เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก นิยาย บท 51

โจวหยุนนอนลงบนเตียงใหญ่ในโรงแรมแล้วถอนหายใจอย่างสบายใจ: “ทว่าเพื่อน ถึงเธอจะเกลียดเขาก็ตาม แต่อย่าแสดงออกให้มากเกินไปล่ะ ผู้ชายทุกคนมันก็หลายใจกันหมดนั่นแหละ เพราะยังไงเธอก็จะเข้าบริหารบริษัท และเซียวหรานก็เรียกได้ว่าเป็นราชาในโลกธุรกิจ ถ้าหากเขาตั้งใจที่จะก่อกวนเธอ มันจะเป็นอันตรายและไม่เป็นประโยชน์ต่อเธอเลยนะ“

เหลิงหยุนฉีรู้ว่าเธอคิดแบบนี้เพื่อตัวเองจริงๆ จึงโบกมือว่า: “ไม่ต้องกังวล ฉันรู้”

มิฉะนั้น เธอก็ไม่แม้แต่จะสนใจคำพูดของเซียวหรานหรอก

“โครก~ครากกก~~~~”

ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็ได้ยินเสียงท้องร้องขึ้น

เหลิงหยุนฉีเหลือบมองไปที่โจวหยุน แล้วได้ยินเธอร้อง “โอ้ย~” และพลิกตัวลุกขึ้นจากเตียง: “มัวแต่เมาท์กันจนฉันหิวจะตายอยู่แล้ว ไปไปไป ไปกินข้าวกันเถอะ!”

เหลิงหยุนฉีมองไปที่ท้องแบนๆของเธออย่างน่าเหลือเชื่อ

ถ้าฉันจำไม่ผิด คนๆนี้พึ่งทานอาหารเมื่อลงจากเครื่องบินแล้วนิ นี่มีระบบย่อยอาหารอย่างไรกันแน่? หรือเปิดบัฟเร่งความเร็วอยู่งั้นเหรอ?

เธอดูตัวเล็กมาก แล้วอาหารที่กินไปไหนหมดแล้วล่ะ?

“ไม่ต้องมองแล้ว ถึงจะดูยังไงฉันก็ไม่สูงขึ้นหรอก” เมื่อมองที่ตาของเหลิงหยุนฉี โจวหยุนก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าพอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอต่างหากที่ต้องเป็นคนเศร้าใจมากกว่า ทั้งๆที่อายุยี่สิบสองเหมือนกัน แต่ทำไมเหลิงหยุนฉีถึงสูงหนึ่งจุดเจ็ดเมตรและมีหุ่นแบบนางแบบ ส่วนตัวเองทั้งๆที่ก็ไม่ได้เป็นคนเลือกกินอะไร และยังดื่มนมทุกวัน แต่ก็หยุดสูงอยู่ที่หนึ่งจุดหกเมตร เธอก็อยากได้ขาที่ยาวเรียวเหมือนกันนนน!

“อยากกินอะไร” เมื่อเห็นว่าดวงตาของโจวหยุนเริ่มขุ่นเคืองมากขึ้นเรื่อยๆ เหลิงหยุนฉีจึงหันเหความสนใจของเธออย่างรวดเร็ว

เธอดึงคีย์การ์ดออกแล้วเปิดประตูห้องออกไป

“แน่นอนว่าก็ต้องกินหม้อไฟ!ไปกินฉวนกี้ที่หน้ามหาวิทยาลัยของพวกเรา! ถ้าเธอไม่พูดถึงมันก็ยังดี แต่เมื่อเธอพูดแล้ว ฉันก็อดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหลเลย” โจวหยุนกลืนน้ำลายของตัวเอง ซึ่งร้านนี้สุดยอดสุดๆไปเลย เจ้าของร้านเป็นคนผัดวัตถุดิบเอง ทำให้ความชาและรสเผ็ดเข้ากันอย่างลงตัว เมื่อเธอกลับเซี่ยงไฮ้ เธอก็มักที่จะนึกถึงมันเสมอ ทว่าน่าเสียดายที่ไม่พบร้านหม้อไฟอื่นที่สามารถเทียบกับร้านนี้ได้เลย

เหลิงหยุนฉีอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ที่เธอเพิ่งพูดถึงร้านหม้อไฟในเมืองมหาวิทยาลัยนั่น ก็ไม่ใช่เพื่อเบี่ยงเบนเซียวหรานไม่ใช่หรอ!

อยากกินก็พูดไปสิ แล้วมาโทษเธออีก

ทว่าก็จริงอยู่ที่พื้นที่บริเวณนี้ มีอุตสาหกรรมของเซียวหรานอยู่มากมาย ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอกันหรือเปล่า ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความโชคร้ายนี้ จึงไม่ที่แถวมหาลัยดีกว่า

ทั้งสองขับรถไปที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวง ซึ่งในหัวสมองคิดถึงแต่เรื่องหม้อไฟสูตรดั้งเดิมที่เผ็ดๆ

และในขณะเดียวกัน เซียวหรานที่อยู่ในห้องส่วนตัว ก็กำลังโทหาสายหนึ่ง

ที่โรงพยาบาลเมืองหลวง หมอจางพึ่งทำการผ่าตัดเคสเนื้องอกในสมองเสร็จ มันเป็นเคสผ่าตัดที่ต้องใช้เวลานานถึงสี่ชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่แค่ทดสอบการใช้สมาธิระดับสูงเท่านั้น ร่ายกายก็เหนื่อยล้ามากเลย และตอนที่เขากำลังนวดขมับนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเห็นการแจ้งเตือนการโทรแล้ว เขาก็ตกใจเล็กน้อยและรีบรับสาทันที:

ยิ่งกว่านั้นทำไมทุกคนต้องจ้องไปที่เวชระเบียนของเหลิงหยุนฉีด้วย?

แม้แต่คนอย่างเซียวหรานที่เย็นชาและไร้ความปรานี ก็ยังให้ความสนใจกับสิ่งนี้!

เขาไม่เข้าใจเลย ทว่าเซียวหรานได้เดาเหตุผลของเบื้องหลังเรื่องนี้ได้แล้ว

เขาไม่พูดอะไรต่อ แค่วางสายแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาค่อยๆจุดไฟอย่างช้าๆ

ในห้องส่วนตัวนั้น ทุกคนตกใจจนหน้าซีด และตกอยู่ในความเงียบ!

ควันพวยพุ่งขึ้น ทำให้สีหน้าของเซียวหรานยากที่จะมองเห็น……

โรงพยาบาลเมืองหลวงนั้นแตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไป ตำแหน่งของคณบดีไม่ใช่แค่บุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งดูจากมุมมองของระบบทางการแพทย์แล้ว ยศคณบดีไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถเข้าถึงได้

ท่านเหลิงยังคงประชุมอยู่ทางตอนใต้ ส่วนพ่อของเหลิงหยุนฉีก็ไปทำธุรที่ต่างประเทศ ดั้งนั้นคนที่จะสามารถให้คณบดีโอนเวชระเบียนของเหลิงหยุนฉีได้นั้น มองไปรอบๆเมืองหลวงแล้วคนที่มีภูมิหลังและมีความเป็นไปได้นี้……

ก็มีแต่คุณชายเฉียวเท่านั้น!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก