บัดนี้เซวียหลิงซึ่งได้รับคำชมยกย่องว่ายอดเยี่ยมกำลังนั่งอยู่ข้างหน้าโต๊ะตัวเก่าเร่งทำงานแปลอย่างหนักหน่วง
เฉิงเทียนหยวนถือบะหมี่สองชามเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าเธอพยายามทำงานอย่างเคร่งขรึมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นทุกข์ใจเล็กน้อย
"ที่รักครับ กินข้าวเถอะ"
เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะหุงข้าว แต่เมื่ออาหมินและลูกพี่ลูกน้องของเขาอยู่ในห้องครัวเป็นเวลาเนิ่นนาน กินเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงจึงทำไม่ทัน โชคดีที่เธอซื้อผักเอาไว้ไม่น้อย เขาจึงได้ตัดสินใจล้างมือแล้วทำบะหมี่ พร้อมทั้งทอดไข่อีกสี่ฟอง
เซวียหลิงเปิดหนังสือหน้าหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า "ค่ะ เดี๋ยวฉันลงไปกิน"
เฉิงเทียนหยวนยิ้มขึ้นเล็กน้อย แววตาแฝงไปด้วยความรัก เขาวางบะหมี่ลงไปตรงหน้าเธอ
"ฉันยกขึ้นมาให้แล้วล่ะ กินที่นี่แหละครับ ฉันรู้ว่าคืนนี้เธอคงจะยุ่งอยู่กับการทำงานเสริม จึงได้ยกขึ้นมาให้เธอ"
เซวียหลิงดีใจแล้วยิ้มขึ้นพูดว่า "ขอบคุณค่ะ" ก่อนจะหันไปทางห้องน้ำเพื่อล้างมือ
เฉิงเทียนหยวนมองไปยังกระดาษหนาตรงหน้าเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า "พวกนี้เธอทำมันได้โดยใช้เวลาแค่สองสามวันเองเหรอ? เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเธอเพิ่งจะส่งงานแปลไปเองไม่ใช่หรือไง? เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่วันเธอแปลได้เยอะขนาดนี้เชียว? อย่าได้ฝืนเกินไปเลย"
เซวียหลิงล้างมือเสร็จเธอเดินกลับมาพลางเช็ดมือให้แห้ง
"เรื่องของการแปลตอนแรกเริ่มมันก็จะยากนิดหนึ่งค่ะ เหมือนกับงานอื่นๆ หากทำไปเรื่อยๆ ฝึกฝนมากขึ้นก็จะมีความคล่องแคล่วมากขึ้น ครั้งนี้เจียเสวี่ยได้ส่งหนังสือมาให้ฉันเล่นหนึ่ง หนังสือเล่มนี้ฉันใช้เวลาตอนพักกลางวันอ่านจนจบแล้ว"
เธอเอื้อมมือไปรับบะหมี่เอาไว้และนั่งลงตรงข้างหน้าโต๊ะทำงาน
"หนังสือฉันอ่านจนจบแล้วจึงพอจะเข้าใจเนื้อหา ตอนแปลก็ไม่ยากมาก อีกอย่างหนังสือเล่มนี้เนื้อหาโดยมากล้วนเป็นบทสนทนา เวลาแปลค่อนข้างจะง่าย เพียงแค่สองวันนี้ฉันพยายามเร่งแปลสักหน่อย คาดว่าไม่กี่วันก็คงจะสามารถแปลได้สักสามหมื่นตัว"
หนึ่งพันตัวได้ค่าจ้าง 20 หยวน เมื่อครั้งก่อนที่เธอแปลไปสามหมื่นตัวได้เงินค่าแปลมาหกร้อยกว่าหยวน และหกร้อยนั้นเธอเก็บมันเอาไว้ เพียงแค่หาอีกหกร้อยหยวนก็คาดว่าน่าจะพอ
เงินเดือนร้อยกว่าหยวนของเธอได้ใช้มันซื้อจักรยานไปแล้ว ที่เหลืออยู่สิบกว่าหยวนคาดว่าจะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในเดือนนี้
นี่เป็นโอกาสดีในการหาเงิน หากจะต้องต่อกัดฟันสู้ก็ต้องสู้ดูสักหน่อย จะให้สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้ไม่ได้
เฉิงเทียนหยวนชะงักลงแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย "เธอจะทำเสร็จเหรอ? เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเราเพิ่งกลับบ้านตอนเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ สองวันนี้เธอก็ยุ่งอยู่กับการดูแลผม เธอทำไปได้กี่ตัวแล้ว?"
เซวียหลิงกินบะหมี่เข้าไปคำโตแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ทำได้ประมาณหนึ่งหมื่นกว่าตัวแล้วล่ะค่ะ สองวันมานี้ตอนกลางคืนฉันก็ทำทุกคืน เมื่อวานนี้ตอนทำงานก็พอมีเวลานิดหน่อย ฉันทำได้ไม่น้อยทีเดียว"
"แต่ก็ยังเหลืออีกหนึ่งหมื่นกว่าตัว" เฉิงเทียนหยวนอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลเล็กน้อย
เซวียหลิงยิ้มขึ้น "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มะรืนนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ฉันมีเวลามากพอ"
สองวันนี้เธอจะต้องใช้เวลาในการพยายามทำอย่างรวดเร็ว จากนั้นรีบโทรศัพท์ไปเร่งเซียวเจียเสวี่ยเพื่อนของเธอให้ส่งเงินมาอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากว่าเวลาไม่ทันละก็ เธอตั้งใจจะโทรศัพท์ไปหาพ่อที่เมืองหลวงเพื่อยืมเงินเขาส่งมาให้เธอก่อน
เธอไม่ใช่คนที่จะทำอะไรตามอำเภอใจ หากว่าไม่มีความมั่นใจเพียงพอเธอก็จะไม่ตอบรับยืนยันอย่างแน่นอน
เฉิงเทียนหยวนไม่กล้าจะทำให้เธอเสียเวลามากกว่านี้จึงพูดด้วยความอบอุ่นว่า "เอาล่ะครับ ถ้าบะหมี่มันเย็นชืดคงจะไม่อร่อย รีบกินเถอะ"
เซวียหลิงตอบรับแล้วพยักหน้าก่อนจะรีบกินมันเข้าไปคำโต
"ไข่นี่อร่อยจังเลยค่ะ ไข่แดงทอดจนเป็นสีน้ำตาลทอง มองแล้วน่ากินจังเลย"
เฉิงเทียนหยวนยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า "รีบกินเถอะครับ"
หลังจากที่เซวียหลิงกินเสร็จแล้วเธอก็รีบทำงานในทันที
เฉิงเทียนหยวนนำจานชามลงไปเก็บให้เธอแล้วล้างจานจนสะอาดสะอ้าน ก่อนจะต้มน้ำร้อนแล้วเทใส่กระติกน้ำร้อน
เดิมทีในบ้านมีกระติกเก็บความร้อนอยู่อันหนึ่ง หญิงชราบอกว่าซื้อไว้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
เฉิงเทียนหยวนใช้น้ำร้อนลวกมันอยู่หลายครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้ก็พอใช้
ต่อมาเขาจึงได้ซื้อเพิ่มอีกสองอัน อันหนึ่งสำหรับใส่น้ำร้อนดื่ม อีกอันหนึ่งใส่น้ำร้อนนำขึ้นไปชั้นบนสำหรับอาบ กระติกน้ำร้อนอันเก่านั้นก็ใช้สำหรับนำน้ำร้อนขึ้นไปอาบชั้นบนด้วยเช่นกัน
ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นลงเรื่อยๆ เช่นนี้ น้ำร้อนเพียงแค่กระติกเดียวสำหรับเขาก็ยังพอ แต่สำหรับเซวียหลิงอาจจะดูน้อยเกินไป
ได้ยินมาว่าเวลาอากาศหนาวผู้หญิงไม่ควรจะสัมผัสน้ำเย็น ดังนั้นเขาจึงได้ต้มน้ำร้อนมาให้เธออาบมากกว่าเดิม
ต่อมาจึงพบว่าเฉิงเทียนหยวน นำชามเล็กๆ สองชามเดินถือเข้ามาอย่างระมัดระวัง
"มากินมื้อดึกหน่อยเถอะครับ"
เซวียหลิงยิ้มถามด้วยความประหลาดใจว่า "อะไรกันคะ?"
เฉิงเทียนหยวนยิ้มอย่างเขินอายแล้วอธิบายว่า "ที่บ้านไม่มีอะไรน่ากินหลงเหลืออยู่เลย ฉันจึงได้ทำบัวลอยเล็กๆ น้อยๆ แล้วยกขึ้นมาให้เธอ อากาศหนาว เธอควรจะดื่มน้ำซุปร้อนหวานๆ จะได้นอนหลับไปพร้อมร่างกายอันอบอุ่น อย่านอนให้ดึกมากนักล่ะครับ"
เซวียหลิงรับซุปหวานถ้วยนั้นไปด้วยหัวใจอันอบอุ่น บัวลอยมีขนาดเล็กมาก ข้างในไม่มีไส้อะไรเลย เคี้ยวหนึบ หวานแต่ไม่เลี่ยน มันอร่อยมากจริงๆ
เมื่อชาติก่อนเธอมักจะทำงานจนดึกดื่นและนอนหลับอยู่ที่บริษัท บางครั้งเธอก็นอนไม่ถึงสามชั่วโมง กลางค่ำกลางคืนเธอหิวจนทนไม่ไหว ดังนั้นจึงได้กินขนมปังกรอบสองสามแผ่นแล้วทำงานต่อ
ปัจจุบันนี้เธอทำงานเสริม ที่ด้านนอกมีน้ำอุ่นให้ดื่มตลอดเวลา หลังจากตื่นขึ้นมาก็มีอาหารเช้าร้อนๆ ให้เธอกิน
ตอนนี้แม้แต่มื้อดึกก็ยังมี มันไม่ใช่ขนมปังกรอบกับน้ำเย็นๆ แต่เป็นบัวลอยอันอบอุ่นหอมหวาน
ช่วงชีวิตที่มีคนคอยใส่ใจดูแลแม้จะเหนื่อยไปเล็กน้อยแต่ก็อบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน
ความรู้สึกแบบนี้ มันดีจริงๆ
......
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย เฉิงเทียนหยวนก็ลุกขึ้นต้มน้ำร้อนสำหรับทำอาหารเช้า
เมื่อเซวียหลิงเห็นว่าเขาเดินได้อย่างเป็นปกติแล้วจึงได้วางใจปล่อยให้เขาไปทำงาน
เฉิงเทียนหยวนขี่จักรยานไปส่งเธอที่ประตูสำนักงาน จากนั้นจึงได้ไปที่สหกรณ์
เซวียหลิงเดินทางมาถึงสำนักงานก่อนเวลา ก่อนที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ จะมาถึง เธอได้รีบหยิบเอกสารออกมาแปล
ต่อมาเมื่อเพื่อนร่วมงานคนอื่นเดินทางกันมาถึงแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่างานในมือเธอนั้นไม่ใช่งานที่นี่ เธอจึงได้ทำมันต่อไปอย่างกล้าหาญ
ในตอนกลางวันเธอได้นำเนื้อหาคอลัมน์ใหม่เมื่อวานนี้ที่ทำเสร็จไปให้บ.ก.ใหญ่หลิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง