มู่เยี่ยนฟางถูกคู่หมั้นหนุ่มประคองลงจากรถม้า นางหลับตาทว่ายังสามารถเคลื่อนไหวตามคำบอกของจงเหยียนได้
“ถึงจวนของเจ้าแล้ว แล้วยืนได้หรือไม่?”
คุณหนูมู่พยักหน้าก่อนจะเดินไปตามการประคองทำนองรุนหลังอยู่หน่อยๆ ขององครักษ์หนุ่ม
“เจ้าดูจะไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวข้าอุ้มก็แล้วกัน”
นางพยักหน้าอีกครั้งเบาๆ จงเหยียนจึงอุ้มนางขณะหมุนตัวกลับไปมอง
คนที่กำลังลงจากหลังม้าอย่างทุลักทุเล ชิงหลานถูกองครักษ์คอยช่วยประคับประคองเพื่อให้องค์ชายสิบห้าทรงอุ้มนางลงจากหลังม้าได้อย่างปลอดภัย
หงฮูหยินออกมาเห็นสภาพบุตรสาวและชิงหลานในสภาพนั้นก็ตกใจ
“หม่อมฉันถวายบังคมองค์ชาย นี่พวกนางไปทำอะไรกันมาหรือเพคะ? เหตุใดจึงคอพับคออ่อนกันเช่นนี้?”
“พวกนางดื่มสุราที่ไม่คุ้นเคยเข้าไปน่ะสิ! ดื่มแค่นิดหน่อยก็เป็นสภาพนี้แล้ว ข้ากับจงเหยียนจึงนำมาส่งท่าน”
หงฮูหยินรีบร้องบอกให้พ่อบ้านนำเสด็จองค์ชายไปยังห้องนอนของพวกนางจงเหยียนอุ้มร่างของคนรักตามหลังองค์ชายไป ห้องนอนของพวกนางอยู่ติดกันเมื่อชายหนุ่มทั้งสองส่งคนรักของตนเข้าไปห้องแล้ว หงฮูหยินก็เอ่ยด้วยความเกรงพระทัยองค์ชาย
“พรุ่งนี้ตอนเช้าก่อนจะไปสำนักมือปราบ เดี๋ยวข้าจะแวะมาดูนางอีกครั้ง ฝากฮูหยินช่วยดูแลด้วย”
“ไม่ต้องห่วงเพคะ หม่อมฉันเองก็รักหลานเอ๋อร์เหมือนลูกหลานย่อมดูแลอย่างดีอยู่แล้ว”
พ่อบ้านตระกูลมู่หันไปสั่งการสาวใช้เตรียมน้ำแกงสร่างเมาไว้ให้คุณหนูทั้งสอง หงฮูหยินเดินเข้าไปดูบุตรสาวในห้องแรกและเลยไปห้องของชิงหลาน พวกนางสองคนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวโดยมีสาวใช้ช่วยกันเช็ดหน้าเช็ดตาให้
“พวกเจ้าเปลี่ยนชุดให้คุณหนูกันด้วยล่ะ”
“เจ้าค่ะ”
หงฮูหยินนึกดีใจที่สามีของนางไม่อยู่ มิฉะนั้นสองสาวคงจะถูกเรียกไปอบรมเป็นแน่ ที่เมาน่ะไม่เท่าไหร่? แต่ปล่อยให้บุรุษอุ้มมาส่งถึงห้องนอนนี่ล่ะที่จะทำให้รองแม่ทัพมู่โทสะท่วมฟ้า
เช้าวันต่อมาองค์ชายทรงแวะมาตามที่รับสั่งไว้ หงฮูหยินให้สาวใช้เตรียมปลุกหญิงสาวทั้งสองไว้แล้ว
“แม่น่ะนะ อับอายองค์ชายยิ่งนักที่พวกเจ้าสองคนเมาตัวอ่อนปวกเปียกให้บุรุษอุ้มมาส่งถึงเรือน”
“ไอหยา! ท่านแม่ นี่ข้าขายหน้าถึงเพียงนั้นเทียวหรือ?”
หงฮูหยินใช้พัดกลมชี้มาทางหญิงสาวทั้งสอง
“พวกเจ้านะพวกเจ้า ทำเอาแม่แทบจะมุดแผ่นดินหนี ประเดี๋ยวองค์ชายก็คงจะเสด็จมาถึง พวกเจ้าเตรียมตัวให้ดีเถอะ รีบกินข้าวกินน้ำเสียเล่า!”
ชิงหลานตื่นมาก็รู้สึกหิวจนแสบท้อง นางจึงรีบตักเครื่องเคียงใส่ข้าวต้มรีบกินอย่างรวดเร็ว น้ำแกงสร่างเมาถูกสาวใช้หน้าห้องบังคับดื่มกันตั้งแต่ลืมตาขึ้นแล้ว ดีที่สุราชนิดนี้แม้จะเมามากแต่ก็ไม่เมาค้างหนัก เมื่อท้องเริ่มอิ่มทั้งสองจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
ครั้นองค์ชายเสด็จมาถึงก็ไถ่ถามถึงอาการของพวกนาง แล้วก็ชวนพวกนางไปสำนักมือปราบเมืองหลวงเพื่อหารือเรื่องคดี
หัวหน้ามือปราบโหยวทำหน้าหนักใจ แม้จะรู้แล้วว่าคนผู้นั้นคือผู้ติดตามของใต้เท้าจื้อแต่ไม่อาจบุกเข้าจับกุมโดยไร้หลักฐานชัดเจน ที่สำคัญพยานเอกตายไปแล้วคนที่เหลือก็คงไม่กล้าเสี่ยงชีวิต
อู่ฉางชิงแต่งกายอย่างชาวบ้านลอบมาดูเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย เขาเองก็ได้รับความเดือดร้อนต้องซ่อนตัวอยู่อย่างมิดชิด แต่เขาไม่ยอมเดินทางออกจากเมืองหลวงเพราะที่นี่ยังมีลูกน้องคนสนิทมากมายที่คอยช่วยเหลือ เมื่อวานเขาเห็นตอนที่คนพวกนั้นลงมือ ถ้าจำไม่ผิดนั่นก็คือคนของนายท่าน!
องค์ชายสิบห้ากับใต้เท้าจางหัวหน้าสำนักมือปราบเมืองหลวง ร่วมมือกันออกกวาดล้างหอโคมเขียวเถื่อน อู่ฉางชิงที่เพิ่งถูกทลายหอคณิกาเถื่อนไปอีกแห่งในย่านจี้ฮุยถึงกับอาฆาตแค้น ไม่เพียงแต่ทำลายแหล่งรายได้ของเขา องครักษ์ขององค์ชายสิบห้ายังได้ฆ่าคนของเขาตายไปสามสิบกว่าคน อู่ฉางชิงได้รับคำสั่งจากนายท่านให้ลอบสังหารองค์ชายสิบห้าและใต้เท้าจาง
“หัวหน้า คนผู้นั้นเข้าใกล้ได้ยากนักขอรับ!”
“คนอารักขาแน่นหนา ยามนี้ยังมิใช่โอกาส...ว่าแต่เจ้าเห็นสาวน้อยที่ยืนข้างๆ นั่นหรือไม่? บางทีนางผู้นี้อาจจะเป็นตัวประกันที่ใช้ล่อหลอกคนได้” อู่ฉางชิงมองปราดเดียวก็รู้ว่าองค์ชายทรงรักใคร่สาวน้อยผู้นั้นยิ่งนัก
...บุรุษยามมีรักก็ล้วนโง่งม...
“พวกเจ้าให้คนสะกดรอยตามนางไว้อย่าได้คลาดสายตา สบโอกาสก็จับนางได้เลย”
ข้างหลังของคนผู้มีลักษณะท่าทางชวนให้สงสัย ยังมีคนบุรุษในชุดขาวอีกผู้หนึ่งที่เพิ่งมาถึงแต่ยังไม่สามารถแหวกผู้คนเข้าไปดูเหตุการณ์ได้ใกล้ๆ จินวั่งซู่เป็นคนหูไวตาไว เขาจดจำใบหน้าของบุรุษในประกาศจับทางการที่ติดไว้หน้าโรงน้ำชานกกระจิบได้อย่างแม่นยำ
“ไอ้เจ้านี่! มันไปจดจำงิ้วที่ใด? คิดว่าแค่ทำผมรุงรังคนก็จำไม่ได้แล้ว!”
****************************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)