตระกูลขึ้นมาขู่ ไม่มีการใช้เหตุผลใดใดทั้งสิ้น
เหยาเสินหมดคำจะพูดในทันที ในใจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างมาก น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย
เซียวชุ่นค่อย ๆ ลากเธอให้มาอยู่ข้างหลัง สายตาเฉียบคมกวาดตามองเหล่าผู้คนตระกูลเหยา พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เหยาเจิ้นชู แล้วก็คุณด้วย หยาวฮั่น ฟังให้ดี กิจการเล็ก ๆ ของพวกคุณตระกูลเหยาฉันไม่เคยเห็นมันอยู่ในสายตา ”
เซียวชุ่นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เสียงไม่ดัง แต่ลูกหลานตระกูลเหยาทุกคนที่อยู่ในโถงนี้ต่างได้ยินกันทั่ว
“สามหาว! แกกล้าเรียกชื่อเต็มของท่านปู่ข้า! รนหาที่ตาย!”
“เหยาเสิน รีบพาสามีขยะของเธอออกไปจากทีนี่เดี๋ยวนี้!”
คนอื่น ๆ ก็พากันตะโกนตำหนิด้วยความโมโห
เหยาเสินที่ยืนอยู่อีกด้ายก็ตกใจ เจ้าบ้านี่มันบ้าไปแล้วเหรอ ถึงเธอจะไม่พอใจเหยาเจิ้นชูมากเพียงใด แต่มันก็ไม่ถึงขั้นต้องรุนแรงถึงเพียงนี้
“คุณลองถามใจตัวเองดู เหยาเสินเรียกคุณว่าคุณปู่ คุณเคยมองเธอเป็นหลานสาวบ้างหรือไม่? คุณในฐานะผู้นำตระกูล เคยจัดการปัญหาน้อยใหญ่ในตระกูลด้วยความยุติธรรมบ้างหรือไม่? ถ้าหากไม่เคย คุณมีคุณสมบัติอะไรถึงได้ขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูล?!”
เซียวชุ่นจ้องตากับเหยาเจิ้นชูโดยตรงขณะที่ถาม
ทั่วทุกคนต่างพากันเงียบราวกับป่าช้า ทุกคนเบิกตากว้าง มองเขาด้วยความเหลือเชื่อ
เหยาเจิ้นชูนำตระกูลเหยาหลายปี ต่อให้การจัดการแบ่งงานในตระกูลเหยาจะไร้ความยุติธรรมมากเพียงใด ต่อให้เป็นระหว่างญาติสายตรงของพวกเขาเองก็ยังมีความขัดแย้งกันบ้าง แต่สมาชิกในตระกูลคนไหนกล้าดีมาสงสัยสถานะผู้นำตระกูลของเขากัน!
ตอนนี้เขาเป็นแค่เขยแต่งเข้าคนหนึ่งแต่กลับกล้าที่เชิดจมูกถาม เป็นการล่วงเกินที่ควรรับโทษหนักจริง ๆ
เหยาเจิ้นชูก็ตกใจชะงักงันไปเหมือนกัน เงียบอยู่ครึ่งวันพูดอะไรไม่ออก
“ทำไม? ถูกฉันพูดแทงใจดำเหรอ? คุณทุ่มเทแรงใจคิดหาวิธีเรียกคืนยู่เหลย อินเตอร์เนชั่นเนล ไม่ใช่เพราะว่าอยากโออวดพลังอันมหาศาลของพวกญาติสายตรง แต่เอาฉันมาเป็นข้ออ้าง? คุณคิดว่าคนอื่นจะไม่มีสมองแถมยังตาบอดเหมือนกับคุณด้วยหรือ?” แต่ละคำของเซียวชุ่นราวกับใบมีดคม ทุกประโยคที่เอ่ยเหมือนหอกที่ทิ่มแทงไปทางเหยาเจิ้นชู
ทันใดนั้น ใบหน้าของเหยาเจิ้นชูก็สั่นเล็กน้อย ทรวงอกของเขากำลังจะลุกเป็นไฟ กลิ่นคาวก็พุ่งเข้ามาในลำคอของเขา เสียง “แหวะ” ดังขึ้น เขากระอักเลือดสีแดงสดออกมาเป็นแอ่ง
“คุณปู่!”
“คุณพ่อ!”
“รีบโทร 120!”
ตระกูลเหยาทุกคนตะลึงงัน รีบวิ่งเบียดไปข้างหน้าเพื่อดูสถานการณ์ จากนั้นก็กลายเป็นเรื่องยุ่งเหยิงในทันที
เซียวชุ่นอาศํยโอกาสที่วุ่นวายอยู่นั้นลากเหยาเสินเดินออกไปข้างนอก
เหยาเสินตกใจกับฉากตรงหน้าจนเสียขวัญ ปล่อยให้เขาพาเขาไปด้วยใบหน้าเหมือนท่อนไม้ จนกระทั่งขึ้นรถเธอจึงได้สติขึ้นมา
“คุณปู่รอง เขา...”
ถึงแม้เธอจะไม่พอใจเหยาเจิ้นชูมากเพียงใด แม้กระทั่งตอนที่เซียวชุ่นโต้ถามเขา ในใจของเธอก็ยังเกิดความรู้สึกดีมากขึ้นไม่น้อย แต่อย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เห็นสภาพเมื่อครู่ของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
นอกจากนี้หากเหยาเจิ้นชูเกิดเป็นอะไรขึ้นมา สุดท้ายมันก็มีสาเหตุมาจากตัวเธอเอง ความแค้นต้องตกมาอยู่บนตัวเธอเป็นแน่
เมื่อเช้านี้ เหยาเสินเอนกายบนโซฟาดูทีวี เซียวชุ่นถูพื้นอยู่ข้าง ๆ
หลิวหยุนเซียงทันทีที่เห็นเจ้เด็กสองคน ก็พลันโกรธและเริ่มบ่นขึ้นมา
“เสินเอ๋อร์ ลูกดูสิ ไม่ว่าจะพูดยังไงเดอะกู๊ดก็เป็นบริษัทหนึ่ง ทำงานได้หรือไม่นั่นเป็นเรื่องรอง อย่างน้อยก็มีเรื่องให้ทำ ตอนนี้ยังพอประคองไปได้ แต่หากผ่านไปอีกสักระยะจะทำยังไง? หรือว่าจะต้องไปหางานที่บริษัทคนอื่น?
“ออกจากธุรกิจของตระกูลตัวเอง แต่ไปทำงานให้คนอื่นแทน? เดิททีก็มีช่องว่างระหว่างครอบครัวของเรากับญาติคนอื่น ๆ นี่ยิ่งทำให้พวกเขาดูถูกมากขึ้นไปอีก”
คำพูดพวกนี้ เหยาเสินได้ฟังอยู่ทุกวันจนมันจะไหลออกจากหูอยู่แล้ว เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ลูกไปสังเกตมาแล้ว เดอะกู๊ด ดีไซน์นั่นหาเงินไม่ได้เลย ยังต้องเอาเงินไปลงไว้ในนั้นอยู่เลย คุณปู่รองก็เพียงแค่รักษาหน้าหยาวฮั่น ถึงได้ประคองไว้ไม่ให้ล้มละลาย หากลูกเข้าไปรับช่วงต่อ ไม่แน่แค่เพียงไม่นานเขาก็คงจะประกาศล้มละลาย ชื่อเสียงในการบริหารไม่ดีก็จะตกอยู่บนหัวลูก ลูกจะไม่ยอมเป็นแพะแน่”
ในเวลานี้ มีข่าวออกทีวี มันเป็นเรื่องของการประมูลล้มละลายของบริษัทยาท้องถิ่นแห่งหนึ่ง
เซียวชุ่นจู่ ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมา อุตสาหกรรมการตนช่วยไม่ได้ แต่หากเป็นเรื่องทำยาล่ะก็ ตนมีหนทางแน่นอน
เขาคุ้นเคยกับยาทุกชนิด เม็ดยาเหล่านั้นแข็งแกร่งกว่ายาทั้งหมดในท้องตลาดเป็นสิบเป็นร้อยเท่า
แน่นอนมูลค่าจะสูงอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้นยาเหล่านั้นสามารถเจือจางได้ สามารถปรับราคาได้อย่างเหมาะสม ถึงอย่างนั้นแล้วก็ยังดีกว่ายาทั่วไปหลายเท่านัก อีกทั้งยาจีนบริสุทธิ์ไม่มีผลข้างเคียง
แต่ถ้าต้องการตั้งบริษัทยาใหม่ ไม่เพียงแค่อาคารโรงงาน แต่รวมถึงคนงานด้วย เกรงว่าจะต้องใช้เวลามากในการดำเนินการตามขั้นตอนที่ซับซ้อนพวกนั้น
มันจะง่ายกว่ามากถ้าเอาบริษัทนี้ไปรับช่วงต่อ
“ไม่งั้น คุณก็ซื้อบริษัทยานี้ไว้เลยเถอะ” เซียวชุ่นมองภาพในโทรทัศน์ และพูดออกมา
เมื่อสิ้นเสียง เหยาเสินและหลิวหยุนเซียงก็หันมามองหน้าเขาโดยไม่ได้นัดหมาย เหมือนกำลังมองคนบ้าอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...