แยนนี่ใช้ความพยายามอย่างมากในการกลับเข้าสู่บทบาทของตัวละคร เธออยู่หน้าฉากทัั้งวัน และเชนน์ก็ไม่ได้โทรหาเธออีกเลย
ในตอนแรก เธอคิดว่าเชนน์เป็นพวกดื้อรั้นที่คิดอยากจะทำอะไรก็ทำ หรือไม่ก็ยิ่งห้ามก็ยิ่งทำ สิ่งใดที่คุณขอให้เขาทำ เขาก็จะทำตรงกันข้าม เธอไม่คิดว่าแฟนของเธอจะเชื่อฟังเธอ เธอขอให้เขาไม่โทรหาเธอและเขาก็ทำจริงๆ
กว่าจะเสร็จงานท้องฟ้าก็มืดแล้ว
ทีมงานคนหนึ่งวิ่งมาหาและพูดว่า “แยนนี่ มันมืดมากแล้ว ให้ฉันไปส่งคุณเถอะ”
แยนนี่ยิ้มและปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ โรงแรมใกล้แค่นี้เองเดี๋ยวฉันกลับเองได้ ขอบคุณนะคะ"
“อันที่จริง...ฉันถูกกำชับมาจากนายท่านเชนน์” ทีมงานคนนั้นแอบกระซิบกระซาบด้วยความยินดีอยู่ข้างหูแยนนี่
แยนนี่ถึงกับอึ้ง เธอไม่รู้ว่าเชนน์คิดจะทำอะไรกันแน่
ทีมงานคนนั้นพูดกับแยนนี่ว่า "เป็นเซอร์ไพรซ์น่ะค่ะ"
แยนนี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เธอถือกระเป๋าแล้วพูดว่า “งั้นช่วยไปส่งฉันทีค่ะ”
ทีมงานขับรถโดยมีแยนนี่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง พวกเขาอยู่บนถนนเป็นเวลา 10 นาทีก็ยังไปไม่ถึงโรงแรม
“นี่ไม่ใช่ทางกลับโรงแรมหรอกเหรอ?”
ทีมงานหัวเราะอย่างขบขัน “จะมีเซอร์ไพรส์ในโรงแรมได้อย่างไรกันล่ะคะ? เรายังเหลือเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ทำไมคุณไม่พักผ่อนก่อนล่ะ”
แยนนี่ไม่กล้าที่จะพักผ่อน เธอจ้องมองไปยังตำแหน่งที่ทีมงานกำลังพาไป เผื่อว่าเธอจะถูกเอาไปขาย
เธอส่งข้อความถึงเชนน์แต่เขาไม่ตอบกลับ
50 นาทีต่อมา รถหยุดจอดที่ชายหาดแห่งหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะทีมงานคนนี้ที่ดูตัวเล็กและผอมบาง แยนนี่คิดว่าเธอคงกำลังจะถูกฆ่าและโยนร่างทิ้งลงทะเล
ทันทีที่เธอลงจากรถ ทีมงานคนนั้นก็ขับรถออกไปทันที เธอยังไม่ทันได้พูดหรือโต้ตอบอะไรออกไป
แยนนี่สำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ ริมทะเลนี้มืดสนิท ชายหาดไม่มีการจองไว้ เธอสวมชุดบางๆ ทำให้เมื่อลมเย็นๆ ของทะเลพัดผ่านมาปะทะร่างก็รู้สึกหนาวสั่นจนต้องกอดตัวเองไว้แน่น
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขของเชนน์อีกครั้งและเมื่อกดโทรออก เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นใกล้ๆ
เธอหันกลับมาและเห็นชายคนหนึ่งยิ้มให้เธอพร้อมยกโทรศัพท์แนบหู
เชนน์สวมเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนขึ้นดูสบายๆ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหู ส่วนอีกข้างอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขายืนด้วยท่าทางสบายๆ อยู่ตรงริมชายหาดใกล้ๆ พร้อมกับสายลมยามค่ำคืน
แยนนี่ถามทางโทรศัพท์ว่า “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
เชนน์วางสาย เขาไม่ตอบเธอ
เขาแค่ควานหาบุหรี่และจุดไฟแช็กจนมีเปลวไฟเล็กๆ ปรากฏขึ้น เขาจุดบุหรี่ในปากของเขา
จากนั้นชายหนุ่มก็หันกลับมา ถือบุหรี่ที่จุดแล้วไว้ในมือ ขณะที่ดอกไม้ไฟถูกจุดอยู่ด้านหลังเขา
ท่ามกลางความมืดมิดเสียงของดอกไม้ไฟก็ดังขึ้น
แยนนี่ตกอยู่ในความอึ้ง เธอมองไปที่กลุ่มลูกไฟที่ถูกจุดขึ้นเรียงแถวบนชายหาด เริ่มสัมผัสได้รางๆ ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อเชนน์จุดดอกไม้ไฟเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นและเดินกลับไปหาแยนนี่
ดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้น พวกมันนับจำนวนไม่ถ้วนพุ่งออกไปทางด้านหลังของเชนน์ และแตกกระจายเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานสวยงามอยู่บนอากาศ
ภายใต้ดอกไม้ไฟ ดวงตาของเชนน์ก็เร่าร้อนไม่แพ้กัน ดวงตาของเขาลุ่มลึกแต่ก็สดใส ลมกลางคืนพัดเสื้อของเขาทำให้มันโปร่งพองขึ้นเล็กน้อย เชนน์เดินเข้าไปหาแยนนี่ทีละก้าวเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ดอกไม้ไฟที่อยู่ข้างหลังเขายิ่งส่องสว่าง
แยนนี่มองไปที่เชนน์และดอกไม้ไฟเหล่านั้น พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนนี้ ช่างเป็นภาพที่น่าทึ่งจนไม่อยากเชื่อสายตา
เชนน์เดินไปที่ด้านข้างของแยนนี่และพาเธอไปดูดอกไม้ไฟ
เมื่อเธอยังเด็ก เธอรู้สึกอิจฉาที่คาราสามารถฉลองวันเกิดของเธอได้ เธอเอาเค้กวันเกิดของคาราไปที่สวนหลังบ้านและโยนมันทิ้งลงบนพื้น แต่วินสันดันผ่านมาสะดุดเข้า เขาจึงให้เธอคุกเข่าในสวนหลังบ้านเป็นเวลานานเพื่อเป็นการลงโทษ
เมื่อเธออายุได้ 16 ปี เธอหนีไปกับซามูเอล พวกเขามีบ้านเช่าหลังเล็กๆ ด้วยกัน ซามูเอลอายุ 23 ปีในตอนนั้น ซึ่งเป็นปีที่สองหลังจากเขาเรียนจบ ซามูเอลมันยุ่งอยู่กับการทำงาน
ในวันเกิดของเธอ เธอรอให้เขาเซอร์ไพรส์ แต่เขากลับเมาหนักและเดินไม่ได้หลังจากดื่มกับลูกค้า เธอไม่ได้ตำหนิเขา แต่เธอพลาดเซอร์ไพรส์และขาดความอบอุ่นไป
คืนนั้น ซามูเอลกอดเธอและพูดเสียงแหบแห้งว่า “แยนนี่ ฉันจะให้ทั้งโลกนี้แก่เธอ รอฉันก่อนนะ”
แม้ความรู้สึกตอนนั้นจะลึกซึ้งเพียงใด แต่มันก็เทียบไม่ได้กับความประทับใจของเซอร์ไพรซ์ที่อยู่ตรงหน้าเธอ
คำสัญญาและคำสาบานเป็นสิ่งที่อ่อนแอที่สุดเสมอมา การเฝ้าฝันถึงอนาคตที่ดีกว่าไม่อาจเทียบได้กับดอกไม้ไฟที่ส่องแสงเจิดจ้าและสุกสกาวอยู่ ณ ปัจจุบันนี้
แม้จะสว่างวาบอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ชั่วขณะนั้นก็ยาวนานเป็นนิรันดร์ได้เหมือนกัน
แยนนี่ฝังตัวเองลึกลงไปในอ้อมแขนแกร่งของเชนน์เธอกสวมอดเอวเขาแน่น น้ำใสๆ เริ่มคลอหน่วยที่ดวงตาสุดท้ายหยดน้ำตาก็เปียกโชกไปทั่วอกชายหนุ่ม
หัวใจของเชนน์สั่นไหวและเจ็บปวดเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกขบขันเช่นกัน เขายิ้มอย่างมีเลศนัยและถามว่า “คุณตื้นตันใจจนร้องไห้เลยเหรอ”
แยนนี่กอดเขาแน่นพลาวถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “นี่คุณชาย คุณฉลองวันเกิดของผู้หญิงหลายต่อหลายคนด้วยการจุดดอกไม้ไฟเหรอ?”
เชนน์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เขาลูบผมของเธอก่อนจะก้มศีรษะลงแล้วจูบหน้าผาก “ฉันไม่ได้สำส่อนขนาดนั้น แถมนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ฉันทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้ด้วย”
ริมฝีปากที่นุ่มนวลและสวยงามของแยนนี่ยิ้มกว้าง
เธอครางตอบรับเบาๆ แล้วพูดว่า “อืม คราวหน้าคุณไม่ต้องทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นอีกก็แล้วกัน พวกเธอต้องเกลียดมันแน่”
คราวหน้า เธอพูดว่าคราวหน้า
เชนน์ก้มหัวลงพลางยิ้มและมองไปที่เธอ “ฉันจะสัญญาไว้ก็แล้วกัน”
แยนนี่โอบเอวของเขาไว้และเพียงชั่วครู่หนึ่ง ที่เธอรู้สึกประหลาดใจกับความรู้สึกของคำว่านิรันดร์นั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน