เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ นิยาย บท 86

“คุณก็คือคุณเซียวคนนั้นที่ช่วยพ่อของผม ?” ถึงแม้ว่าซ่งชิงโจไม่ได้อยู่ที่เจียงไห่ แต่เรื่องราวในครอบครัวเขากลับรู้เป็นอย่างดี

“พอดีเจอน่ะ แค่เรื่องเล็กน้อยก็เท่านั้น” เซียวชุ่นกล่าวราบเรียบ

“พ่อ ตกลงพ่อจะทำอะไรกันแน่ ?” ซ่งหลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วเอ่ย

“เมื่อกี้ฉันก็พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอไง สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่แกควรมา รีบกลับไปเรียนเดี๋ยวนี้”

“หนูก็พูดไปแล้วเหมือนกัน เรื่องของหนูไม่ต้องให้พ่อมายุ่งหรอก ยังไงซะหลายปีมานี้พ่อก็ไม่เคยสนใจหนูอยู่แล้ว” ซ่งหลิงเอ๋อร์พูดด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่าน

หลังจากซ่งชิงโจออกจากเจียงไห่ไป สิบกว่าปีแล้วก็ไม่เคยกลับไปอีกเลย แม้กระทั่งจดหมายสักฉบับก็ไม่มี ซ่งหลิงเอ๋อร์คับแค้นใจต่อพ่อคนนี้ของเธอเป็นอย่างมาก

“พ่อมีความลำบากใจของตัวเอง บางทีสักวันหนึ่งในอนาคตแกจะรู้เอง” ซ่งชิงโจพูดด้วยสีหน้าที่เศร้าใจอยู่เล็กน้อย

“อย่างนั้นในอนาคตพ่อค่อยมาสนใจหนูแล้วกัน”

ซ่งหลิงเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนทันที พลางหิ้วกระเป๋าขึ้น แล้วเอ่ยกับเซียวซุ่น : “อาจารย์ พี่สาม พวกเราไปกันเถอะ” พูดจบก็เดินตรงออกนอกประตูไป

เซียวชุ่นมองซ่งชิงโจที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่ท้อใจ แต่นี่เป็นเรื่องครอบครัวของเขา เขาก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร

ตอนที่เดินไปถึงปากประตู จู่ ๆ ซ่งชิงโจก็เรียกให้เขาหยุด พลันเอ่ยด้วยสายตาที่จริงจังว่า : “รบกวนคุณเซียวดูแลลูกสาวผมให้ดี ๆ ด้วยนะครับ”

เซียวชุ่นพยักหน้าถือเป็นการตอบรับ

. . . . . .

อาทิตย์ยามเย็นค่อย ๆ ลับภูเขาที่ทอดยาวเหยียดจากที่ไกล ๆ ความมืดยามค่ำคืนก็ปืนตามขึ้นมาท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

การแข่งขันประลองบู๊ระดับกลางได้เริ่มตามกำหนดเวลา

บนพื้นที่กว้างขวางแห่งหนึ่งทางตะวันตกของเมืองได้ก่อสร้างลานประลองบู๊เป็นทรงวงกลมขึ้น บนลานประลองบู๊ห้อยธงทิวหลากสีสันไว้อยู่ แสงไฟสว่างไสวอยู่ทั่วโดยรอบ

บริเวณรอบ ๆ ใช้สายริบบิ้นสีสันที่มีหลากหลายสีล้อมขึ้นเป็นราวกั้นอย่างเรียบง่าย

ชายชาตรีชุดดำร่างใหญ่ที่หน้าตาน่ากลัวสิบกว่าคนได้ลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครกล้าทำตัวอยู่เหนืออย่างไม่รู้จักกฎ

ยานพาหนะทุกแบบเบียดเสียดด้านนอกจนแทบจะแน่นขนัด ทว่าเหลือเพียงหนึ่งทางสัญจรที่กว้างประมาณสามเมตรกันเองเพื่อเปิดให้คนใหญ่คนโตแล่นผ่านได้

วงกลมด้านในที่ใกล้กับลานประลองบู๊วางเก้าอี้นับร้อยตัว ตอนที่พวกเซียวชุ่นสามคนมาถึงมีคนจำนวนไม่น้อยนั่งกันจนหนาแน่นแล้ว

ตรงทางเข้ามีคนขายตั๋วโดยเฉพาะ สามพันเป็นแถวหลังที่ราคาถูกที่สุด ส่วนใกล้ด้านหน้ามีตั้งแต่สองหมื่นถึงห้าหมื่นซึ่งราคาไม่เท่ากัน

เงินของเซียวชุ่นให้กับเหยาเสินไปหมดแล้ว มังกรสามยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีเงินมาแต่ไหนแต่ไร

ดังนั้น เงินนี้มีเพียงแค่ซ่งหลิงเอ๋อร์ที่จ่ายให้ได้ เธอซื้อตั๋วราคาห้าหมื่นสามใบไปเลย

ในใจมังกรสามคิดว่า พี่เซียวเจ๋งมาก ถึงกับไม่บอกว่าจีบคุณหนูผู้ร่ำรวยของตระกูลซ่ง ซ้ำยังใช้เงินของเขาจ่าย !

นับวันเขาก็เริ่มเลื่อมใสเซียวชุ่นแล้ว

แม้ว่าจะเป็นแค่การแข่งขันประลองบู๊ระดับกลาง ยังคงมีผู้คนใหญ่คนโตจำนวนไม่น้อยลงแข่ง

โฮ๋เฉิงเหอไม่ต้องพูดถึงเลย รู้ว่าเซียวชุ่นก็มาด้วย หลังจากพาเหลียงฮั่นมาทักทายกับเขา ก็นั่งลงอยู่ที่ด้านหลังพวกเขา

คำพูดคุยโวที่เซียวชุ่นพูดออกมาเมื่อวานยังก้องอยู่ที่หู โฮ๋เฉิงเหอก็อยากลองดูว่าเขาเตรียมตัวคว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศนี้ยังไง

นอกจากโฮ๋เฉิงเหอแล้วยังมีรวมไปถึงพวกตระกูลที่มีชื่อเสียงโด่งดังสามเมืองที่อยู่รอบ ๆ หลังจากแต่ละตระกูลเข้าสนามก็จะเกิดความวุ่นวายและคำวิพากษ์วิจารณ์เป็นพัก ๆ

“ซ่งชิงโจก็มาแล้ว !”

“ทว่าฉันได้ยินมาว่าครั้งนี้สมาคมบู๊โบราณเข้าร่วมแค่ลานประลองบู๊ระดับสูงเท่านั้น อีกทั้งชนะอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ทำไมวันนี้พวกเขาก็มาล่ะ ?”

“ใครจะไปรู้ล่ะ เรื่องของสมาคมบู๊โบราณคนนอกจะรู้ได้ยังไง คาดว่ามาชมการแข่งขันเพียงอย่างเดียวล่ะมั้ง”

ซือคงเฉินที่อยู่ทางนี้เพิ่งนั่งลงก็หันไปมองซ่งชิงโจ พลางยิ้มจาง ๆ แล้วเอ่ย : “นึกถึงว่าเมืองหลวงถึงกับให้ความสำคัญกับการแข่งขันประลองบู๊ของสถานที่เล็ก ๆ แบบนี้ขนาดนี้”

“สมาคมบู๊โบราณพวกคุณจะถ่อมตัวและไม่ยอมรับตำแหน่งไม่ทันเช่นกัน อัจฉริยะน่ะไม่เพียงแต่พวกคุณที่ต้องการ พวกเราก็ขาดแคลนเช่นกัน” ซ่งชิงโจตอบกลับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

สถานะภายนอกของซ่งชิงโจเป็นประธานกรรมการฮั๋วเซิ่งกรุ๊ปและบิ๊กบอสพื้นที่หนึ่งของเมืองเหว้ยฮุย ทว่าน้อยคนนักที่รู้ว่าพลังเบื้องหลังเขาที่แท้จริงแล้วนั้นเป็นตระกูลเฟิงแห่งเมืองหลวง

ตระกูลเฟิงซึ่งเป็นหนึ่งในนามสกุลที่เก่าแก่ที่สุดของฮั๋วเซี่ย ซุ่ยเหรินพ่อของฝูซีซึ่งเป็นผู้นำของสามราชาห้าจักรพรรดิโบราณกาลก็นามสกุลเฟิง เนื่องจากคนรุ่นหลังนั้นมีน้อยมาก ๆ ในตำราร้อยแซ่พันธุ์มังกรในปัจจุบันก็ไม่ได้บันทึกนามสกุลนี้เอาไว้

ตระกูลเฟิงแห่งเมืองหลวงยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งราชการ กลับมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและซับซ้อนกับทางการ ซึ่งเป็นพลังลึกลับที่แบกรับความมั่นคงของประเทศเอาไว้อยู่อย่างหนึ่ง

สมาคมบู๊โบราณได้รวมคนมีฝีมือของฮั๋วเซี่ยเอาไว้ค่อนหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นลักษณะกึ่งทางการ การทำงานกลับกลายเป็นรูปแบบพรรคที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจมาตลอด ช่วงไม่กี่ปีมานี้กลับยิ่งคุยโวโอ้อวดมากขึ้น จนไม่สามารถไม่ให้ความสนใจได้

แม้ว่าการแข่งขันประลองบู๊ครั้งนี้เป็นเพียงแค่การแข่งขันของสถานที่เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แต่ขอบเขตผลกระทบของมันกลับแทบจะเกินครึ่งของมณฑลหนิงโจว

ถ้าหากว่าการแข่งขันประลองบู๊ครั้งนี้ สมาคมบู๊โบราณคว้าแชมป์ได้อย่างง่ายดาย คงจะเกิดผลแพร่กระจายใหญ่หลวงเกินครึ่งที่มณฑลหนิงโจวอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นนักบู๊ทั่วโลกจะต้องมีหลายคนแย่งสมาคมบู๊โบราณอย่างแน่นอน อิทธิพลกับผลกระทบของพวกเขาจะยิ่งใหญ่มากขึ้น

อย่างไรก็ตามอย่างที่เห็นนี่เป็นเพียงการแข่งขันชาวบ้านที่เล็กมาก ๆ ครั้งหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องรายงานให้กับทางการของเมืองหลวง

มณฑลหนิงโจวสถานที่แห่งนี้มีเรื่องราวทางอิทธิพลของแต่ละพรรคที่ซับซ้อนและยุ่งยาก คนธรรมดายื่นมือเข้ามาไม่ได้ ดังนั้น เรื่องเรื่องนี้จึงตกอยู่ที่ซ่งชิงโจ

เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียว ขัดขวางไม่ให้สมาคมบู๊โบราณได้เป็นผู้ชนะเลิศ อย่างน้อยก็ไม่สามารถให้พวกเขาชนะได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น

เขาได้รับข่าวกรองมาว่าคนที่มาเข้าร่วมการแข่งขันประลองบู๊ในครั้งนี้คือนักบู๊ขั้นแปดคนหนึ่ง กลับนึกไม่ถึงว่าจะเป็นซือคงเฉิน

ในฐานะที่เป็นคนเมืองเจียงไห่เหมือนกัน ชื่อชื่อนี้ดังก้องหู ยี่สิบต้น ๆ ก็เป็นนักบู๊ขั้นแปด ความสามารถเรียกได้ว่าพบได้ยากในร้อยปี และเป็นคุณชายของตระกูลซือคงแห่งสี่ตระกูลใหญ่ของเจียงไห่อีกด้วย ล้วนมีชื่อเสียงโด่งดังที่เจียงไห่ แม้กระทั่งทั่วทั้งหนิงโจวด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊