พิธีการส่งตัวเรียบร้อยแล้ว ชิงหลานกับมู่เยี่ยนฟางยืนคุยกันอยู่ระเบียงหน้าเรือนใหญ่ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ชิงหลานได้พบหน้าท่านปู่กับท่านย่า แม้ท่านผู้เฒ่าทั้งสองจะดูเก้อเขินที่จะโอภาปราศัยกับนางแต่ยังเรียกให้นางไปนั่งใกล้ๆ เผยมู่ซีที่อยู่ในร่างหลานสาวของคนทั้งสองพอจะดูว่าสองสามีภรรยาสูงวัยมีทั้งความกระดากที่เคยรังเกียจและอยากจะชื่นชมที่เห็นองค์ชายสิบห้าคอยประทับอยู่ใกล้นางไม่ห่าง
‘นี่ล่ะนะ...คนทั้งหลายก็ยังข้ามความอยากมีหน้ามีตาไปมิได้’
นางพอจะดูออกฮูหยินผู้เฒ่าผู้นี้ยังคงยึดติดกับยศถาบรรดาศักดิ์อยู่มาก ที่ยินดีต้อนรับจังเว่ยในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเพราะสมรสพระราชทานและอีกส่วนหนึ่งคงมีเหตุมาจากบุรุษที่ยืนเคียงข้างนางผู้นี้
มู่เยี่ยนฟางเล่าเหตุการณ์ที่นางเคยเข้ามาอยู่ในจวนสกุลชิงนี้ช่วงหนึ่งให้กับคุณหนูฟัง แม้จะมาพักได้ไม่นานคุณหนูมู่หรืออดีตคือสาวใช้จังเสี่ยวลิ่งก็จดจำความ ใจดำของฮูหยินผู้เฒ่าได้ไม่ลืม
“ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบจังฮูหยินเพราะอยากจะได้คุณหนูตระกูลใหญ่มาเป็นสะใภ้จึงได้ไล่ให้พวกเราสองคนไปอยู่ที่อื่นเจ้าคะ” จังเสี่ยวลิ่งในครั้งนั้นยังเป็นเพียงเด็กน้อยที่ติดตามคุณหนูจังเยว่มาจากเมืองพยัคฆ์เหิน ใต้เท้าชิงขัดมารดาไม่ได้จึงไปเช่าเรือนข้างนอกให้นางสองคนได้อยู่อาศัยและแวะเวียนไปหาทุกวัน
“นายท่านไปหาฮูหยินทุกวันกระทั่งนางตั้งท้อง คราวนั้นคุณหนูซิวช่างร้ายกาจส่งคนมาวางยาในอาหารที่พวกเราซื้อกินกระทั่งฮูหยินต้องแท้งพี่ชายของคุณหนูไป”
ชิงหลานแสยะยิ้มร้าย “ไม่ต้องห่วงหรอกฟางเอ๋อร์ แค้นของพี่ชายข้า ข้าจะเอาคืนกับซิวซีชวนเอง”
ชิงหลานหรืออันที่จริงก็คือเผยมู่ซีมิได้มีความรู้สึกผูกพันอันใดกับผู้อาวุโสในตระกูลชิง นางก็ทำเพียงแต่คารวะไปตามหน้าที่ ในใจก็วางแผนจะทำให้ฮูหยินไช่จิวฝูได้รับบทเรียนจากความใจดำเสียบ้าง
‘ดูก็รู้ว่านางเห็นแก่จะได้หลานเขยเป็นองค์ชายจึงดีกับข้าเช่นนี้’
มู่เยี่ยนฟางมองไปรอบๆ “คุณหนูท่านอยากเห็นเรือนที่ข้ากับฮูหยินเคยมาอยู่หรือไม่เจ้าคะ? น่าจะเป็นทางโน้นเจ้าค่ะ”
“พอดีล่ะ ถือโอกาสไปดูเรือนใหม่ของข้าสักหน่อย เอาไว้ท่านแม่แต่งงานครบสามวันแล้วข้าค่อยจะย้ายข้าวของมาที่นี่ ท่านพ่อบอกว่ายังขาดเครื่องเรือนอีกสองสามอย่างที่สักทำยังไม่ครบ”
สองนายบ่าวเดินอ้อมไปตามทางเดินมีหลังคาคลุมผ่านหน้าเรือนของอนุหลังแรก มู่เยี่ยนฟางมองเห็นเด็กชายผู้หนึ่งกำลังเล่นเตะลูกขนไก่อยู่ท่ามกลางสาวใช้และ หมัวมัวที่เป็นสาวใช้อาวุโสคอยดูแล
“นั่นไงเจ้าคะ? ชิงเสี้ยว บุตรชายของอนุผัง”
“อ้อๆ น้องชายของข้าน่ะเอง” บิดาเล่าให้ฟังว่านางยังมีน้องชายที่เกิดจากอนุผังหนึ่งคนและน้องสาวที่เกิดจากอนุอันอีกหนึ่งคน “อย่าเพิ่งไปทักทายเขาเลยเอาไว้ให้เขาพบกับข้าเป็นทางการก่อนเถอะ”
มู่เยี่ยนฟางพยักหน้าแล้วเดินวนอ้อมไปยังเรือนอนุภรรยาอีกคน เมื่อมองเห็นสาวน้อยที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็พลันนึกได้
“คุณหนู นั่นไงเจ้าคะ? ชิงเว่ยเว่ย บุตรสาวของอนุอัน”
“อืม...นางช่างน่าสงสารนัก นางอายุยังน้อยแต่กลับเดินไม่ได้พูดไม่ได้ เจ้าว่าหากเราพานางไปหาท่านหมอหญิงเกาจะพอช่วยได้หรือไม่?”
“นั่นน่ะสิเจ้าคะ! ใต้เท้าชิงอาจจะไม่เคยรู้จักท่านหมอหญิงเกาก็เป็นได้เพราะนางไม่ค่อยอยู่ในเมืองหลวงนัก ยามนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่หรือไม่? นางยิ่งชอบเดินทางไปต่างเมือง พวกเราคงต้องแวะไปดูนางสักหน่อยแล้ว”
พวกนางเดินวนไปจนถึงเรือนขนาดกลางหลังใหม่ที่มองไปไม่ไกลก็เป็นเรือน ฮูหยินเอกที่เพิ่งถูกเปลี่ยนเจ้าของ
“พวกเดินอ้อมมาเสียจนแทบจะเป็นวงกลมอยู่แล้ว”
“คุณหนูเรือนของท่านโอ่อ่าสวยงามกว่าเรือนของข้าที่สกุลมู่เสียอีก”
ชิงหลานกวาดตามองไปรอบๆ อย่างพึงพอใจ “ข้ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเรือนนี้สวยกว่าทุกเรือนในสกุลชิง?”
“ไม่ได้คิดไปเองหรอก ข้าดูแล้วก็สวยกว่าจริงๆ ดูเหมือนใต้เท้าชิงจงใจจะสร้างเช่นนี้เพื่อเป็นการชดเชยให้คุณหนู”
“คุณหนู มีเตาเล็กกับกาน้ำชาอยู่ด้วย เช่นนี้เราก็อุ่นน้ำชาแล้วกินขนมกันได้สบายแล้วเจ้าค่ะ”
มู่เยี่ยนฟางติดเตาชงชาเรียบร้อยก็เริ่มต้มชา “นายท่านรอบคอบเสียจริง...เอากล่องใส่ใบชาอย่างดีมาไว้ในตู้ให้คุณหนูด้วยนะเจ้าคะ”
สาวใช้ของชิงเว่ยเว่ยมองดูอดีตสาวใช้จังเสี่ยวลิ่งที่อันเล่าให้นางฟังว่าสตรีผู้นี้ที่แท้เป็นคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ที่ถูกลักพาตัวไป...สวรรค์หนอ! เหตุใดจึงไม่มอบโอกาสดีๆ เช่นนี้ให้นางบ้าง? จากเคยเป็นสาวใช้กลับกลายมาเป็นคุณหนูผู้งดงาม ร่ำรวย อีกทั้งยังมีชาติตระกูลสูงส่ง จังเสี่ยวลิ่งผู้นี้ช่างนางอิจฉายิ่งนัก!
“ดีๆ ข้าเองก็แอบซ่อนขนมมาด้วยสองชิ้น แต่เป็นขนมเปี๊ยะนะ” ชิงหลานหัวเราะอายๆ ก่อนจะหยิบเอาขนมที่ตนเองแอบซ่อนไว้ตอนที่พวกผู้ใหญ่ไปส่งเจ้าสาวเข้าหอออกมาวางบนโต๊ะ นางหันไปทางชิงเว่ยเว่ยแล้วเอ่ยชวน
“เว่ยเว่ย เจ้าก็อยู่กินขนมกับพี่ให้อิ่มก่อนค่อยกลับเรือนก็แล้วกัน”
สาวน้อยพยักหน้ารับดวงตาเป็นประกายแวววาวด้วยความยินดี นางเพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าในจวนสกุลชิงแห่งนี้นางมีสหายแล้ว!
**********************
ในนิยายเรื่องนี้จะกล่าวถึงเรื่องการปกครองไว้ด้วยจึงขอให้ข้อมูลพื้นฐานดังนี้นะคะ
*การปกครองในแคว้นหมิงมี 6 กรม ได้แก่ 1) กรมมหาดไท 2) กรมกลาโหม 3) กรมคลัง 4) กรมพิธีการ 5) กรมตุลาการ 6) โยธาธิการ (อ้างอิงจากการปกครองของจีนโบราณ)
*ขุนนางมีระดับต่ำสุดคือขั้น 9 ไล่ไปจนถึงระดับสูงสุดคือขั้น 1
เนื่องจากในการเขียนครั้งแรกๆ ไรท์ใช้ชื่อ "กรมมหาดไทย" ด้วยเห็นว่าเข้าใจง่ายเพราะเป็นกระทรวงที่ประเทศเราก็มีแต่ลืมไปว่ารี้ดอาจจะสับสนกับคำว่าไทย ดังนัั้นในช่วงหลังๆ จึงแก้ไขเขียนเป็น "มหาดไท" นะคะ....ส่วนตอนหน้าๆ อาจจะไม่ได้แก้ ขออภัยด้วยค่ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)