ไม่กี่วันต่อมาเรือนรับรองคุณหนูใหญ่มู่ก็เสร็จเรียบร้อย ญาติพี่น้องล้วนมาแสดงความยินดีกันไม่ขาดสาย บัดนี้นางมิได้ชื่อจังเสี่ยวลิ่งอีกต่อไป บิดาของนางได้ทำการย้ายทะเบียนราษฏร์และแก้ไขชื่อของนางอย่างถูกต้องเป็น ‘มู่เยี่ยนฟาง’
ใจหนึ่งจงเหยียนก็ยินดียิ่งที่คู่หมั้นของตนกลายเป็นคุณหนูในตระกูลใหญ่ ทว่าใจหนึ่งก็อดหวั่นมิได้เพราะบิดาของนางเป็นถึงรองแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหมิง ตระกูลของนางก็มีขุนนางหลายคนประจำการในหลายกรมพวกเขาล้วนเป็นที่รู้จักในราชสำนัก ครอบครัวขุนนางมักให้แต่งกับขุนนาง ครอบครัวคหบดีก็มักจะให้แต่งกับคหบดี แม้จะอยากเกี่ยวดองกับขุนนางก็ต้องดูทรัพย์สินนั้นมากพอที่เหล่าขุนนางจะพึงพอใจด้วยหรือไม่? จงเหยียนหนักใจกับสถานะของฟางเอ๋อร์ในยามนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นองครักษ์ขององค์ชายสิบห้าทว่าในเครือญาติกลับค้าขายแทบทั้งสิ้น
“จงเหยียนท่านสีหน้าไม่สู้ดีเลยนะเจ้าคะ?”
“ตั้งแต่เดินมา คุณชายทั้งหลายเข้ามาทักทายเจ้าอยู่ไม่ขาด เจ้ากลายเป็นคนมีชื่อเสียงของเมืองหลวงไปเสียแล้ว” สีหน้าของจงเหยียนบึ้งตึง นางกับเขาเดินเคียงคู่กันมาโดยมีสาวใช้ติดตามนางมาถึงสองคน ระหว่างนั้นก็มีคุณชายหลายตระกูลยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามาโอภาปราศรัยกับนางด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้
มู่เยี่ยนฟางเห็นคนรักกระเง้ากระงอดก็เอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อเขาเบาๆ
“ท่านมีกลิ่นเปรี้ยวแล้วหรือนี่?”
“หึ! ยามนี้เจ้ากลายเป็นคุณหนูใหญ่มู่ไปแล้ว ข้าก็แค่องครักษ์เล็กๆ ในวังหลวงมาเดินกับเจ้าเช่นนี้ คุณชายตระกูลอื่นมาเห็นเช่นนี้เจ้ารู้สึกอายหรือไม่?”
“อายทำไมหรือเจ้าคะ? ข้ามิได้สนใจพวกเขาเสียหน่อย หากพวกเขาถามข้าก็บอกอยู่ตลอดนะว่าท่านเป็นคู่หมั้นของข้า”
ได้ยินถ้อยคำระรื่นหูเข้า จงเหยียนก็ค่อยยิ้มออกแต่เมื่อคิดถึงใบหน้าบิดาของนางในยามที่เห็นเขา ชายหนุ่มก็หน้าเจื่อนลง “แต่บิดาเจ้าน่ะสิ! เห็นข้าทีไรก็ไม่เคยยิ้มให้สักที”
“ท่านพ่อน่ะหรือ? ท่านก็เป็นแบบนั้นล่ะ ท่านแม่บอกว่าท่านพ่อข้าอาจจะยิ้มยากสักหน่อยแต่ใจดีนะเจ้าคะ” คุณหนูใหญ่มู่ที่เพิ่งกลับเข้าสู่ครอบครัวได้รับการเอาอกเอาใจอย่างยิ่งจากบิดามารดา เสื้อผ้า เครื่องประดับ อาหาร และสาวใช้ นางมีอย่างเพียบพร้อม ทำให้ชิงหลานที่ถูกนางลากไปอยู่ในจวนสกุลมู่ก็พลอยสบายไปด้วย
องค์ชายสิบห้าเห็นองครักษ์จงเป็นทุกข์จึงอาสานำหน้าพาคนของตนมาเยือนจวนสกุลมู่ คุณหนูมู่กับคุณหนูชิงแต่งกายงดงามมีความเป็นอยู่แสนสุขสบาย หมิงเฉิงอวี่เห็นแล้วทรงเบาพระทัยอย่างยิ่ง
“องค์ชาย ช่วยกระหม่อมด้วยเถิดพะยะค่ะ ทำอย่างไรจึงจะได้แต่งงานเสียที”
หมิงเฉิงอวี่ทรงส่ายพระพักตร์ “เรื่องของข้าก็ยังเอาตัวไม่รอดแล้วนี่จะไปช่วยเจ้าได้อย่างไร?”
จงเหยียนหมดสิ้นหนทางจึงนึกถึงคำของกังเฉินขึ้นมาได้ ในหมู่องครักษ์ วังหลวงผู้ใดเล่าจะมีสตรีเอาไว้ให้สำราญใจได้มากเท่ากังเฉิน ไม่ว่าในที่ลับหรือในที่แจ้งคนผู้นั้นล้วนมีเงาของหญิงงามคอยตามติด
“จะได้แต่งหรือไม่? ขึ้นอยู่กับความยินยอมพร้อมใจของเจ้ากับคุณหนูมู่”
“อย่างไรหรือ?”
กังเฉินป้องปากกระซิบกระซาบอยู่ครู่หนึ่งสีหน้าของจงเหยียนทั้งแดงทั้งขาวทั้งคล้ำสลับกันไปมา ครั้นสหายกล่าวจบเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“เจ้าให้ข้าเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงเลยนะนั่น”
ที่ปรึกษาชั้นดีเชิดหน้า “ก็แล้วแต่เจ้า...หากจะรอไปเช่นนี้ก็ดูเอาเองเถิดว่าคุณชายแต่ละจวนล้วนมาเยือนเรือนสกุลมู่อยู่ไม่ขาด หมายมุ่งสิ่งใดเจ้าก็พอจะรู้อยู่ ในเมื่อนางเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม ซ้ำบิดาของนางก็ยังไม่ยอมประกาศว่านางมีคู่หมั้นแล้วก็เหมือนกับยังมิได้ยอมรับในตัวเจ้า คุณชายทั้งหลายก็ดูเหมือนยังมีโอกาสจะได้เป็นเขยสกุลมู่อยู่”
คำพูดของกังเฉินไม่เกินเลยความจริง นับตั้งแต่นางกลายเป็นมู่เยี่ยนฟางจงเหยียนก็นอนไม่ค่อยหลับ เดิมทีเป็นครอบครัวเขาที่รังเกียจนางแต่ตอนนี้กลายเป็นครอบครัวนางที่อาจจะรังเกียจเขา
ชิงเว่ยครุ่นคิดตลอดทางที่นั่งรถม้ากลับจวน คนที่เขาให้นำเงินไปส่งที่อำเภอเฉินไม่เห็นจะเคยบอกกล่าวว่าบุตรสาวกลายเป็นจิตรกรไปตั้งแต่เมื่อใด? หลายปีที่ปล่อยให้ภรรยาเอกจัดการเรื่องในบ้าน นี่มิใช่ว่าเขาถูกมารดาและฮูหยินหลอกเอาเสียกระมัง? ใต้เท้าชิงเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ จนกลับถึงจวนก็เรียกหาบ่าวรับใช้คนสนิท
หยุนเถิงได้ยินว่านายท่านเรียกหาก็รีบวิ่งมาจากหลังเรือนเล็ก เขากำลังผูกสัมพันธ์กับสาวใช้ข้างบ้าน...นายท่านนะนายท่าน...ช่างมาผิดเวลาแท้ๆ
“ข้าเรียกหาเจ้าตั้งนานแล้ว มัวทำอันใดอยู่?”
“ข้าน้อยกำลังดูต้นไม้ที่เพิ่งปลูกเมื่อวันก่อนขอรับ”
ดีที่นายท่านเป็นคนรักต้นไม้จึงใช้ให้เขาดูแลพันธุ์ไม้ที่ได้มาใหม่ในสวนหลังเรือนเล็กเพราะคอยรดน้ำพรวนดินอยู่ใกล้รั้วเรือนข้างๆ หยุนเถิงจึงได้พบกับสาวใช้ คนงามโดยบังเอิญ
“เจ้าตามข้าไปห้องหนังสือที ข้ามีเรื่องอยากพูดกับเจ้า”
หยุนเถิงเห็นสีหน้าเจ้านายไม่ค่อยดีนักก็รู้ได้ว่าคงจะมีเรื่องเกิดขึ้นอีกแล้ว ในจวนสกุลชิงช่างเต็มไปด้วยเรื่องเยอะเสียจริง! หยุนเถิงต้องคอยเดินย่องตามหลัง ฝีเท้าของนายท่านเบากว่าเขามากเพราะนายท่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ทุกคราที่เขาเดินลงส้นเท้าหนักนายท่านจะหันมาเอ็ดอยู่เสมอ เมื่อลงนั่งที่โต๊ะทำงานแล้ว ใต้เท้าชิงก็กวักมือเรียกบ่าวรับใช้เข้าไปใกล้ๆ
“เงินที่ข้าให้พ่อบ้านซุนแอบส่งไปจวนที่อำเภอเฉิน ข้าสงสัยว่าจะไปไม่ถึงสองแม่ลูกนั่นซะแล้วล่ะ”
**********************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)