ตอนใกล้จะเที่ยง ตระกูลซือคงก็รีบไปที่หมู่บ้านเสี้ยเหอ
ซือคงซินหรงคนในตระกูลสิบกว่าคนมาที่โรงแรมผินซ่างเพื่อรวมกับซือคงเฉิน
พอเห็นหน้าก็มีลูกพี่ลูกน้องที่รุ่นเดียวกับซือคงเฉินถามว่า:“พี่เฉิน ตอนที่พวกเราเพิ่งเข้าเมืองมาก็ได้ยินข่าวลือจากข้างนอก เมื่อวานสมาคมบู๊โบราณแพ้ให้ผู้ชายคนหนึ่ง ตอนนั้นตกใจมาก ทำไมถึง ……”
ซือคงซินหรงเห็นสีหน้าซือคงเฉินไม่ดี จึงพูดตัดบท:“แพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ และก็ไม่ใช่น้องเฉินที่แพ้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว”
ซือคงเฉินยิ้มอย่างขมขื่น
“ไม่เป็นไรครับ ปู่ เมื่อวานคนของพวกเราประมาทศัตรูจริงๆ ถูกผู้หญิงตระกูลซ่งคนนั้นเล่นงาน”
สมาคมบู๊โบราณมีอิทธิพลใหญ่โต เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แป๊บเดียวก็สืบตัวตนของซ่งหลิงเอ๋อร์ออกมาได้
“ผู้หญิงตระกูลซ่ง?ตระกูลซ่งแห่งเจียงไห่ของพวกเรา?”ซือคงซินหรงพูดอย่างสงสัย
“ใช่ ลูกสาวของซ่งชิงโจ”
“ผู้หญิงคนนั้นติดตามอยู่ข้างกายซ่งเจิ้นไห่เสมอ หลายปีมานี้อยู่แต่เจียงหนานคงไม่ใช่ว่าเจอปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงแห่งศิลปะการต่อสู้อะไรที่นั่นหรอกนะ?”
ซือคงซินหรงคิดและในที่สุดก็คิดออก ตอนนั้นที่ซ่งชิงโจถูกไล่ออกจากตระกูลซ่งก็มีลูกสาว ตอนนั้นแค่สามสี่ขวบ
“วิธีการของเธอไม่ได้ฉลาดมากนัก ก็แค่ลูกน้องของผมประมาทไป”ซือคงเฉินทำเป็นพูดอย่างสบายๆ
“ไม่เป็นไร พี่เฉิน คืนนี้พี่ได้แชมป์มาก็พอ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างความผิดก็ไม่ใช่พี่ทำผิดซะหน่อย”
“ใช่ เดี๋ยวตอนค่ำผมจะไปเชียร์พี่กับทุกคนเอง”
“ฉันถึงกับเอาเงินที่ฉันเก็บมาหลายปีออกมา คืนนี้จะลงว่าพี่เฉินชนะ พี่ต้องชนะแน่”
“พูดอะไรน่ะ?พี่เฉินจะแพ้ได้อย่างไร”
พวกลูกพี่ลูกน้องพูดมากไม่หยุด
……
ในห้องส่วนตัวสุดหรูห้องหนึ่งของโรงแรมฟู่ฮั๋ว
เมื่อคืนโฮ๋เฉิงเหอไปแต่ยังหัวค่ำ วันนี้ตอนเช้ามาหาเซียวชุ่นที่ 603 ก็เห็นเขาไม่อยู่แล้ว จึงโทรศัพท์มา
ได้ยินว่าเขาอยู่โรงแรมฟู่ฮั๋วก็รีบมาทันที
ในห้องส่วนตัวสุดหรู
โฮ๋เฉิงเหอแนะนำเพื่อนสองคนให้เซียวชุ่น
คนหนึ่งคือเวินกวงเหลี้ยงแห่งวาลฟ่า โฮลดิ้ง อีกคนคือไช่จวิ้นหมิงแห่งจินเคอ เมเนท สองคนนี้ล้วนแต่เป็นท่านประธานของบริษัทลงทุนการถือครองหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลายพันล้าน และก็เป็นเพื่อนของโฮ๋เฉิงเหอทั้งนั้น
โฮ๋เฉิงเหอผ่านค่ำคืนของเมื่อวานไป ก็ปฏิบัติต่อเซียวชุ่นเหมือนบูชาเทพเจ้า
ในที่สุดเขาก็เหมือนว่าพอจะรู้สึกบางอย่าง ตั้งใจโทรหาเพื่อนสองคนนี้ของตัวเองเพื่อบอกเรื่องที่เขาเกิดขึ้นที่นี่โดยเฉพาะ แล้วเรียกพวกเขาสองคนมารู้จักด้วยกัน
พวกเวินกวงเหลี้ยงก็ว่างพอดี จึงนั่งไฟล์ทดึกรีบกลับมา
แต่หลังจากเห็นเซียวชุ่นเป็นแค่วัยรุ่นอายุยี่สิบกว่า ทั้งสองก็ผิดหวังเล็กน้อย แต่เห็นแก่หน้าโฮ๋เฉิงเหอจึงอยู่ต่อ ในเมื่อมาแล้ว ก็อยู่สักคืนคงไม่เป็นไร
“พี่เซียว ลานประลองบู๊ระดับสูงคืนนี้ พวกเราลงคะแนนตามพี่แหละ”โฮ๋เฉิงเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้านายเชื่อฉันก็ไม่มีปัญหา”เซียวชุ่นพูดอย่างนิ่งเฉย
“เชื่ออยู่แล้ว”โฮ๋เฉิงเหอพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย
ถ้าเมื่อคืนเขาฟังเซียวชุ่น เกรงว่าคงทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำแล้ว
แต่ก็ไม่แปลก เขาเป็นนักธุรกิจ เป็นเรื่องปกติมากที่จะคำนึงถึงความเสี่ยงและผลประโยชน์ ยิ่งคำนึงถึงมากก็ยิ่งระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้น
เขาเกิดในตระกูลขุนนางบู๊ ฝึกฝนบู๊มาตั้งแต่เด็ก
ตอนอายุสิบห้า ตระกูลถูกกวาดล้างอย่างน่าสลด เขาหนีรอดอย่างหวุดหวิด สามปีต่อมากลับบ้านเกิด ศัตรูถูกตัดหัวทั้งหมด จากนั้นเขาก็ไปต่างประเทศ เป็นบอดี้การ์ด ครั้งหนึ่งเขาเคยทำลายกลุ่มทหารรับจ้างที่มีกำลังติดอาวุธนับร้อยเพียงคนเดียวเพื่อช่วยนายจ้าง ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มมีชื่อเสียง และในเวลาสั้นๆ เพียงแค่สามปีก็เป็นที่รู้จักในนามราชาแห่งบอดี้การ์ด
ตอนนี้ทันทีที่เขาเข้าไปในสถานที่จัดงานก็เกิดเสียงพูดคุยดังขึ้นมา
แต่ว่ากันว่าคนๆ นี้ยังอยู่ในรายชื่อที่ต้องการตัวของตำรวจอยู่ งั้นใครกันที่มีอำนาจมหาศาลขนาดนี้ถึงได้ยอมให้เข้าประเทศได้อย่างปลอดภัย และปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างเปิดเผย?
คนที่สามารถร่วมการแข่งขันลานประลองบู๊ระดับสูงล้วนแต่เป็นคนมีความสามารถ และแน่นอนว่ามีไม่เยอะ ต้วนเจียที่ถูกมองว่าเป็นเทพเจ้าในต่างประเทศยังคงสร้างความตื่นตระหนกไม่น้อย
เขาค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งที่นั่งด้านข้างซ่งชิงโจ ซ่งชิงโจพยักหน้าให้เขา
“เบื้องบนให้ผมมาช่วยคุณ”ต้วนเจียพูดเบาๆ อย่างนิ่งเฉย ใบหน้าไม่ปรากฏอาการใดๆ
ซ่งชิงโจยิ้ม สื่อว่าเข้าใจ
ผู้คนด้านล่างเวทีต่างตกใจที่เห็นว่าการแข่งขันประลองบู๊จะเริ่มอยู่แล้ว แต่ซือคงเฉินยังไม่ปรากฏตัว ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันขึ้นมา
“คงไม่ใช่ได้ยินว่าต้วนเจียมาเลยตกใจหนี ก็เมื่อวานเพิ่งจะแพ้ไป”มีคนพูดดูถูก
“คนสมาคมบู๊โบราณเพิ่งจะทยอยมากัน จะกลัวต้วนเจียได้ไง ยกเมื่อวานก็เห็นได้ชัดว่าประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป”
พูดจบ ซือคงเฉินก็ปรากฏตัวในสายตา
เขาสวมแจ็กเกตหนังเข้ารูป ยังคงเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวและเนกไทสีเข้ม สง่างามมีความสามารถ เต็มไปด้วยกระฉับกระเฉง บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มบางๆ ความอึมครึมเมื่อวานดูเหมือนจะหายไปแล้ว
วันนี้เขาเพิ่งเข้าสู่การฝึกลมปราณชั้นเก้า อีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ช่วงปฐมภูมิ ความแรงก็จะเพิ่มขึ้นตาม
เวลานี้กำลังรู้สึกถึงความโกรธเกรี้ยวในร่างกาย และรอแทบไม่ไหวที่จะเหยียบคู่ต่อสู้ของเขาไว้ใต้เท้าแล้ว
หลังจากที่ตระกูลซือคงนั่งลงตรงหน้าผู้คน คนที่อยู่รอบๆ ก็รู้สึกถึงลมหายใจแปลกๆ ที่แผ่ไปทั่วทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...