เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง นิยาย บท 59

บ.ก.ใหญ่หลินรู้ดีว่าเธอมักจะส่งต้นฉบับล่วงหน้าเสมอ ดังนั้นจึงตรวจสอบด้วยความพึงพอใจแล้วเอ่ยถามสองสามประโยค ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยและอนุมัติ

"เสี่ยวเซวีย ภาษาอังกฤษพวกนี้ฉันอ่านไม่ออกหรอก อย่างมากสุดฉันก็ตรวจเพียงแค่รูปแบบและภาษาจีน ในส่วนของภาษาอังกฤษนั้นเธอคงต้องตรวจสอบด้วยตนเองแล้วนะ"

เนื่องจากเรื่องระหว่างหลิวซินกับรองผอ.เจินเมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้อำนวยการจึงได้เรียกทุกคนไปประชุมอยู่หลายครั้งหลายครา และให้ทุกคนตรวจสอบอย่างเคร่งครัดเพื่อจะไม่ได้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีก

เซวียหลิงพยักหน้าพูดว่า "เดี๋ยวฉันจะไปตรวจสอบดูอีกสักสองรอบค่ะ"

บ.ก.ใหญ่หลินยิ้มขึ้นด้วยท่าทางดีใจพูดว่า "ฉันวางใจได้แล้ว เราล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักหนังสือพิมพ์ ความถูกต้องนั้นคือสิ่งเข้มงวดและสำคัญ"

"ฉันเข้าใจแล้วค่ะ"เซวียหลิงยิ้มตอบรับ

บ.ก.ใหญ่หลินยิ้มขึ้นด้วยความพอใจ ก่อนจะหยิบลูกอมออกมาสองเม็ดจากลิ้นชักโต๊ะทำงานแล้วยื่นให้เธอ

"ญาติของฉันซื้อมาฝากฉันตอนที่เขาไปต่างประเทศ ถุงหนึ่งมีไม่มากเท่าไรนัก ทำได้เพียงแค่ให้เธอลองชิมดูสักสองเม็ด"

เซวียหลิงเขินอายและไม่กล้ารับมันมา เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "คุณหลินคะ ที่บ้านของคุณยังมีลูกๆ อีกตั้งหลายคน เอาไว้ให้เด็กๆ กินเถอะค่ะ ฉันเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ฉันไม่กินลูกอมหรอก"

"พูดอะไรกัน" บ.ก.ใหญ่หลิน หัวเราะขึ้นพูดว่า "พี่เห็นเราว่านอนสอนง่ายเป็นเด็กดีจึงได้แอบขโมยมาให้ เด็กๆ ที่บ้านทุกคนล้วนมีเก็บไว้กิน จะไม่เก็บไว้ให้พวกเขาได้อย่างไรเล่า วางใจเถอะ เอาไปลองกินดู"

เซวียหลิงเห็นถึงความตั้งใจอันใจดี เธอจึงทำได้เพียงรับมันเอาไว้แล้วใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงไนลอน

"ขอบคุณพี่หลินมากเลยค่ะ"

บ.ก.ใหญ่หลินขยิบตาให้เธอแล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "ไปเถอะ ไปกินข้าวกัน"

เซวียหลิงตอบรับ จากนั้นรีบเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนจะกลับมาที่โต๊ะทำงานแล้วแปลงานต่อไป

เพื่อนร่วมงานบางคนกำลังสนทนากันอยู่ที่โรงอาหาร บางคนก็กำลังหาที่สำหรับแอบงีบหลับตอนกลางวัน

จนกระทั่งทุกคนเดินทางกลับมาเริ่มทำงานต่อ เซวียหลิงจึงได้เก็บเอกสารงานแปลลงอย่างเงียบๆ แล้วเดินไปที่มุมห้องรินน้ำมาแก้วหนึ่งมาชงชาดื่ม

ในห้องทำงานมีกาต้มน้ำอยู่เกือบโหล คุณป้าในห้องครัวจะมาเอากระติกน้ำเปล่าไปใส่น้ำทุกหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าน้ำร้อนจะหมด

เมื่อตอนเทศกาลไหว้พระจันทร์ ผอ.หลิวได้ให้ฝ่ายบัญชีไปซื้อชามาสองห่อ เวลาที่ทุกคนง่วงเหงาหาวนอนสามารถไปชงดื่มได้ และบอกว่าให้ทุกคนดื่มอย่างประหยัด อย่าได้ดื่มหมดเพียงแค่ไม่กี่วัน

เซวียหลิงรู้ดีว่าในยุคนี้ใบชายังคงเป็นสิ่งที่ขาดแคลน ครอบครัวส่วนมากไม่สามารถดื่มชาดีได้ ดังนั้นจึงเข้าใจในคำบอกใบ้ของบ.ก.ใหญ่หลิน หลายวันมานี้เธอจึงไม่ได้ดื่มมันเลย

แต่ตอนกลางวันเธอไม่ได้พักผ่อน การแปลต้องใช้สมาธิอย่างมาก เธอจึงหยิบมันมาเล็กน้อยแล้วใส่ไปในแก้ว ก่อนจะรินน้ำร้อนเข้าไปเต็มแก้ว

"เสี่ยวเซวีย ดื่มชาอีกแล้วเหรอ?" น้ำเสียงหนึ่งดังขึ้น ฟังไปไม่ค่อยอบอุ่นนัก

เซวียหลิงสะดุ้งตกใจหันหลังไปมอง พบใบหน้าอันมืดมนของสาวแก่ใจโหดแฝงไปด้วยรอยยิ้มจางๆ

ในเวลานั้นทุกคนกลับมากันหมดเพราะยังไม่ทันได้นั่งลง ประกอบกับพวกเขากำลังสนทนากันเรื่อยเปื่อย เมื่อรองผอ.เจินพูดส่งเสียงดังขึ้นเช่นนั้น ทุกคนจึงหันมามองเธอ

หืม?!

เซวียหลิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรเธอก็เคยผ่านเหตุการณ์ใหญ่โตที่มีผู้คนมากมายมาก่อน ในไม่ช้าเธอก็สงบลงแล้ววางกระติกน้ำร้อนอย่างช้าๆ

จากนั้นเธอก็ยิ้มขึ้นพูดว่า "ฉันชงชาดื่มนิดหน่อยน่ะค่ะ พอดีว่ารู้สึกง่วง ฉันเพิ่งจะดื่มเป็นครั้งแรกยังไม่รู้หรอกว่ารสชาติเป็นอย่างไร รองผอ.เจินจะลองดื่มสักแก้วไหมคะ?"

สาวแก่ใจโหดจ้องมองเธอ ก่อนจะใช้น้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของหล่อนเอ่ยสวนขึ้นทันทีว่า

"แม้ว่าชาจะเอาวางไว้ตรงนี้เพื่อให้ทุกคนได้กินได้ดื่ม แต่ก็จะสิ้นเปลืองไม่ได้ ตามปกติและเวลากินก็ควรใส่มันในปริมาณน้อย เหลือไว้ให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นได้กินบ้างเข้าใจไหม?"

เซวียหลิงได้แต่แอบด่าอยู่ในใจ ใบหน้าของเธอตอบสนองน้อมรับแล้วยกแก้วน้ำชาเดินจากไปทันที

รองผอ.เจินก้มศีรษะลงมองดูหนังสือในมือของเธอ

"เซวียหลิงนี่คืออะไร? เธอยุ่งกับหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้ได้ทั้งวี่ทั้งวันทำอะไรกันอยู่ หรือว่าเกี่ยวกับคอลัมน์ภาษาอังกฤษของเธอ?"

น้ำเสียงของเธอดูสงสัย ความหมายแอบแฝงนั้นช่างชัดเจนเหลือเกิน เธอกำลังสงสัยว่าเซวียหลิงละเลยต่อหน้าที่ของตนเองและทำเรื่องไร้สาระอยู่

ในไม่ช้าเซวียหลิงก็ผ่อนคลายความกังวลลงแล้วยิ้มขึ้นเล็กน้อย

"ใช่ค่ะ หนังสือเล่มนี้เกี่ยวข้องกับคอลัมน์ภาษาอังกฤษของฉัน คอลัมน์ในอาทิตย์หน้าฉันตั้งใจจะทำเป็นบทสนทนาภาษาอังกฤษ สอนการใช้วิธีถ่ายทอดความรู้สึก เมื่อคำภาษาอังกฤษเหล่านี้นำมารวมกันจะต้องแปลตามบริบท ไม่สามารถแยกออกจากการตามสภาพแวดล้อมบทสนทนาได้"

รองผอ.เจินไม่เข้าใจ เธอฟังแล้วพยักหน้ากะพริบตาตอบรับ

"หนังสือเล่มนี้มาจากไหน สำนักหนังสือพิมพ์ของเราดูเหมือนจะมีแค่พจนานุกรมไม่ใช่หรือ?"

เซวียหลิงยิ้มขึ้นแหะๆ แล้วอธิบายว่า "ฉันยืมมาจากเพื่อนของฉันน่ะค่ะ สำนักหนังสือพิมพ์ของเรามีหนังสือไม่กี่เล่ม และโดยมากก็เป็นพจนานุกรมเท่านั้น ฉันต้องหาเอกสารอื่นเพิ่มเติม ไม่อย่างนั้นก็จะคงเป็นรูปแบบเดิม คนอ่านคงจะรู้สึกเบื่อแน่"

รองผอ.เจินตอบรับว่าอืมเบาๆ จากนั้นเธอก็แสดงบทบาทสั่งสอนผู้อื่นออกมาอีกครั้ง

"พจนานุกรมไม่ดีตรงไหน? ถ้าไม่มีพจนานุกรมใครจะเรียนภาษาอังกฤษได้ล่ะ? คอลัมน์ของเธอมันเป็นแค่คอลัมน์เล็กๆ จะใช้ทรัพยากรจำนวนมากมาสนับสนุนคอลัมน์เล็กๆ อย่างนี้ได้ยังไง เธอควรเรียนรู้วิธีการใช้ให้ยืดหยุ่นกว่าเดิม"

"ค่ะๆ " เซวียหลิงโบกหนังสือในมือยิ้มขึ้นและพูดว่า "หนังสือเล่มนี้ฉันยืมมา ไม่ต้องใช้เงิน เพื่อนของฉันมีหนังสือต่างประเทศมากมาย ต่อจากนี้ฉันก็คงจะยืมเธอมาใช้ รับประกันได้ว่าไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรเงินทอง"

สาวแก่ใจโหดพยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนจะเดินไปตรวจงานคนอื่นต่อ

เซวียหลิงได้แต่แอบถอนหายใจออกมาแล้วเธอแปลเอกสารของเธอต่อไป

โชคดีเหลือเกิน ในสำนักหนังสือพิมพ์มีเธอคนเดียวที่มีอ่านภาษาอังกฤษออกจึงไม่ถูกจับได้......เธออยู่จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน ยังมีเพื่อนร่วมงานสี่คนกำลังเร่งส่งต้นฉบับอยู่ เธอจึงโบกมือลาพวกเขาแล้วเก็บของเดินออกจากสำนักหนังสือพิมพ์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง