เซวียหลิงเห็นเขาปิดประตูเดินเข้ามา หยุดชะงักปากกาในมือ เทน้ำร้อนแก้วหนึ่งให้เขา และเปิดฮีตเตอร์
เฉิงเทียนหยวนดื่มน้ำร้อน เป่าลมร้อนอยู่ แต่คิ้วเขาก็ยังขมวดแน่น
เซวียหลิงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ยังไม่มีข่าวเหรอ? แม่หลินชงยังไม่กลับมา?”
ไม่ต้องถามเลย เขาไปบ้านหลินชงมาแน่นอน
เฉิงเทียนหยวนส่ายหน้า แล้วพูดเสียงเข้ม “ในบ้านยังมืดอยู่ ฉันรอนอกบ้านตั้งนาน แล้วมีคนแถวนั้นเปิดประตูออกมาทิ้งขยะ ฉันเลยเข้าไปคุยด้วย เอาบุหรี่ให้เขา แล้วถามเกี่ยวกับเบาะแส”
เซวียหลิงถามด้วยความสงสัย “ว่าไงบ้าง?”
เฉิงเทียนหยวนตอบ “ที่แท้หลินชงมันเป็นหนี้ เหมือนจะไม่น้อยด้วย ก่อนหน้านี้มีคนมาทวงหนี้ถึงบ้าน แม่เขาตกใจกลัว รีบเก็บกระเป๋าเดินทางหนีไปบ้านครอบครัวตัวเองที่ชนบท เธอคงไม่กลับมาชั่วคราว”
เซวียหลิงรู้ว่าไอ้บ้านั่นไม่มีเรื่องอะไรดีๆ หรอก กลอกตาแล้ว พูดตัดสินไม่ออก
เฉิงเทียนหยวนพูดต่อ “เพื่อนบ้านคนนั้นบอกว่า ไม่กี่วันก่อนได้ยินว่าแม่หลินชงอยากขายบ้าน บอกว่าลูกชายให้ทำแบบนี้”
เซวียหลิงฟังออกทันที แล้วพูดขึ้น “ที่แท้หลินชงก็ติดต่อแม่เขาอยู่ตลอด”
“ใช่” เฉิงเทียนหยวนพูดเสียงเข้ม “ฉันสอบถามเพื่อนบ้านคนนั้นว่าบ้านครอบครัวเธออยู่ที่ไหน เสียดายที่เขาไม่รู้ แต่ไหนๆ เธอจะขายบ้าน อีกไม่นานก็คงกลับอำเภอหรงหวาแหละ”
เซวียหลิงพยักหน้า แล้วพูดขึ้น “พี่ไปบ่อยๆ เดี๋ยวก็เจอ”
เฉิงเทียนหยวนพูดขึ้น “พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงาน ฉันจะกลับบ้านเก่าที่หมู่บ้านตระกูลเฉิงก่อน พ่อแม่ไม่อยู่บ้านจะเดือนหนึ่งแล้ว ต้องไปดูหน่อย เอารูปอาฟางไปส่งให้พ่อตาด้วย”
เซวียหลิงตอบตกลง แล้วเอ่ยเตือน “พี่ซื้อลูกอมกับขนมเค้กกลับไปหน่อย ให้ชาวบ้านละแวกนั้น บอกข่าวดีว่าพ่อใส่แขนเทียมกับพวกเขาก่อน แล้วขอให้พวกเขาช่วยเราดูลานบ้านหน่อย”
“เธอคิดรอบคอบตลอดเลย” เฉิงเทียนหยวนพยักหน้าตอบตกลง
……
เช้าวันต่อมา เฉิงเทียนหยวนออกไปซื้อเนื้อและผัก จัดอาหารยาของชายชราให้เหมาะสม กำชับหลิวอิงอย่างละเอียดว่าควรดูเตาไฟยังไง ต้มเสร็จแล้วกินเมื่อไร จากนั้นก็กลับไปที่หมู่บ้านตระกูลเฉิง
ไม่กี่วันมานี้อากาศปลอดโปร่ง รถก็กลับมาขับอีกครั้ง
หนึ่งชั่วโมงกว่าต่อมา เขาก็มาถึงหมู่บ้านตระกูลเฉิง กลับบ้านก่อน เห็นประตูปิดเป็นอย่างดี ในบ้านไม่ค่อยสกปรก จัดเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกที่
เขาไปที่เตียงเล็กเฉิงเทียนฟาง เห็นรูปเธอที่แปะบนหัวเตียงทันที แล้วดึงมันออกมาเบาๆ
เด็กผู้ใหญ่สวมเสื้อนวมลายดอกไม้ในรูป ถักเปียหนาสองเปีย ใบหน้าอวบแดงหน่อยๆ กำลังยิ้มให้กล้อง หน้าตาดูทึ่มเล็กน้อย
เฉิงเทียนหยวนเก็บรูปภาพด้วยใบหน้าสุขุม
เดิมทีที่บ้านมีไก่นิดหน่อย ตอนหลิวอิงเข้าเมือง ก็กำชับลุงชางให้ช่วยเลี้ยง ในลานบ้านจึงเงียบสงบ
พวกเพื่อนบ้านเห็นเขาอย่างรวดเร็ว นึกว่าครอบครัวพวกเขากลับมาแล้ว จึงมาพูดคุยกันเรื่องความหลัง
“ว่าไงนะ?! ใส่อะไร? มันคืออะไร?”
“มีแขนแล้ว เหมือนของจริงมาก? พระเจ้า! มันต้องแพงแน่เลยใช่ไหม? ห้าร้อยหยวนใช่ไหม?”
“ดีจัง! ต่อไปมู่ไห่ทำงานเยอะๆ ได้แล้ว!”
“อาหยวน พวกเธอคิดได้ไง? ไปถึงโรงพยาบาลใหญ่ในอำเภอเมือง! ไม่ง่ายเลยนะ! ไม่ง่าย!”
เฉิงเทียนหยวนยิ้มแล้วอธิบาย “ภรรยาผมเป็นคนคิดครับ และเธอก็พาเราไป ที่นั่นบังเอิญมีคุณลุงที่เป็นญาติกัน ช่วยเราเตรียมทุกอย่างหมดเลย พ่อตากับแม่ยายผมก็นั่งเครื่องบินมาช่วยดูแล ครั้งนี้ราบรื่นมาก เมื่อวานเพิ่งกลับอำเภอ”
“ว้าว! ดีจังนะ! ฉันบอกแล้วไง! ภรรยาอาหยวนแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นคนกตัญญู มีโชคแล้ว!”
“นั่นสิๆ! ภรรยาที่มาจากเมืองใหญ่นั้นแตกต่าง! แม้แต่พ่อแม่ก็ดีขนาดนั้น นั่งเครื่องบินมาได้ด้วยอ่ะ! สุดยอดไปเลย!”
เฉิงเทียนหยวนแบ่งขนมหวานกับขนมเค้กให้พวกเขา แล้วพูดขึ้น “นี่ขนมที่ภรรยาให้ผมเอามาให้ทุกคน พ่อแม่ผมต้องอยู่ในเมืองช่วงหน้าหนาว ช่วงนี้รบกวนทุกคนช่วยเราดูแลลานบ้านหน่อยนะครับ”
“เสี่ยวเซวียสุภาพจริง! ขอบคุณนะ!”
เฉิงเทียนหยวนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพเหตุการณ์ภรรยาตัวน้อยที่เพิ่งแต่งงานใหม่ห้ามไม่ให้ขายที่ก่อนหน้านี้ ก็หัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้
ถ้าตอนนั้นเขาขายที่ดินรกร้างไปจริงๆ มากสุดก็แลกได้เป็นเงินสามสี่ร้อยหยวน บางทีอาจจะไม่มีใครต้องการ
ยังไงที่ดินตรงทางเข้าหมู่บ้านก็เทียบไม่ได้กับที่ดินหน้าประตูบ้าน ที่ดินหน้าประตูสามารถทำเกษตรกรรมได้ เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส คุณภาพดินก็โอเค
ดังนั้นครอบครัวเฉิงเปียวเลยคะยั้นคะยอให้เขาขายที่ดินหน้าประตู ไม่สนใจที่ดินรกร้างตรงทางเข้าหมู่บ้านเลยสักนิด
ผู้ใหญ่บ้านก็หัวเราะแหะๆ แล้วพูดขึ้น “รอเบื้องบนยืนยันก่อน ฉันจะบอกนายอีกที”
เฉิงเทียนหยวนรีบกล่าวขอบคุณ
ผู้ใหญ่บ้านมองไปรอบๆ แล้วพูดเสียงทุ้ม “เฉิงเปียวในตระกูลพวกนาย ไม่กี่ปีก่อนชีวิตดีมากไม่ใช่เหรอ? เอาที่ดินบ้านตัวเองขุดเป็นบ่อปลา เลี้ยงปลาอะไรสักอย่าง ปีหนึ่งทำงานได้หลายร้อยหยวน แต่ตอนนี้โชคไม่เข้าข้างแล้ว เขาเคราะห์ร้ายมาสักพักแล้ว!”
เฉิงเทียนหยวนขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้าทำเสียงฮึดฮัด แล้วพูดขึ้น “เขาติดการพนัน ภรรยาที่บ้านก็ชอบการพนัน บ่อปลาไม่ดูแล ออกไปเล่นการพนัน พนันสิบครั้งแพ้เก้าครั้ง! ไม่นานก็แพ้จนหมดตัว ได้ยินว่าภรรยาเขาติดหนี้ด้วย ปีนี้ฤดูใบไม้ร่วงมีฝนน้อย ฤดูหนาวก็มีหิมะนิดหน่อย น้ำในบ่อปลาไม่พอเลย พวกเขาก็ไม่ได้ไปเหยียบกังหันน้ำ บ่อปลาน้ำแห้งขอดหมดแล้ว”
เฉิงเทียนหยวนพยักหน้าเรียบๆ ไม่ได้ตัดสินอะไร
เขาไม่มีความประทับใจที่ดีกับเฉิงเปียวเลย พวกเขาสองสามีภรรยารนหาที่เอง กล่าวโทษคนอื่นไม่ได้หรอก
ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้าอย่างเหยียดหยาม “ขี้เกียจมากก็ช่างเถอะ ยังจะไปเล่นการพนันอีก คอยดูความน่าสมเพชได้เลย! บ่อปลาเหล่านั้นของพวกเขาขุดไม่ลึก ขุดตื้นมาก ตอนแรกมีสิบกว่าไร่ ต่อมาซื้อที่ดินแถวๆ นั้นไปขุดเพิ่ม รวมทั้งหมดมีหลายสิบกว่าไร่ ถ้าตั้งใจทำงาน ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะไม่รวยไม่มั่งคั่ง! แต่ดันไปชอบเล่นการพนัน!”
เฉิงเทียนหยวนครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วถามขึ้น “แล้วตอนนี้พวกเขายังทำบ่อปลาอยู่ไหมครับ? ฤดูหนาวไม่มีแหล่งน้ำ”
ผู้ใหญ่บ้านตอบ “ได้ยินว่าพวกเขากำลังรีบขายบ่อปลา แต่ใครจะยอมรับช่วงต่อล่ะ? ฤดูหนาวไม่มีน้ำ ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็ไม่รู้จะเป็นยังไง แล้วพวกเขาบอกอีกว่า ซื้อบ่อปลาทีละบ่อไม่ได้ ต้องซื้ออย่างน้อยสิบบ่อขึ้นไป ใครจะไปมีเงินมากขนาดนั้น! ไม่ต้องใช้ชีวิตในฤดูหนาว ไม่ต้องฉลองปีใหม่หรือไง?”
เฉิงเทียนหยวนนึกถึงภรรยาตัวน้อยของเขาที่ชอบซื้อที่ดิน จึงโพล่งปากถามขึ้น “บ่อปลาบ่อหนึ่งใหญ่แค่ไหน? บ่อละเท่าไรครับ?”
ผู้ใหญ่บ้านเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี ตอบว่า “หนึ่งบ่อประมาณหนึ่งไร่ หนึ่งบ่อราคาห้าสิบหยวน! ถ้าไม่มีน้ำ มันก็เป็นที่ดินรกร้าง——แพงโคตร!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง