จงเหยียนขยับร่างเสี่ยวลิ่งขึ้นมาบนถนนก่อนจะปล่อยนางเป็นอิสระ
“ขอบคุณท่านองครักษ์” นางขอบคุณพลางถอยออกห่างไปใกล้กับคุณหนู ของตน
“ขอบคุณองครักษ์จงที่ช่วยคนของข้า พวกเราต้องรีบเข้าวัดแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะเริ่มงานสาย” เผยมู่ซีรีบตัดบท สายตาของจงเหยียนที่มองดูเสี่ยวลิ่งนั้นชั่วแวบหนึ่งมีความพึงพอใจแฝงอยู่ เผยมู่ซีไม่อยากจะชี้นำ...ความรักเป็นเรื่องของวาสนา...หากว่านางส่งเสริมพวกเขาแล้วสุดท้ายเสี่ยวลิ่งมิได้พบพานความสุข นางเองก็จะพลอยทุกข์ใจไปกับเสี่ยวลิ่งด้วย หากว่าองครักษ์จงมีใจก็ให้เขาดิ้นรนเพื่อเสี่ยวลิ่งสักหน่อยเถิด
จงเหยียนมองตามแผ่นหลังบอบบางของสตรีทั้งสองที่ลับหายเข้าไปในเขตวัด เขายังมิได้บอกนางเลยว่าตนเองจำต้องเดินทางไปอำเภอยินเหลียงสักสองสามวันเพื่อสืบข่าวตามคำสั่งองค์ชาย องครักษ์จงชักบังเหียนม้าบ่ายหน้าไปยังทางออกหน้าอำเภอตามที่นัดกับองครักษ์อีกสองคน พวกเขาต้องเร่งเดินทางเพื่อสืบข่าวให้เร็วที่สุด
หมิงเฉิงอวี่กับองครักษ์กังไปยังที่ว่าการอำเภอเฉินเพื่อขอคุยกับโจรป่าที่ถูกจับได้เมื่อคืน นายอำเภอเฉินเห็นองค์ชายเสด็จมาด้วยพระองค์เองก็ตื่นเต้นยิ่งนักรีบ นำทางไปยังคุกหลวงทันที
“พวกเจ้าไปรอข้างนอก! ข้าขอคุยกับโจรผู้นี้สักครู่”
“พะยะค่ะ”
โจรป่าร่างใหญ่นอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าผนัง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ามาหยุดยืนหน้าประตูก็พลิกร่างกลับมาดู
กริ๊ก!
“เชิญองค์ชายพะยะค่ะ!”
เสียงมือปราบที่ดูแลคุกกราบทูล เจ้าโจรผู้นั้นรู้สึกยินดีที่ได้พบองค์ชาย แม้จะไม่รู้ว่าองค์ชายที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเป็นผู้ใดกันแน่? แต่ก็รู้สึกว่าตนเองน่าจะร้องขอความเป็นธรรมได้ ร่างหนาใหญ่จึงรีบลุกขึ้นคุกเข่าลงต่อหน้าผู้ที่ถูกเรียกว่าองค์ชายในทันที
“คารวะองค์ชาย หม่อมฉันตวนเจี้ยน บ้านเกิดอยู่เมืองฉู่จิ้ง จริงอยู่ที่ข้าเป็นโจรป่า แม้ข้าจะปล้นทรัพย์ของผู้เดินทางไปบ้าง ตะ แต่มิเคยฆ่าคนตายนะพะยะค่ะ”
“หากมิใช่เจ้า! แล้วบุรุษแซ่เกาผู้นั้นตายได้อย่างไร? พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุก็พร้อมเช่นนั้น” หมิงเฉิงอวี่อ่านสำนวนคดีที่ตวนเจี้ยนหนึ่งในกลุ่มโจรป่ารุมฆ่าเกาสงในเขตอำเภอยินเหลียงที่อยู่ถัดจากอำเภอเฉิน กลับพบว่าพยานที่เห็นศพเกาสงมีเพียงคนเดียวแต่กลับกล้ายืนยันว่าตวนเจี้ยนเป็นคนฆ่า คดีนี้ช่างน่าแปลก!
“หม่อมฉันรู้จักเจ้าเกาสงผู้นี้จริงเพราะเราเป็นคนบ้านเดียวกัน ทว่ามิเคยคิดฆ่าเขาสักหน่อย หม่อมฉันถูกใส่ร้ายพะยะค่ะ”
หมิงเฉิงอวี่คิดถึงคำพูดขององครักษ์จง ยามนี้พระองค์ส่งจงเหยียนออกไปสืบหาบุคคลที่เกี่ยวพันกับตวนเจี้ยนผู้นี้ คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะมีข้อมูลเพิ่มเติม
“เจ้าเอาแต่กล่าวว่าตนถูกใส่ร้าย มีหลักฐานใดเอามายืนยันได้บ้าง? นายอำเภอเฉินเองก็สืบสวนเจ้าหลายครั้งแล้วก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะมีสิ่งที่ยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตนเอง”
ตวนเจี้ยนเงยมององค์ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า “พระอาญามิพ้นเกล้า องค์ชาย หม่อมฉันบังอาจถามว่าองค์ชายคือผู้ใด?”
หมิงเฉิงอวี่สบสายพระเนตรกับโจรป่าครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีแววตาล่อกแล่กคล้ายไม่ค่อยเชื่อใจที่จะเอ่ยความลับจึงได้เปิดเผยตำแหน่งและพระนามของตน
“องค์ชายสิบห้าแห่งราชวงศ์หมิง หมิงเฉิงอวี่”
ตวนเจี้ยนถอนหายใจอย่างโล่งอก “ดีจริงที่เป็นพระองค์! เช่นนั้นข้าน้อยก็วางใจ”
หมิงเฉิงอวี่รู้สึกผิดสังเกตที่โจรป่าทำราวกับเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของตน “เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนั้น?”
“กราบทูลตามตรง หม่อมฉันเคยเป็นเจ้าหน้าที่เล็กๆ ในฉู่จิ้งมาก่อนแต่ภายหลังได้รับความอยุติธรรมจึงได้เข้าร่วมกับโจรป่า ชื่อเสียงของชินอ๋อง ท่านอ๋องเก้าและองค์ชายสิบห้า หม่อมฉันเคยได้ยินมาจากขุนนางในฉู่จิ้งอยู่บ่อยครั้ง”
องครักษ์กังรีบออกไปสั่งการโดยเร็ว สายสืบขององค์ชายสิบห้าในเมืองหลวงยามนี้ก็มีอยู่พอสมควร องค์รักษ์สายรองเร่งควบม้ากลับเมืองหลวงเพื่อที่จะเร่งหาข่าว การหาข่าวของเกาสงอาจจะมิใช่เรื่องที่ยากนัก ทว่าการเข้าใกล้หัวหน้ามือปราบหน่วยที่สามของสำนักกองปราบเมืองหลวงย่อมมิใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ
“ไปตรวจงานที่วัดกันเถอะ ในเมื่อจงเหยียนพูดเรื่องสกุลชิงขึ้นมาแล้ว ข้าก็นึกอยากจะดูสักหน่อยว่าชิงหลานเด็กฝีปากกล้าคนนั้นทำงานเป็นอย่างไร?”
กว่าองค์ชายจะไปถึงก็จวนจะเที่ยงวันแล้ว เผยมู่ซีที่ตั้งอกตั้งใจจะขุนตนเองให้สมบูรณ์แข็งแรงก็รีบพักงานมานั่งกินเกี๊ยวนึ่งที่ซื้อมาจากตลาดเช้าอย่างมีความสุข เมื่อเช้าตอนที่มาถึงวัดนางก็นั่งกินซาลาเปาก่อนเริ่มงาน กินไปก็ยิ้มไปพลางนึกถึงชาติก่อนที่ตนเองมีอยู่มีกินอุดมสมบูรณ์แต่กลับมิค่อยใส่ใจกินนัก ซ้ำยังติโน่นตินี่อยู่บ่อยๆ จนท่านย่าต้องตำหนินางอยู่หลายคราว ชาตินี้กินอยู่ยากลำบากจึงได้รู้รสชาติว่าอาหารนั้นมีคุณค่าและอร่อยเพียงใดในยามขาดแคลน
“คุณหนู ท่านกินเช่นนี้อีกไม่กี่เดือนคงจะกลิ้งได้เป็นแน่!”
“แล้วเจ้าเล่าเสี่ยวลิ่ง? ระยะนี้รู้สึกว่าเจ้ากินน้อยไปหน่อยนะ”
เสี่ยวลิ่งทำตาโต “หากข้ากินมากกว่านี้ชุดที่ฮูหยินซื้อให้ก็คงจะคับไปหมดแล้วเจ้าค่ะ นี่ก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าเดิมที่เคยหลวมเริ่มแน่นขึ้นมาแล้วเป็นเพราะคุณหนูมีรายได้เข้าจวนทำให้ข้าได้กินมากขึ้น”
“ตกลงว่าที่ข้ามีรายได้เพิ่มขึ้นนี่ ดีหรือไม่ดีเล่า?”
“ดีสิเจ้าคะ ดีกว่าแต่ก่อนบางทีต้องอดมื้อกินมื้อ บางเดือนเนื้อสัตว์ก็แทบไม่เคยเห็น” สีหน้าของเสี่ยวลิ่งมีร่องรอยความเศร้าเจืออยู่เล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงความหลัง
“เอาเถิด บ่ายนี้เราไปแวะซื้อไก่สักตัวไปตุ๋นกินกันดีหรือไม่?”
***********************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)