ตอนที่เธอเดินออกมาจากสำนักหนังสือพิมพ์ ท้องฟ้ายังไม่มืดลง
เฉิงเทียนหยวนเลิกงานช้ากว่าเธอเล็กน้อย ในบางครั้งคุณหวางเจ้านายอ้วนของเขาก็รั้งเขาเอาไว้ก่อนจะให้เดินทางกลับ ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงกำชับกับเซวียหลิงเอาไว้ล่วงหน้าให้เธออยู่ที่สำนักงานก่อนสักพัก อย่าได้ออกมาให้ลมหนาวพัดเป็นหวัดเอา
หลังเทศกาลไหว้พระจันทร์ผ่านพ้นไปแล้วอากาศก็จะเย็นลง โดยเฉพาะตอนเย็น เมื่อลมหนาวพัดมาเป็นระยะก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนตัวสั่นสะท้าน
เซวียหลิงรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็น เธอจึงรีบวิ่งไปข้างหน้า
เมื่อวานนี้ได้ยินหวังชิงบอกว่ามีร้านขายเนื้ออยู่ตรงถนนข้างหน้า ว่ากันว่าเนื้อในร้านนั้นสดและอร่อยมากอีกทั้งราคาไม่แพง
เธอตั้งใจจะเดินทางไปซื้อเนื้อสักหน่อย และเลือกกระดูกวัวสักเล็กน้อยเอาไปต้มซุป
เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนอยู่ในโรงพยาบาล หมอได้กำชับเอาไว้ว่าการกินยาแก้อักเสบทำร้ายกระเพาะอาหารและทำให้หิวเร็ว จึงแนะนำให้กินอาหารเป็นซุปกระดูกไขที่มีความมันเล็กน้อยเพื่อเสริมโภชนาการและแคลเซียม
สถานการณ์ทางการเงินของทางตระกูลเฉินเธอเองก็รู้ดี ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่มีเทศกาลจึงจะสามารถได้กินเนื้อสัตว์ แน่นอนว่าสารอาหารของเฉิงเทียนหยวนคงไม่เพียงพอ
ดังนั้นเธอจึงตั้งใจว่าจะซื้อเนื้อวัวสักเล็กน้อยขณะรอเขาอยู่
เธอเลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็ก ไม่นานก็มาถึงประตูตรงหน้าถนนนั้น
ตอนแรกเธอคิดว่าจะต้องเดินตามหา คาดไม่ถึงว่าเธอจะได้กลิ่นซุปกระดูกเนื้อลอยมาแต่ไกล จึงรีบเดินตามกลิ่นนั้นไปและพบป้ายเล็กๆ ด้านหน้าแขวนอยู่ เขียนตัวอักษรเอาไว้ว่าเนื้อวัวเพียงสองคำ
เนื้อวัวสีแดงเรียงกันเป็นแถวและยังมีกระดูกวัวอีกด้วย เถ้าแก่หัวโตหูกางกำลังตัดเนื้อวัวเป็นชิ้นๆ
เซวียหลิงซื้อเนื้อติดไขมันเล็กน้อยและซื้อกระดูกมาอีกสี่ห้าท่อน
กระดูกวัวราคาถูกมาก กระดูกห้าชิ้นราคาเพียงแค่ 2 เหมาเท่านั้น หากว่าเธอไม่ได้กลัวมันจะไม่สด เธออยากจะซื้อทีละสิบกว่าท่อนเลยทีเดียว
น่าเสียดายเหลือเกินที่ในยุคนี้ยังไม่มีตู้เย็น ต่อให้เป็นในเมืองหลวง ตู้เย็นก็ยังไม่ได้เป็นที่นิยมใช้
ไม่เพียงเท่านี้ ยุคสมัยนี้ไม่มีแม้แต่ถุงพลาสติกบางๆ ดังนั้นทุกสิ่งอย่างจึงถูกห่อด้วยกระดาษน้ำมัน แล้วใช้หญ้าฟางมัดเอาไว้สำหรับถือ
ดังนั้นเมื่อเฉิงเทียนหยวนขี่จักรยานเดินตรงมา สายตาของเขาก็เหลือบเห็นกระดูกในมือของเธออย่างรวดเร็ว
"เธอไปซื้อมาจากที่ไหนกัน?"
เซวียหลิงยิ้มขึ้น "ที่ถนนข้างหน้านั่นแหละ"
เมื่อเฉิงเทียนหยวนเห็นว่าเธอซื้อเนื้อวัวมา เขาก็รู้สึกเสียดายเงินเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเธอพยายามทำงานหนัก จึงได้พูดขึ้นว่า "เดี๋ยวฉันจะกลับไปผัดให้เธอกินนะ"
เซวียหลิงขึ้นไปซ้อนท้ายเบาะจักรยาน สองสามีภรรยารีบตรงกลับไปที่บ้านเช่า
เฉิงเทียนหยวนเข้าไปในห้องครัวเพื่อล้างข้าวและหุง ก่อนจะล้างผักหั่นเนื้อ
ด้านของเซวียหลิงเองก็ไม่กล้าจะเสียเวลา เธอรีบขึ้นไปชั้นบนเพื่อทำการแปลหนังสือ
เฉิงเทียนหยวนยุ่งอยู่ในครัวเนิ่นนานทีเดียว จนกระทั่งได้ยินเสียงตะโกนเรียกออกมาจากด้านนอก เขาจึงเดินออกไปเปิดประตูและพบว่าเป็นโอวหยางเหมย
เธอสวมใส่ชุดกระโปรงสีชมพูสวยงาม ใบหน้าซีดเผือดของเธอเกิดจากความหนาวเย็น เธอยืนตัวสั่นท่ามกลางสายลมที่พัดโชย
เมื่อเห็นเฉิงเทียนหยวนเดินออกมา เธอก็ยิ้มขึ้นด้วยความประหลาดใจและยินดี ก่อนจะแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า "อาหยวน ฉันตามหาคุณอย่างลำบากเหลือเกินกว่าจะพบ"
เฉิงเทียนหยวนเอ่ยถามขึ้นด้วยความเก้ๆ กังๆ ว่า "คุณมาได้ยังไง?"
ใครมาเยือนเรือนชานล้วนเป็นแขก เขาจึงจำเป็นต้องเปิดประตูต้อนรับเธอเข้ามา
ตอนนี้บ้านของเขาปลูกบ้านเป็นอาคารสองชั้น ได้ยินมาว่าซื้อรถยนต์สี่ล้อด้วย คุณย่าและน้องสาวของเขาเอาแต่คุยโวโอ้อวดเพื่อนบ้านจนทำให้ชาวบ้านอิจฉายิ่งนัก
ข่าวจากในหมู่บ้านแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นข่าวที่โอหยางเสียงไปทำการค้าทางใต้และสร้างรายได้มหาศาลจึงแพร่ไปทั่วหมู่บ้าน
คนเราเมื่อเวลามีเงินก็ดูมีหน้ามีตา ไม่มีใครกล่าวถึงเรื่องราวเก่าๆ เหล่านั้นอีกทั้งที่ทุกคนรู้อยู่ในใจ แต่ตอนนี้เขามีเงินก้อนโตจึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
ส่วนคนอื่นที่ไม่ได้พูด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้
เฉิงเทียนหยวนเป็นชายหนุ่มที่ศึกษาตำราอ่านออกเขียนได้ พ่อแม่ของเขาเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ จึงไม่ชื่นชอบคนแบบนี้เอาเสียเลย
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงไม่มีความรู้สึกดีต่อโอหยางเสียงมาโดยตลอด
เมื่อได้ยินโอวหยางเหมยอธิบายเช่นนั้นเขาก็รู้สึกไม่สนใจแม้แต่น้อย เอาแต่พูดอย่างเฉยเมยว่า "เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวตัวเล็กๆ ทำการค้าเหล่านี้ไม่ดีหรอก รอให้พี่ชายของเธอกลับมาหาทำเลเองดีกว่า"
โอวหยางเหมยพูดขึ้นด้วยความเป็นกังวลว่า "ฉันยังมีคุณอยู่ไม่ใช่หรือไง อาหยวน คุณอยู่ที่อำเภอนี้มาหลายปีแล้ว คุณคงคุ้นเคยกับเมืองนี้ดี ช่วยฉันหาหน่อยนะ เพียงแค่คุณบอกว่ามันดี ฉันก็จะรีบจัดการทันที"
"ไม่ครับ"เฉิงเทียนหยวนล้างผักเสร็จแล้วใส่มันใส่ลงไปในตะกร้าสาน พูดว่า "ผมเองก็ทำการค้าไม่เป็น ผมจะให้ความคิดแนวทางดีๆ กับคุณได้ยังไง"
โอวหยางเหมยได้แต่แอบกังวลแล้วเบ้ริมฝีปากถามว่า "พรุ่งนี้คุณว่างไม่ใช่หรือ? พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ ฉันได้ยินอาฟางบอกว่าคุณหยุดทุกวันอาทิตย์ เอาอย่างนี้ไหม พรุ่งนี้คุณไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนฉันหน่อยเถอะ"
เฉิงเทียนหยวนแอบด่าน้องสาวโง่เง่าของเขาอยู่ในใจแล้วพยักหน้าเบาๆ "ได้ครับ แต่พรุ่งนี้ภรรยาของผมยังต้องยุ่งกับการทำงาน ผมจะต้องกลับมาทำอาหารให้เธอทั้งสามมื้อ"
เขาวางแผนเอาไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะพาเธอออกไปเดินดูสักหน่อยเพื่อเป็นการรับมือ ไม่อย่างนั้นก็อาจจะดูว่าเขาใจร้ายเกินไปในฐานะเพื่อนร่วมหมู่บ้าน
ส่วนเธอต้องการจะทำอะไร วางแผนอะไรไว้นั้น เขาไม่ตั้งใจจะไปมีส่วนร่วมด้วยเลย เพราะถึงอย่างไรโอหยางเสียงก็ไม่ใช่คนดีที่เขาจะรับมือได้
โอวหยางเหมยเห็นเขากำลังหั่นเนื้อในมือ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอันปวดใจว่า "คุณต้องทำอาหารสามมื้อให้ภรรยาด้วยเหรอ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง