“โอว........” จงเหยียนคล้ายจะเป็นลมลงไปอีกรอบ “ข้าจะรอไหวได้อย่างไรขอรับ? ท่านไม่ได้ขอฤกษ์ปีนี้บ้างหรือ?” ชายหนุ่มคร่ำครวญจนน่าสงสาร
หงฮูหยินเห็นอาการขององครักษ์หนุ่มแล้วก็หัวเราะคิกคักพอใจ
“ข้าล้อเล่นน่า! ข้ากับแม่ของเจ้าไม่กล้าปล่อยให้นานขนาดนั้นแน่! พวกเราเองก็อยากจะอุ้มหลานเร็วๆ แล้วเหมือนกัน ฤกษ์ที่ตกลงกันไว้คือวันที่สิบเก้าเดือนหน้า”
จงเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็ยืดร่างขึ้นลุกยืนอย่างกระฉับกระเฉงประสานสองมือลงค้อมคำนับหงฮูหยินอย่างงดงาม “ขอบคุณท่านแม่ยายอย่างยิ่งขอรับ!”
“เจ้าจะเดินทางไปค่ายพยัคฆ์อีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้วนี่? ระหว่างนี้ข้ากับแม่ของเจ้าก็จะเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย เสื้อผ้าชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวพรุ่งนี้ก็ต้องวัดตัวเอาไว้เพราะคงต้องเร่งให้ช่างรีบตัดเย็บอย่างรีบด่วน ไหนฟางเอ๋อร์จะต้องนำมาปักด้วยตนเองอีก ชุดเจ้าสาวจะน้อยหน้าผู้ใดในเมืองหลวงมิได้เลย” หงฮูหยินดวงตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงวันสำคัญของบุตรสาว ต่อไปนางก็จะได้เป็นท่านยายที่มีหลานๆ มาคอยวิ่งเล่นล้อมหน้าล้อมหลัง
“ท่านแม่เจ้าคะ ฤกษ์นี้กระชั้นชิดอยู่ เราจะเตรียมงานทันหรือเจ้าคะ?”
จงเหยียนได้ยินคนรักเอ่ยทักท้วงเช่นนั้นก็รีบหันมาลอบกุมมือไว้ที่ใต้โต๊ะ
“ทันแน่นอนฟางเอ๋อร์ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดข้าก็ต้องทำทุกอย่างให้แล้วเสร็จตามฤกษ์ได้” ชายหนุ่มหลับตาปริบๆ เหมือนจะบอกกล่าวให้นางหยุดพูดจาทำร้ายน้ำใจตน
มู่เยี่ยนฟางเห็นหน้าตาของจงเหยียนที่ดูเหมือนลูกแกะน้อยผู้น่าสงสารก็ถึงกับต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาปิดปากหัวเราะคิกๆ
“องครักษ์จงเจ้าคะ ข้าแค่ถามท่านแม่ด้วยความเป็นห่วงเรื่องการเตรียมงานมิได้คิดจะเปลี่ยนฤกษ์สักหน่อย”
หงฮูหยินมองหน้าสองหนุ่มสลับกันไปมาแล้วก็ยิ้มหวาน “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไปพวกผู้ใหญ่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด พวกเจ้าสองคนมีหน้าที่ทำตามสิ่งที่พวกเราบอกก็พอ”
หงฮูหยินบอกให้จงเหยียนกับมู่เยี่ยนฟางเดินตามตนกลับเข้าไปในห้องโถงเรือนใหญ่ แล้วเรียกพ่อบ้านออกมาเขียนลำดับความสิ่งที่ว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาวจะต้องเตรียมตัว
“พ่อบ้าน ท่านอ่านให้เด็กทั้งสองนี่ฟังที”
“ขอรับ”
เมื่อพ่อบ้านอ่านให้หนุ่มสาวทั้งสองได้ฟังจนจบแล้ว หงฮูหยินก็สั่งการรายละเอียดที่ต้องเตรียมในจวนสกุลมู่ให้เรียบร้อย ผู้ช่วยของพ่อบ้านคัดลอกหน้าที่ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจากบันทึกเมื่อครู่แล้วส่งให้จงเหยียนกับมู่เยี่ยนฟางคนละแผ่น
“นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าต้องเริ่มทำตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ช่างตัดเย็บชุดแต่งงานแม่ได้ให้คนไปติดต่อเอาไว้แล้วพรุ่งนี้จะมีคนมาวัดตัวพวกเจ้าทั้งสองให้มาพร้อมหน้ากันในยามเฉินเพราะชุดน่าจะเป็นสิ่งที่จัดแจงได้ลำบากที่สุด”
“ขอรับ! พรุ่งนี้ข้าจะมาแต่ไก่โห่เลยทีเดียว” ว่าที่เจ้าบ่าวดูท่าจะตื่นเต้นมากกว่าว่าที่เจ้าสาว
หงฮูหยินเห็นความกระตือรือร้นของว่าที่บุตรเขยแล้วก็อดจะอมยิ้มมิได้ “เอาเถิดเจ้าจะมายามใดขอเพียงมีคนเปิดประตูต้อนรับเจ้าก็พอ แต่หากฟ้ายังไม่สางระวังพวกบ่าวหน้าประตูจะไม่ยอมเปิดประตูเล่า”
จงเหยียนยิ้มกว้าง “ยังไม่เปิดประตู ข้าก็ยังนั่งเฝ้าอยู่ข้างหน้าขอรับ”
“อืม...นับว่าเจ้ามีความจริงใจมาก”
มู่เยี่ยนฟางมองคนรักด้วยสายตารักใคร่ องครักษ์จงผู้นี้มีความมั่นคงกับนางยิ่งนัก หากมิได้แต่งงานกับเขานางก็คงไร้ความสุขใจไปทั้งชีวิต
‘จริงสิ! เอาแผนเดิมมาใช้แต่เปลี่ยนตัวเอกก็น่าจะได้นี่?’
ชินอ๋องนึกสนุกจึงเริ่มคิดแผนการให้กับจงเหยียนเพื่อให้กลายเป็นลูกเขยสุดที่รักของพ่อตาอย่างรองแม่ทัพมู่ผู้เคร่งขรึม
วันสมรสพระราชทานของจังเยว่กับใต้เท้าชิงก็มาถึง ขบวนรับเจ้าสาวยาวเหยียดจนคนต้องมารอมุงดูสองข้างทาง ข่าวการแต่งงานใหม่กับภรรยานอกสมรสที่ถูกเคยถูกครอบครัวสามีรังเกียจเป็นที่ฮือฮาและถกเถียงกันไปทั่ว นักประพันธ์นิยายหลายคนนำเรื่องราวความรักมั่นคงของใต้เท้าชิงกับจังฮูหยินผู้อาภัพไปเขียนและวางจำหน่ายในตรอกคนโฉด เนื่องจากเป็นเรื่องของผู้มีตำแหน่งสูงจึงไม่มีผู้กล้าเอามาวางขายตามร้านหนังสือทั่วไปได้แต่เขียนขายหลบๆ ซ่อนๆ
...เรื่องลึกๆ ลับๆ ในมุ้งชาวบ้านนี่ล่ะ! ที่ผู้คนสนใจกันนัก!....
จินวั่งซู่เองก็เขียนเป็นเรื่องซุบซิบที่ไม่ใช้นามแฝงลงในจดหมายข่าวในเรื่องส่วนข่าวลือในเมืองหลวงแต่คนส่วนใหญ่ก็พอจะเดาได้ว่าเขาเขียนถึงผู้ใด
ฮูหยินผู้เฒ่าไช่จิวฝูแม้จะยิ้มไม่เต็มหน้าเพราะยังตะขิดตะขวงใจกับลูกสะใภ้ที่ตนเคยรังเกียจแต่ก็ยอมมานั่งพร้อมกับสามีให้จังเยว่ยกน้ำชาคารวะ ชิงหลานกับ มู่เยี่ยนฟางแต่งกายด้วยชุดคล้ายกันราวกับพี่น้อง พวกนางมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้เหยียบย่างเข้าสู่จวนใหญ่สกุลชิงอย่างสมเกียรติ
ใต้เท้าชิงยิ้มเต็มหน้า “หลานเอ๋อร์ นี่เป็นวันที่พ่อมีความสุขที่สุด พ่อสามารถนำเจ้าและแม่ของเจ้ามาอยู่ในจวนนี้อย่างสมฐานะเสียที”
อนุภรรยาทั้งสองของใต้เท้าชิงเองก็รู้มาตลอดว่าในใจของสามีนั้นมีเพียง จังเยว่ที่เป็นอันดับหนึ่ง แม้ชิงเว่ยจะเมตตาพวกนางแต่ก็ไม่อาจแทรกเข้าไปในใจเขาได้ ก็คงจะดีกว่าเป็นอย่างอดีตฮูหยินที่ไม่เคยได้แม้แต่ความเมตตาสักกระผีกจากสามี! ในวันวิวาห์นี้พวกนางไม่อาจจะออกมาร่วมงานได้แต่นั่งฟังเสียงดนตรีขับกล่อมจาก เรือนใหญ่และบอกเล่าเรื่องราวการแต่งงานในวันนี้ให้กับบุตรของตนเองฟัง
**********************************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)