วันรุ่งขึ้น อาหู่นำเซวียหลิงไปเซ็นสัญญาที่คณะกรรมการชุมชนของพวกเขา แล้วถ่ายสำเนาโฉนดที่ดินหนึ่งแผ่นไว้ที่นั่น
ฤดูหนาวมาแล้ว อากาศหนาวขึ้นทุกวัน
เซวียหลิงยังคงไปทำงานทุกวัน ตอนกลางคืนทำพาร์ทไทม์ ใช้เวลาอย่างเต็มที่และยุ่งมาก
อาจจะเพราะคราวก่อนเร่งเซียวเจียเสวี่ย คราวนี้เธอจึงโอนเงินมาให้เร็วมาก แถมเสริมอีกหนึ่งประโยค "ดีขึ้นเรื่อยๆ หัวหน้าอ่านแล้วชมเธอด้วย สู้ๆ นะเพื่อน!"
บ่ายวันเสาร์ เซวียหลิงตรวจต้นฉบับเสร็จล่วงหน้า จากนั้นก็ส่งให้บ.ก.ใหญ่หลิน
"พี่หลิน ฉันขอปรึกษาอะไรพี่หน่อยได้ไหมคะ"
บ.ก.ใหญ่หลินอายุสี่สิบกว่า ผิวขาวผ่อง ค่อนข้างอวบ ยิ้มอ่อนโยนใจดีมาก
"เรื่องอะไรเหรอ?"
เซวียหลิงพูดเสียงทุ้ม "ฉัน......อยากเลิกงานล่วงหน้าในตอนบ่าย วันนี้อากาศหนาวมาก ที่ทำการไปรษณีย์เลิกงานล่วงหน้าครึ่งชั่วโมง ฉันอยากไปเอาของบางอย่าง เกรงว่าเลิกงานค่อยไปมันจะช้าเกิน เลยอยากไปก่อนในช่วงบ่ายค่ะ"
"ได้เลย!" บ.ก.ใหญ่หลินยิ้มนิดๆ แล้วพูดขึ้น "เธอส่งต้นฉบับเร็วตลอด หลังพักเที่ยงไปได้เลย!"
เซวียหลิงรีบยิ้มระรื่นกล่าวขอบคุณ แล้วรินน้ำร้อนให้เธอหนึ่งแก้ว
"ขอบคุณนะคะพี่หลิน!"
พนักงานที่เลิกงานล่วงหน้าในเช้าวันเสาร์ที่สำนักพิมพ์นั้นมีประมาณครึ่งหนึ่ง ครึ่งหนึ่งที่เหลือคือเพื่อนร่วมงานที่ต้องตรวจสอบต้นฉบับหรือส่งต้นฉบับไปที่โรงพิมพ์
น้อยครั้งมากที่เซวียหลิงจะออกมาก่อน บ.ก.ใหญ่หลินจึงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
ต้นฉบับของหวังชิงมีบางประโยคไม่ค่อยสอดคล้อง ต้องอยู่ต่อเพื่อแก้ไข
เซวียหลิงไม่กล้าไปหลังพักเที่ยง รอถึงบ่ายสามกว่าๆ ค่อยออกไป
เพิ่งออกมาถึงประตูสำนักพิมพ์ ก็เห็นผอ.หลิวกับรองผอ.เจินเดินเข้ามาพร้อมกันโดยไม่คาดคิด
พวกเขาสองคนไปประชุมมา เดินขณะพูดคุยกันเบาๆ
"ห้องทำงานหนาวมาก ปิดประตูหน้าต่างตลอดก็ไม่ดีต่อสุขภาพเพื่อนร่วมงาน หน่วยงานรัฐบาลสำคัญในอำเภอเริ่มจัดหาเครื่องทำความร้อนให้ ผลกำไรของสำนักพิมพ์เราก็ไม่แย่ ฉันตั้งใจจะยื่นคำร้องสักหน่อย พยายามช่วงชิงซื้อเครื่องทำความร้อนบางส่วนมาในสัปดาห์หน้า ให้ทุกคนใช้ด้วยกัน"
"แล้วห้องทำงานเราสองคนล่ะ? ไม่มีไม่ได้นะ?"
"คุณไม่ต้องห่วง ห้องทำงานพวกเราขาดไม่ได้หรอก......"
เซวียหลิงเอากระเป๋าสีทหารไว้ด้านหลัง แล้วทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ
ผอ.หลิวยิ้มอย่างอ่อนโยน และไม่ได้พูดอะไร
รองผอ.เจินจ้องมองเธอ หรี่ตาใต้แว่นกรอบดำรุ่นเก่า
"เสี่ยวเซวียอ่า นี่เธอจะเลิกงานก่อนเหรอ?"
เซวียหลิงแอบด่าในใจ แต่ใบหน้ายิ้มกว้าง แล้วอธิบายอย่างสุภาพ "ใช่ค่ะ ฉันบอกพี่หลินแล้ว เธอตอบตกลง ฉันจะไปเอาของที่ทำการไปรษณีย์ กลัวว่าเลิกงานไปเอาจะไม่ทัน เลยอยากไปล่วงหน้าน่ะค่ะ"
เธอไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจรองหัวหน้าคนนี้ แต่รองหัวหน้าคนนี้ต่อกรไม่ได้จริงๆ!
สาวแก่ใจโหดไม่ใช่แค่ชอบวางมาดเป็น "หัวหน้า" แต่ยังชอบควบคุมเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเธอ อย่างเช่นในตอนนี้
รองผอ.เจินฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว ถามขึ้น "นี่ข้ออ้างหรือเปล่า? ไปรับของที่ทำการไปรษรีย์ ต้องไปล่วงหน้าสองชั่วโมงเลย?"
เซวียหลิงยิ้มแหะๆ แล้วตอบ "ที่ทำการไปรษณีย์คนเยอะมาก ฉันกลัวรอนานเกิน......จนไม่ทัน มันค่อนข้างด่วนค่ะ"
ผอ.หลิวฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว จ้องเธออย่างไม่สบอารมณ์
"เจินเจิน ต้นฉบับเสี่ยวเซวียอยู่ในการควบคุมของบ.ก.ใหญ่หลิน เธอบอกว่าได้ก็คือได้ คุณอย่าไปยุ่ง อีกอย่างเสี่ยวเซวียเธอมีธุระต้องรีบไปที่ทำการไปรษณีย์ เรากับที่ทำการไปรษณีย์ทำงานเวลาเดียวกัน พักเที่ยงก็ไม่เปิด คุณจะให้เสี่ยวเซวียหาเวลาตอนไหนไปเอาของ?"
เขากล่าวตำหนิ "คุณจริงจังและรับผิดชอบต่อการทำงานมาตลอด ฉันก็คิดว่าดีมากสำหรับจุดนี้ แต่คุณทำอะไรยึดติดเกินไป ไม่รู้จักก้าวและถอย เมื่อกี้เสี่ยวหลินพูดถูก ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานกันหมด บางครั้งสะดวกกับคนอื่น ก็คือสะดวกกับตัวเอง"
รองผอ.เจินเบ้ปาก เป็นครั้งแรกที่โดนหัวหน้าตักเตือนต่อหน้า หน้าก็ทั้งซีดทั้งแดง
ผอ.หลิวพูดต่อ "อีกอย่าง เสี่ยวเซวียก็เป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว ผู้หญิงที่มีครอบครัวน่ะ บางครั้งก็ต้องดูแลครอบครัว คุณไม่มีครอบครัว คุณเลยไม่เข้าใจว่าชีวิตจะมีอะไรจู้จี้จุกจิกในบางครั้ง ปกติที่ทำงานเราก็สามารถลาหยุดได้ในวันเสาร์ เพื่อนร่วมงานที่มีครอบครัวถ้าทำงานเสร็จแล้ว ก็ให้พวกเขาหยุดได้ ไม่ต้องเคร่งครัดกับกฎระเบียบขนาดนั้น"
ทุกคนหัวเราะกันเสียงทุ้ม
เจินเจินทำหน้าโกรธแล้ว อับอายมากทีเดียว เธออายุจะสามสิบสองแล้ว จนถึงวันนี้ยังไม่ได้แต่งงาน นี่เป็นจุดบกพร่องเดียวของเธอ และเรื่องที่เธอกังวลมากที่สุดในตอนนี้
ไม่คิดว่าวันนี้หัวหน้าจะว่าตัวเองแบบนี้ต่อหน้าสาธารณะ----ทำให้เธอโดนเพื่อนร่วมงานคนอื่นหัวเราะเยาะ!
พูดไปพูดมา ทั้งหมดมันเป็นความผิดของเซวียหลิงยัยเด็กบ้านั่น!
หลิวซินที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มแปลกใจถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ "หัวหน้า จริงเหรอ?! ปกติบ่ายวันเสาร์พวกเราหยุดได้เหรอ?"
ผอ.หลิวพยักหน้า พูดขึ้น "ถูกต้อง หลักๆ คือทำงานเสร็จแล้ว"
หลิวซินร้อง "เย้!" ปรบมือหัวเราะชอบใจแล้วพูดขึ้น "สุดยอดไปเลย!"
เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็ตื่นเต้นไปตามๆ กัน ต่างบอกว่าอาทิตย์หน้าจะมุ่งมั่นทำงานเสร็จให้ไว แล้วกลับบ้านไปอยู่กับภรรยาและลูก
เซวียหลิงออกไปไกลแล้ว ไม่รู้เลยว่าหลังจากตัวเองออกมา ในห้องทำงานมีเรื่องทะเลาะกันแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง