เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ นิยาย บท 89

กูบอกพวกแกแล้วว่าเงินอยู่บนโต๊ะ และบอกแกแล้วว่าแค่ยื่นมือไปก็หยิบใส่ในกระเป๋าได้ ในเมื่อไม่เชื่อ งั้นฉันก็จนปัญญาแล้ว เซียวชุ่นเอ่ยพลางยิ้มเจื่อน ๆ อยู่ในใจ

เดิมทีผู้ชมล่างลานไม่ได้สนใจการประลองที่มีความแตกต่างด้านกำลังประเภทนี้ เพียงแต่บนสนามในตอนนี้มีสาวสวยน้อยที่น่าตกตะลึงยืนอยู่หนึ่งคน และเพิ่มกลเม็ดนิดหน่อยให้การแข่งขันรอบนี้ แน่นอนว่าคนในสนามร้อยละเก้าสิบเก้ายังคงวางเดิมพันให้กับซู่ยิ่น ไม่หวังได้เงินที่ชนะ เพียงหาความบันเทิงเท่านั้น

ความได้เปรียบสูงขนาดนี้ เร็วยิ่งกว่าแย่งเงินเสียอีก !

“ซ่งชง มิสู้พวกเราก็มาวางเดิมพันสักรอบ ?”

ซือคงเฉินมองไปที่ซ่งชิงโจพลางเอ่ย

“วางเดิมพันยังไง ?” ซ่งชิงโจเอ่ยด้วยใบหน้าเขียวปัด

“ก็วางเดิมพันว่าแม่หนูบนลานนั่นจะสามารถรับสิบกระบวนของซู่ยิ่นไหวไหม เป็นไง ? หนึ่งล้านต่อหนึ่งกระบวน ไม่มาก พวกเราก็หาความสนุกกันหน่อย เพียงเธอสามารถรับได้เกินสิบกระบวน ฉันจะรีบประเคนเงินสิบล้านให้เลย หากว่ารับไม่ไหว… …” ซือคงเฉินกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

“ได้ ฉันจะวางเดิมพันกับนาย !” ซ่งชิงโจแสดงสีหน้าบึ้งตึง

สาเหตุที่เขาพูดแบบนี้ เพียงแค่เพื่อที่จะเพิ่มสีสันก็เท่านั้น ตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าฝ่ามือมีเหงื่อไหลพลั่ก หวังแค่ว่าซ่งหลิงเอ๋อร์จะรู้จักวางตัว แทบอยากจะให้เธอยอมแพ้ในตอนนี้เลย ทิ้งเงินสิบล้านไปเลยก็ได้

บนลานประลองบู๊ ซ่งหลิงเอ๋อร์กับซู่ยิ่นได้เริ่มตั้งท่าแล้ว

พูดให้ถูกคือซ่งหลิงเอ๋อร์ได้ตั้งท่าแล้ว ส่วนซู่ยิ่นยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่สะทกสะท้าน เอาสองมือไพล่หลังพลางเอ่ย : “แม่หนู ฉันยอมอ่อนข้อให้หนูสิบกระบวน หลังจากสิบกระบวนแล้วอย่าโทษว่าไม่เกรงใจล่ะ”

ซือคงเฉินที่อยู่ด้านล่างได้ยินเขาพูดขนาดนี้จึงหน้าเขียว แม่มเถอะ แกตั้งใจใช่ไหม ?

ทว่าซู่ยิ่นไม่ได้ยินที่ซือคงเฉินกับซ่งชิงโจวางเดิมพันกันจริง ๆ นี่ก็โทษเขาไม่ได้เช่นกัน

“ชายชรา พูดไร้สาระมากจริง ฉันไม่ต้องการให้คุณอ่อนข้อหรอกนะ” แม้ว่าภายนอกซ่งหลิงเอ๋อร์จะนิ่งเงียบ อันที่จริงในใจก็ลังเลอยู่เหมือนกัน

แม้อาจารย์จะบอกเธอ ขอเพียงงัดระดับที่ฝึกฝนยามปกติก็สามารถชนะได้ ทว่าเธอมักจะรู้สึกว่าอาจารย์ทำให้เธอสั่นไหว ชายชราที่อยู่ข้างหน้านี้ อันที่จริงดูแล้วน่ากลัวอยู่ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น เหมือนจะกินคนได้ทุกเมื่อเลย

ซ่งหลิงเอ๋อร์ดื่มยาต้มที่ขมฝาดกลิ่นเหม็นมาหนึ่งเดือนพอดี และปรับการหายใจเข้าและการหายใจออกหนึ่งเดือนเต็มตามวิธีการไหลเวียนของชี่ที่เซียวชุ่นบอกเธอไว้ การโยกย้ายเจินชี่ที่อยู่ในร่างกายของเธอในตอนนี้ถึงขั้นที่ยืดหยุ่นได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว

เธอโยกย้ายเจินชี่ภายในร่างกายไปกระจุกตัวอยู่ที่สองหมัดอย่างรวดเร็ว พลันเอ่ยโดยคิดอยู่ในใจ : “หมัดชีเสวียนท่าแรก ล่าไล่ดารจันทรา !”

กระบวนนี้มีค่าอยู่ที่ความเร็ว และโจมตีในขณะที่อีกฝ่ายเผลอ อาจารย์บอกว่ากระบวนนี้ได้ผลมากโดยเฉพาะพวกคนที่ประมาทคู่ต่อสู้ !

ทันใดนั้น ร่างกายของเธอพุ่งไปยังซู่ยิ่นเหมือนกับลูกศรที่คมกริบก็ไม่ปาน

ล่างลานในตอนนี้เงียบกริบ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจพลันใจจดใจจ่อกับการจ้องมองสถานการณ์การต่อสู้ที่อยู่บนลานประลองบู๊

ในใจของเซียวชุ่นก็ตื่นเต้นตาม เพราะในใจเขารู้ดีว่าซ่งหลิงเอ๋อร์ไม่มีประสบการณ์การรบจริง และล่าไล่ดารจันทราเป็นการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบที่ว่าคู่ต่อสู้สบประมาทเธอ โดยอัดอีกฝ่ายตอนที่ตั้งตัวไม่ทัน หากกระบวนนี้เธอไม่สามารถชกให้ได้ผล ต่อจากนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซู่ยิ่นอย่างแน่นอน

ใบหน้าของซู่ยิ่นที่เดิมทีนิ่งเงียบ พลันขมวดคิ้วขึ้น สายตาก็จ้องเขม็งตามพร้อมกับหมัดของซ่งหลิงเอ๋อร์ที่จู่โจมมา

ตัวซ่งหลิงเอ๋อร์ยังไม่ถึง ลมหายใจที่ทรงพลังกลับกระโจนขึ้นระหว่างทั้งสองคนแล้ว !

คนยิ่งใกล้ ลมหายใจก็ยิ่งกระสับกระส่าย ชายเสื้อของเสื้อเชิ้ตสีขาวบนตัวของซู่ยิ่นถูกพัดไปด้านข้าง ผมที่ขาวครึ่งหนึ่งก็เริ่มกวัดแกว่งไปตาม

ซวยล่ะ !

ในใจเขาเกิดความหวั่นวิตกขึ้นมาในทันที สีหน้าเคร่งขรึม พอจะปรับลมหายใจรับมือศัตรู ซ่งหลิงเอ๋อร์ก็ประชิดใกล้ข้างหน้าดุจสายฟ้าแลบ

จากนั้นก็ได้ยินเสียงแตกร้าว “กร๊อบ ๆ ” จากในอากาศ

ราวกับว่าหมัดของซ่งหลิงเอ๋อร์เร็วจนพอที่จะเสียดสีกับอากาศจนออกมาเป็นประกายไฟอย่างไรอย่างนั้นเลย !

สมกับที่ซู่ยิ่นเป็นนักบู๊ขั้นหกของสมาคมบู๊โบราณ สถานการณ์ในตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน แม่หนูที่เดิมดูบอบบางคนหนึ่ง จู่ ๆ ก็แข็งแกร่งเช่นนี้ ร่างของเขาจึงหลบอย่างรวดเร็ว รีบหนีหมัดนี้ให้พ้น

อย่างไรก็ตามไม่ได้รอให้เขาได้ยืนมั่นคง หมัดของซ่งหลิงเอ๋อร์แบกกำลังมหาศาลที่ทรงพลังติดตามมาด้วย ดุจคลื่นลูกใหญ่ของทะเลพิโรธ

และเหนือกว่าคลื่นแล้ว ๆ หมัดยิ่งเร็วขึ้น ดุดันขึ้นก็หมัดก่อน ๆ !

ทุกคนที่ล่างลานต่างอ้าปากหวอ เป็นถึงนักบู๊ขั้นหกของสมาคมบู๊โบราณ ซู่ยิ่นที่ทำให้หลวงจีนบู๊เส้าหลินพ่ายแพ้ได้ในหนึ่งกระบวน คาดไม่ถึงว่าจะถูกแม่หนูคนหนึ่งบีบจนทุลักทุเล !

“คุณชายซือคง ขอโทษด้วยนะครับ เช็คสิบล้านนี้ ผมรับเอาไว้ล่ะ”

ซ่งชิงโจเพิ่งได้สติจากที่ตกตะลึงไป ฟั่นเช็คที่ทั้งสองคนเซ็นไว้ก่อนการแข่งแล้วเก็บเอาไว้ เอ่ยพร้อมหัวเราะ ฮ่า ๆ

“แม่ม นี่เป็นการแข่งขันหลอก ๆ ใช่ไหม ? !”

“รับเงินไปแล้ว สมาคมบู๊โบราณจะมาใส่ร้ายพวกเราหรือเปล่านะ !”

“ก็ต่อให้สมาคมบู๊โบราณไม่ได้รับเงิน ก็ต้องตรวจสอบชายชราด้านบนคนนั้นว่าได้รับเงินสกปรกมาหรือเปล่า !”

จนถึงตอนนี้ทุกคนที่อยู่ล่างลานเพิ่งจะตื่นตัว ตัวเองวางเดิมพันไปแล้ว ผลลัพธ์นี้แม้แต่เขียนนิยายก็ไม่กล้าเขียนอย่างนี้เลย !

“รบกวนคนของสมาคมบู๊โบราณออกมาอธิบายหน่อย !”

คนที่เสียเงินพนันไปจำนวนมากต่างใช้สายตาที่โกรธแค้นมองไปยังซือคงเฉิน

ในตอนนี้มีคนอ้วนสวมชุดสูทสีเทาคนหนึ่งเดิมขึ้นไปบนลานประลองบู๊ เขาเป็นเจ้าภาพของลานประลองบู๊ครั้งนี้ นามว่า ไฉหยวนชิง

สายตาของไฉหยวนชิงมองกวาดไปล่างลาน พลันหยิบไมโครโฟนขึ้นมาพูด : “โวยวายอะไรกัน ! ยินดีที่จะวางเดิมพันแล้วก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ พวกแกอยากทำลายกฎหรือยังไง ?”

ล่างลานสงบลงในทันที ใครต่างก็รู้ดี ไฉหยวนชิงเป็นตัวแทนของบิ๊กบอสแห่งเมืองก่างคนนั้นอยู่ที่นี่ ไม่มีใครล่วงเกินได้

“เถ้าแก่ไฉ ยัยหนูตัวกะเปี๊ยกนั่นทำไมถึงชนะซู่ยิ่นได้ นี่ก็ชัดเจนว่าต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ท่านต้องผดุงความยุติธรรมนะ ไม่อย่างนั้นกฎของการแข่งขันประลองบู๊ก็ไม่มีแล้ว”

คนด้านล่างที่ใจกล้าเอ่ย

“เมื่อครู่ฉันเห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง แม้ว่าซู่ยิ่นประมาทศัตรู แต่ว่าแม่หนูนั่นก็ไม่ได้อ่อนนะโอเคไหม ? แพ้แล้วก็คือแพ้แล้ว อย่าพูดเยิ่นเย้อ หากแกคิดว่าไม่ยุติธรรมก็ขึ้นลานมาต่อสู้สักรอบเองเลย !”

มีคนไม่ยอมก็ย่อมมีคนเลื่อมใสด้วยใจจริงเช่นกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊