เวลาแปดโมงกว่าของวันรุ่งขึ้น มังกรสามเอาอาหารเช้ากลับไปที่โรงแรม
โจ๊กสามชุด เครื่องเคียงไม่กี่อย่าง แล้วก็มีซาลาเปา ปาท่องโก๋
ห้องไม่เล็ก มีโซฟาที่มีโต๊ะสำหรับวางชุดน้ำชา หลังจากมังกรสามจัดวางอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว จึงรอทั้งสองคนมาทานอาหารเช้า
ไม่นานนัก เซียวชุ่นล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ จึงเดินมาพร้อมกับถือผ้าขนหนูไว้ในมือ
มังกรสามเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด พลันแสยะยิ้ม
เซียวชุ่นยื่นผ้าขนหนูให้ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ เขาชะงักไปเล็กน้อย “พี่เกอ ผมไม่ใช้หรอก ผมล้างหน้าแล้ว”
“เอาไป เดี๋ยวก็ได้ใช้แล้ว” เซียวชุ่นเอ่ยราบเรียบ
มังกรสามรับผ้าขนหนูไว้ด้วยสีหน้าแปลกประหลาด สังเกตผ้าขนหนูในมือเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิง
จู่ ๆ เซียวชุ่นก็ยื่นมือจับแขนซ้ายของมังกรสามเอาไว้อย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ ปลายนิ้วออกแรงบีบจุดลมปราณทั้งสองของเขาไว้เล็กน้อย มังกรสามรู้สึกได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดและความชาแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายในทันที พลันอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงดัง
เพียงครู่เดียวก็เข้าใจประโยชน์ของผ้าขนหนู จึงรีบเอามายัดในปากเพื่อคาบเอาไว้
ไม่กี่วินาทีต่อมา เซียวชุ่นคลายมือ ใบหน้าของมังกรสามแดงฉาน หน้าผากมีเหงื่อไหลพรากเป็นชั้น หอบหายใจแรงแล้วเอาผ้าขนหนูที่คาบไว้ออกมา พลางเอ่ยทอดถอนใจ : “เจ็บได้ใจ!”
“ฉันไม่ได้มีอะไรกับซ่งหลิงเอ๋อร์” เซียวชุ่นนั่งลงบอก
“เข้าใจ พี่เซียววางใจได้ ผมเป็นคนปากมีหูรูด ไม่พูดออกไปหรอก” มังกรสามพูดอย่างเอาจริงเอาจัง
เซียวชุ่นมองเขาด้วยสีหน้าตกใจ แม่ม ฉันหมายถึงแบบนั้นที่ไหนกัน ?
ช่างเถอะ อธิบายไปก็อธิบายได้ไม่กระจ่าง เซียวชุ่นโบกมือ
“วางผ้าขนหนูลง มาทานข้าวกัน”
หลังจากนั้นไม่นาน ซ่งหลิงเอ๋อร์ล้างหน้าเสร็จแล้วก็เดินมา เห็นมังกรสามหน้าแดงฉาน จึงเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น : “พี่มังกรสาม หน้าพี่เป็นอะไรไปเหรอ ?”
เซียวชุ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ : “พี่มังกรสามของเธอกินโจ๊กเยอะเกินไป เลยขาดสติ”
มังกรสามพยักหน้า “พี่เซียวพูดถูก”
ซ่งหลิงเอ๋อร์ : “? ? ?”
หลังทานอาหารเสร็จ ก็ว่างไม่มีธุระอะไร การแข่งขันประลองบู๊ของวันนี้จะเริ่มก็ตอนเย็น
ทว่าตอนกลางวันมีการแข่งรถ แข่งม้า หลังจากทั้งสามคนเก็บกวาดเล็กน้อยแล้วจึงออกจากโรงแรม ตั้งใจจะไปดูการแข่งรถก่อนสักหน่อย
ประมาณสองกิโลเมตรของทางตะวันตกของเมือง ธงต่าง ๆ โบกสะบัดบนพื้นที่กว้างใหญ่ที่ว่างเปล่า มียานพาหนะแต่ละแบบจอดอยู่ทั่วทุกแห่ง ยี่ห้อก็มีหลากหลาย ตั้งแต่รถยี่ห้อWuLing Hongguangจนถึงโรลส์รอยส์
ที่นี่ก็คือสถานที่ที่เรียกว่าสนามแข่งรถ ป่าเถื่อนและรุนแรง
จากไกล ๆ ก็สามารถได้ยินเสียงดังสนั่นจากเครื่องยนต์ที่ครูดกับอากาศ
สนามเป็นทรายสีเหลืองอร่าม ประหนึ่งสนามรบอย่างไรอย่างนั้น
กฎก็ง่ายดายและป่าเถื่อนมาก รถยี่สิบสามสิบคันเรียงเป็นหนึ่งแถว ไม่ว่ารุ่นอะไร ไม่ว่ายี่ห้ออะไรก็ตาม ข้างหน้าเป็นสนามแข่งแบบเปิดประมาณสามร้อยเมตร จุดสิ้นสุดเป็นพื้นที่เกือบจะเก้าสิบองศา ความสูงมีความลาดเอียงสิบกว่าเมตร คันที่พุ่งขึ้นไปยังทางลาดเอียงก่อนจะได้รับชัยชนะ
ตอนที่เซียวชุ่นเดินทางมาถึง มีทีมหนึ่งกำลังจะออกสตาร์ทพอดี คนจำนวนมากยืนอยู่ที่จุดสตาร์ท หรือไม่ก็รอการแข่งขันเริ่มที่เนินเขา
เสียงดังสนั่นจากเครื่องยนต์ ในฝูงชนส่งเสียงโห่ร้องกันอย่างบ้าคลั่งเป็นพัก ๆ
หญิงสาวที่ไร้ความเซ็กซี่ออกคำสั่งให้สัญญาณ ตามด้วยเสียงปืนพกสตาร์ทดังขึ้น รถยนต์แต่ละแบบจำนวนยี่สิบกว่าคัน แทบจะคำรามควบพุ่งไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันกับที่เสียงดังเลย
เพียงชั่วพริบตาเดียว ทรายสีเหลืองอร่ามที่ไร้ขอบเขต เป็นฉากที่ยิ่งใหญ่อลังการ
“ซ่งหลิงเอ๋อร์?”
“เพื่อน ? เธอโง่หรือเปล่า? พาเธอมาสถานที่วุ่นวายขนาดนี้ สองคนนี้แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร ไม่งั้นเธอไปกับพวกเราด้วยกันดีกว่านะ ? ต่างฝ่ายต่างได้ดูแลกันและกัน” เด็กสาวไว้ผมแดงพูดโน้มน้าว
“นั่นสิหลิงเอ๋อร์ อย่างไรเราก็เป็นเพื่อนกัน อยู่ด้วยกันกับพวกเราย่อมปลอดภัยมากกว่ากับคนที่อยู่ในวงสังคมอย่างสองคนนี้”
ในตอนนี้หลันญ่าหมิงก็เอ่ยปากบอก
จากหน้าตาและรูปร่างของซ่งหลิงเอ๋อร์ต่อให้ไม่ใช่ดาวมหาลัย อย่างน้อยก็เป็นดาวคณะ เพียงแต่เธอไปเข้าเรียนน้อยมาตลอด ทุกคนจึงไม่ค่อยมีภาพของเธอในความทรงจำมากนัก ดังนั้นจึงไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงที่มหาวิทยาลัย
หลันญ่าหมิงสังเกตถึงเธอได้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่หาโอกาสที่เหมาะสมเพื่อจะเข้าใกล้ไม่ได้มาตลอด ได้พบโอกาสอันดีที่หาได้ยากในเวลานี้
ไม่เพียงแค่หลันญ่าหมิง ผู้ชายอีกสามคนนั้น พอเห็นซ่งหลิงเอ๋อร์ใครบ้างที่ไม่อยากเข้าไปคุย
เพียงแต่เปรียบเทียบกับหลันญ่าหมิง ไม่ว่าจะเป็นด้านฐานะหรือด้านหน้าตา พวกเขาต่างด้อยกว่าขั้นหนึ่ง และต่างก็ดูออกว่าหลันญ่าหมิงสนใจซ่งหลิงเอ๋อร์ ดังนั้นจึงรู้ดีอยู่แก่ใจ และล้มเลิกความคิดที่จะแข่งขัน
“ขอบใจความหวังดีของพวกเธอนะ แต่ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของฉันจริง ๆ ฉันจะทิ้งพวกเขาแล้วไปกับพวกเธอไม่ได้หรอก”
ซ่งหลิงเอ๋อร์ยิ้มกล่าว
“งั้นเอาแบบนี้ พาเพื่อนของเธอไปด้วย เราไปด้วยกันก็ได้แล้วนี่” หลันญ่าหมิงเสนอ
ซ่งหลิงเอ๋อร์ตัดสินใจเฉพาะหน้าไม่ได้ จึงมองไปยังเซียวชุ่นอย่างจนปัญญา
เซียวชุ่นพยักหน้าด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ : “ในเมื่อเป็นเพื่อนของเธอ ก็ไม่เป็นไร”
“เอาแบบนั้นก็ได้ งั้นพวกเราก็ไปด้วยกัน” ซ่งหลิงเอ๋อร์เอ่ยตอบ
เธอไปมาหาสู่กับเพื่อนพวกนี้น้อยมาก และยังไม่ถึงขั้นความสัมพันธ์ที่เป็นเพื่อนร่วมมหาลัยด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าพวกเขาจะจริงใจขนาดนี้ จึงบอกปฏิเสธไม่ถูกไปชั่วขณะเลย
หลันญ่าหมิงเหลือบมองเซียวชุ่นอีกครั้ง พลันรู้สึกไม่สบายใจ เพียงแต่คนบ้านนอกธรรมดา ๆ คนหนึ่ง สาวงามขนาดนี้อย่างซ่งหลิงเอ๋อร์ทำไมถึงเหมือนเชื่อฟังคำพูดของเขามากจังเลย ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...