หลังเสร็จมื้ออาหาร ภายในรถลีมูซีนเบนท์ลี่ย์สีดำของเขา
เจครู้สึกว่าบรรยากาศในรถดูอึดอัดจนหายใจไม่ออก เขาลอบมองดูชายขี้เมาที่นั่งอยู่ผ่านกระจกมองหลังโดยไม่รู้ตัว
เชนน์เอนศีรษะพิงพนักพิง ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ๆ และกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
ความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในอกของเขาไม่มีทางหนีออกไปได้ มันอัดอั้นอยู่ในตัวเขารอเวลาปะทุอย่างน่ากลัว
เจคเม้มริมฝีปากและค่อยๆ พูดอย่างระมัดระวัง “นายท่านเชนน์ สิ่งที่นายท่านต้องการให้ผมตรวจสอบ ผมได้ตรวจสอบแล้วนะครับ”
เชนน์เงยหน้าและลืมตาขึ้นเล็กน้อย เขาเหม่อมองไปที่ด้านบนของรถและพึมพำเพียงสองสามคำออกมาอย่างรวดเร็ว “บอกฉันมา”
“จ-จด…จดหมายมาจากอังกฤษจริงๆ ครับ ส่วนที่อยู่ก็เป็นบ้านของซามูเอล เลน สำหรับลายมือผมได้ส่งคนไปสืบหาที่โรงเรียนเก่าของซามูเอลและให้ผู้เชี่ยวชาญเปรียบเทียบลายมือแล้ว มันคือ…"
เจคลังเลเล็กน้อย
“มันคืออะไร?” เชนน์พูดอย่างเย็นชาเขาแผ่รังสีอำมหิตจนได้กลิ่นอายการฆาตรกรรม
เจคพูดเสียงแข็ง “มันเป็นลายมือของซามูเอลจริงๆ จดหมายเหล่านั้นไม่ได้ปลอมแปลง”
จดหมายของซามูเอลเป็นของจริง
มีช่วงหนึ่งที่เชนน์อยากจะเชื่อแยนนี่แต่ซามูเอลไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
แยนนี่เรียกชื่อชายคนนี้ในฝันหลายครั้ง
ขณะนั้นคนหยิ่งทะนงอย่างเชนน์รู้สึกว่าศักดิ์ศรีและอัตตาของเขากำลังถูกบดขยี้จนแหลกเหลว
ตัวสำรอง
เชนน์ไม่อยากยอมรับว่าเขาเป็นตัวสำรองของแยนนี่ เขาไม่อยากยอมรับว่าเขาเป็นตัวเลือกที่สองของเธอ
แม้ว่าจดหมายเหล่านั้นจะเป็นของปลอม แต่ก็ไม่สามารถลบล้างความจริงที่ว่าแยนนี่ตะโกนชื่อซามูเอลโดยไม่รู้ตัวครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝันของเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น การตอบกลับของซามูเอลก็เป็นเรื่องจริง
เจคถามอย่างลังเลว่า “นายท่านเชนน์ มีความเป็นไปได้ไหมที่จะมีคนเลียนแบบลายมือของคุณแยนนี่และเขียนจดหมายถึงซามูเอล”
หลังจากนั้นไม่นานเชนน์ก็หลับตาลงอีกครั้งและเงียบไปชั่วครู่ ในที่สุดเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “นั่นมันไม่สำคัญหรอก”
ซามูเอลอยู่ในใจของแยนนี่เสมอ เธอไม่เคยลืมผู้ชายคนนั้น
นี่เป็นความจริงที่แยนนี่ไม่ต้องการยอมรับ แต่ก็ต้องยอมรับมันแต่โดยดี
แล้วไงล่ะ แม้ว่าจะไม่มีจดหมายนี่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่ในใจของแยนนี่มีคนอื่นอยู่มันไม่จริง?
เบนท์ลี่ย์คันสีดำมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ลูน่า
โทรศัพท์ของเจคดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากแยนนี่
เจคลังเลและถามว่า “นายท่านเชนน์ คุณแยนนี่โทรมา ห-ให้ผมรับสายไหมครับ?”
โทรศัพท์ของเชนน์ถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนหน้านี้ และเขาไม่มีโทรศัพท์เครื่องใหม่ใช้ชั่วคราว แน่นอนว่าแยนนี่จึงไม่สามารถติดต่อเขาได้
แยนนี่โทรหาเจคเพื่อตามหาเชนน์
"รับสาย"
เจครับสายทันที
แยนนี่ถามอีกฝ่ายว่า “เจคโทรศัพท์ของนายท่านเชนน์ปิดอยู่หรือเปล่า ฉันโทรหาเขาไม่ติดเลย ตอนนี้คุณสองคนอยู่ด้วยกันหรือเปล่า”
“ชะ...เอ่อ ไม่.. นายท่านไม่ได้อยู่กับผม”
นายท่านเชนน์ยังคงโกรธอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการคุยกับแยนนี่ เจคไม่กล้าที่จะยั่วยุอารมณ์ขุ่นมัวที่กำลังปะทุอยู่นั่น
แยนนี่เป็นคนฉลาด ด้วยน้ำเสียงของเจคเธอรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
แยนนี่ไม่ได้ถามคำถามใดๆ เพิ่มเติม และไม่ได้พยายามเปิดเผยความอึดอัดใจใดๆ เธอค่อยๆ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตราบใดที่เขาสบายดีฉันก็โอเค ดูแลเขาด้วยนะ ฉันจะวางสายล่ะ”
เจคพูดไม่ออก
ถ้าไม่ใช่เพราะเชนน์นั่งอยู่เบาะหลัง เจคคงเกือบจะบอกความจริงกับแยนนี่ไปแล้ว เนื่องจากความเป็นผู้ใหญ่และความเข้าใจของแยนนี่ทำให้เจคไม่สามารถทนดูสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาได้
ก่อนหน้านี้เจคเคยจัดการกับบรรดาดาราสาวที่คบหากับเชนน์มาแล้ว พวกเขาทั้งหมดเป็นพวกดีว่า แทบจะไม่ได้อยู่กับเชนน์เลยแม้แต่นิด เพียงสองสามวันพวกเขาจะคิดว่าตนเองได้ก้าวขึ้นไไปบนแท่นสูงสุดแล้วและเริ่มหยิ่งผยองคิดว่าตนอยู่เหนือทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่กรณีของแยนนี่ธออยู่กับเชนน์มาสองปีแล้ว แต่เธอก็ยังเหมือนเดิม เธอไม่หยิ่งยโสหรือเอาแต่ใจ คำพูดของเธอบางครั้งก็เฉียบคม แต่ก็ยังมีความเคารพเสมอ
แยนนี่วางสาย
เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองไปที่ตุ๊กตาบาร์บี้ข้างๆ เธอเหยียดแขนยื่นออกไปแตะที่หัวของบาร์บี้ ก่อนจะหัวเราะเสียงแหบพร่า “เธอเป็นแค่เพื่อนผู้หญิงที่ไม่สำคัญ”
เธอไม่ใช่แฟนของเขาด้วยซ้ำ ตอนแรกเธอคิดว่าเธอเป็น อย่างไรก็ตามแฟนแบบไหนกันที่ติดต่อแฟนตัวเองไม่ได้และต้องโทรหาเขาหลายครั้งต่อวันแต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับ?
เธอควรจะรู้ก่อนหน้านี้ว่าเชนน์เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เธอมั่นใจว่าแม้เธอจะไม่ได้เจอเขาเป็นเวลาครึ่งปี เขาก็ยังรอเธอกลับมา
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเชนน์แค่เชื่อฟังเธอเมื่อเธอบอกเขาว่าอย่ารบกวนเธอในที่ทำงานแล้วเขาก็เชื่อฟัง
"พูดว่าเธอรักฉัน"
ริมฝีปากบางของเขาอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร พวกเขาอยู่ใกล้กันมากเสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ผ่อนไม่ตรงกัน
น้ำเสียงของเขาไม่ได้ขอให้พูดจาไพเราะ แต่เป็นการออกคำสั่งเสียมากกว่า มันรุนแรงและเย็นชา
ในอดีตแยนนี่รู้ว่าเชนน์ไม่ได้เป็นคนเหลาะแหละและไม่ยอมรับฟังอะไรง่ายๆ และเขาก็มีด้านที่น่ากลัวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเวลาที่เชนน์โกรธ เขาจะกลายเป็นคนชอบกดขี่ข่มเหงขนาดนี้
ยานนี่ไม่รู้ว่าเธอทำให้เขาขุ่นเคืองใจเรื่องอะไร “ฉันทำให้คุณขุ่นเคืองใจหรืออย่างไร”
ตั้งแต่เธอกลับมาจากนอร์ธซิตี้เธอพยายามส่งข้อความหาเขาและโทรหาเขา พอเขาไม่ตอบกลับแยนนี่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
เชนน์ไม่สนใจคำพูดของเธอ เขาบีบคางของเธอด้วยนิ้วเรียวยาวและยิ้มเยาะเย้ย “เธอพูดไม่ได้เหรอ ฉันคิดว่าเธอเป็นนักแสดงที่แสดงเก่งมากเสียอีก? แม้แต่คำง่ายๆ แค่นี้ก็พูดไม่ได้หรือไง?”
“เชนน์…”
“อย่าพยายามเปลี่ยนเรื่อง!” เขาโต้เธอกลับอย่างฉุนเฉียว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความอดทน เมื่อสัตว์ร้ายที่โกรธเกรี้ยวถูกปล่อยออกจากกรง นรกทุกขุมก็ถูกเปิดออก
“ฉัน… เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?” แยนนี่พยายามปลอบประโลม
อย่างไรก็ตามเชนน์ไม่ต้องการการปลอบโยนของเธอ เขาปล่อยคางของเธอและถากถางเย้ยหยัน
เธอไม่สามารถพูดมันได้จริงๆ
ถ้าเขาอยู่ในใจของเธอ ทำไมเธอถึงลังเลที่จะบอกเขาว่าเธอรักเขา?
ถ้าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้คือซามูเอล บางทีเธออาจจะพูดออกมาดังๆ ก็ได้
เชนน์ได้คำตอบในใจแล้ว
ด้วยเหตุนี้เขาจึงพูดอย่างไร้อารมณ์ "ไปที่เตียง"
ราวกับน้ำแข็ง
แยนนี่จ้องมองเขาอย่างดุเดือด ศักดิ์ศรีของเธอถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆ ใต้หว่างขาของชายหนุ่ม
เธอกำหมัดแน่น เปลี่ยนอารมณ์เหล่านั้นเป็นการกระทำ เธอยกมือขึ้นตบหน้าเขาอย่างแรง
“เชนน์คุณถามฉันว่าคุณเป็นใครสำหรับฉัน แล้วคุณกระทำกับฉันอย่างกับอะไร?”
ความเชื่อใจก็เหมือนกระดาษบางๆ ฉีกขาดง่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน