แยนนี่ได้รับโทรศัพท์จากซามูเอล
"นี่ แยนนี่ ฉันสั่งระงับข่าวนั่นเรียบร้อยแล้ว ขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้เธอมีปัญหาโดยไม่จำเป็น ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกฉันได้เลยนะ"
"ขอบคุณค่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไร"
ซามูเอลเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า "ฉัน... จะยังไม่กลับไปลอนดอนในตอนนี้ ถ้าเธออยากพบฉัน เธอสามารถไปหาฉันได้ทุกเวลา"
แยนนี่ไม่ได้พูดอะไรกับเขามากนัก เธอเพียงแค่นิ่งเงียบ
“ความจริงก็คือ แยนนี่ ฉันกลับมาที่นี่ก็แค่เพราะว่าฉันอยากใช้เวลาวันส่งท้ายปีเก่ากับเธอจริงๆ ให้โอกาสฉันได้ไหม”
ซามูเอลพูดออกมาอย่างขวานผ่าซาก แยนนี่เม้มปากแล้วตอบกลับไปว่า "ซามูเอล เราจบกันแล้วจริงๆ"
แยนนี่สัมผัสได้ถึงความหดหู่ของอีกฝ่ายผ่านทางโทรศัพท์ ชายหนุ่มยังไม่ยอมแพ้เขาถามเธอต่ออีกว่า "งั้นเราเป็นเพื่อนกันได้ไหม"
ซามูเอลไม่ได้ขอมากเกินไป ดังนั้นแยนนี่จึงไม่อาจปฏิเสธมันได้
หลังจากวางสายไป แยนนี่เห็นจดหมายที่อยู่ตรงทางเข้าก็นึกขึ้นได้ เธอจึงหยิบมันขึ้นมาและเปิดดูทีละฉบับบนโต๊ะก่อนที่จะอ่านอย่างรอบคอบ
ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่เขียนในจดหมายนั้นจะเต็มไปด้วยถ้อยคำออดอ้อนที่ถูกเคลือบไปด้วยน้ำตาล
'นี่เป็นสาเหตุที่ซามูเอลกลับมาอย่างกระทันหัน'
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจดหมายพวกนี้จะเต็มไปด้วยคำพูดหวานๆ แต่พวกมันก็ไม่ได้เลี่ยนจนน่าขนลุกเลยแม้แต่น้อย มองแค่แวบเดียวใครต่อใครก็จะคิดว่าจดหมายพวกนี้ส่งมาจากเธอ
ดูเหมือนว่าใครก็ตามที่ปลอมแปลงจดหมายจะเข้าใจบุคลิกของเธอค่อนข้างดี
ถึงแม้ว่าจะมีจดหมายหลายฉบับ แต่แต่ละฉบับก็ไม่ได้เขียนเนื้อความจนมากเกินไป และหลังจากที่ใช้เวลาพอสมควรในการอ่านมัน แยนนี่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจดหมายเหล่านี้มีจุดไหนที่ผิดแปลกไปจากลายมือจริงๆ ของเธอ
ดูเหมือนว่าใครก็ตามที่เลียนแบบลายมือของเธอจะทำได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เพราะแม้แต่เธอเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจ มันคล้ายกับงานเขียนของเธอมากเสียจนตัวเธอเองแทบจะแยกไม่ออก
ขณะที่เธอกำลังรู้สึกมืดแปดด้านอยู่นั้น ดวงตาก็พลันมีประกายขึ้นมาเมื่อเธออ่านจดหมายฉบับสุดท้าย
คำว่า 'ด้วยรักและคิดถึง' ที่สะกดในจดหมายนั้นถูกต้อง
อย่างไรก็ตามแยนนี่มีนิสัยชอบสะกดคำว่า 'ด้วยรักและคิดถึง' ที่ผิดไปจากปกติ เธอมักจะสะกดมันแบบแปลกๆ
เห็นได้ชัดว่าคนที่เลียนแบบลายมือเธอไม่ทราบเกี่ยวกับนิสัยเล็กๆ น้อยๆ นี้
คิดได้อย่างนั้นแยนนี่จึงหยิบจดหมายและบุกไปที่บ้านของตระกูลจาร์คอป
…
แยนนี่ไม่ได้เข้าไปในบ้านทันทีเมื่อเธอไปถึง เธอเพียงแค่เดินเข้าไปบริเวณลานบ้านก่อนจะยืนอยู่ข้างต้นไม้เพื่อสำรวจดูบริเวณนั้นอยู่เงียบๆ ชั่วขณะหนึ่ง
พ่อบ้านคนเดิมของตระกูลจาร์คอปสังเกตเห็นเธอเข้า เขาก็ทักทายแยนนี่อย่างร่าเริง "โอ้ คุณผู้หญิง คุณกลับมาแล้ว นานมากแล้วที่ผมไม่เห็นคุณผู้หญิง ยิ่งโตยิ่งงามเหลือเกิน!"
เป็นที่รู้กันว่าควีนซี่เป็นคนอ่อนโยนในตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ และคนรับใช้ทุกคนในบ้านของตระกูลจาคอปก็เคารพเธอมาก อย่างไรก็ตามหลังจากที่ลีน่าเข้าพิธีวิวาห์อย่างเป็นทางการ เธอก็เลิกจ้างคนรับใช้ส่วนใหญ่ที่ควีนซี่เคยจ้างไว้ แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนว่าพ่อบ้านคนนี้จะมีความสามารถในการทำงานอย่างแท้จริงทำให้เขายังคงอยู่ดูแลรับใช้ตระกูลนี้ได้อยู่
ลีน่าเคยดูถูกแยนนี่ในตอนที่เธอยังเด็กและอ่อนต่อโลกเกินไปที่จะทำความเข้าใจว่าโลกนี้แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร แต่ดูเหมือนว่าพ่อบ้านคนนี้จะเป็นคนที่แอบช่วยเธอไว้หลายต่อหลายครั้งในอดีต
ดังนั้นแยนนี่จึงรู้สึกขอบคุณพ่อบ้านคนนี้อยู่เสมอ
“โอ้ ฉันไม่ได้จะเข้าไปหรอกค่ะ ลุงจอห์นนี่คะ ฉันมาวันนี้เพราะมีเรื่องจะคุยกับคารา คุณลุงช่วยไปบอกเธอให้ออกมาหาฉันหน่อยได้ไหม?”
"แยนนี่! ที่นี่เป็นบ้านของตระกูลจาคอป! เธอกล้าดียังไงมาตบฉัน!"
แยนนี่หัวเราะอย่างเยือกเย็นก่อนจะสวนกลับไปด้วยแรงอารมณ์ "เธอต้องการให้วิลสันออกมาเข้าข้างเธออีกแรงหรือไง? เอาสิ ฉันจะได้ด่าเขาด้วยอีกคนถ้าเธอเรียกเขาออกมา มันผิดที่คนเป็นพ่อไม่รู้จักสั่งสอนลูกสาวของเขาให้ดี เธอรู้ไหมว่าความไร้ความสามารถของเขาทำให้เธอโตมากลายเป็นคนที่น่ารังเกียจ”
“แก… แกมันไร้ยางอายสิ้นดี! เขาก็เป็นพ่อแกเหมือนกันนะ!”
แยนนี่ยิ้มเย็นรอยยิ้มของเธอราวกับใบมีดที่สามารถเชือดเฉือนคนมองได้ "พ่อของฉันตายไปนานแล้ว"
จากนั้นแยนนี่ก็ขยับเข้าไปใกล้ขณะที่ยกมือขึ้นมาจ่อใบมีดลงไปที่แก้มของคาราแล้วก้มศีรษะลงไปกระซิบที่หูของคาราแผ่วเบาแต่ทว่ากลับชัดเจน "ถ้าเธอกล้าทำอะไรลับๆ ล่อๆ ลับหลังฉันอีก ฉันจะไม่ทำเพียงแค่ตบเธอแบบนี้อีก เธอก็รู้ดีว่าฉันกล้าได้กล้าเสียแค่ไหน แหม ฉันอาจจะกรีดแก้มเล็กๆ ของเธอด้วยมีดนี่จริงๆ ก็ได้”
คาราตาเบิกโพลงขณะที่เธอจ้องมองใบหน้าแย้มยิ้มของแยนนี่ด้วยแววตาสั่นระริก หญิงสาวรู้สึกหวาดกลัวในขณะนั้นเธอคิดจริงๆ ว่าแยนนี่จะเฉือนใบหน้าของเธอด้วยมีดเล่มนั้นด้วยเวลาเสี้ยววิถัดไปคมมีดอาจจะกรีดลงที่แก้มของคาราและทิ้งรอยเลือดไว้บนใบหน้าของเธอจริงๆ
คาราทั้งหวาดกลัวและโกรธจัดในเวลาเดียวกันหญิงสาวจิกเล็บลงบนฝ่ามือพลางพูดเสียงสั่นเครือ "ฉันขอเตือนเธอ แยนนี่ ที่นี่คือบ้านของตระกูลจาร์คอป หากเธอกล้าทำอะไรบ้าๆ พ่อแม่ของฉันจะไม่ปล่อยเธอไปแน่เมื่อพวกเขารู้เรื่องนี้"
“ถ้าฉันเป็นเธอฉันจะไม่ต่อปากต่อคำเพราะมีดเล่มนี้อาจเฉือนหน้าเธอเมื่อไหร่ก็ได้”
“เธอต้องการอะไรกันแน่ แยนนี่”
แยนนี่ใช้มีดเล่มเดิมตบที่หน้าของคาราเบาๆ "นี่จะเป็นการเตือนครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของฉัน ถ้าเธอยังกล้าทำอะไรสกปรกๆ ลับหลังฉันมากกว่านี้ ฉันไม่รับประกันว่าตอนไหนที่ฉันจะเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมา อย่างที่เธอรู้ ฉันมันบ้า เธอน่าจะรู้ตั้งแต่วันแรกว่าฉันไม่ใช่คนที่เธอจะมาเล่นด้วย ตั้งแต่ที่เธอและแม่ของเธอย้ายเข้ามาที่บ้านจาร์คอปตอนนั้นฉันแปดขวบ วันแรกที่พวกเธอย้ายเข้ามาพวกเธอต้องการที่จะโค่นฉันออกไป แล้วฉันยังขู่วิลสันได้อีกด้วยว่าฉันจะฆ่าตัวตาย ถ้าฉันไม่กลัวที่จะตายแล้วเธอคิดว่าฉันจะกลัวที่จะฆ่าเธอไหม?"
“เธอกำลังขู่ฉัน!”
แยนนี่ฉีกยิ้มอย่างไร้ความกังวล "เธอคิดว่าฉันจะกลัวเธอแจ้งตำรวจจับที่เข้ามาขู่เธอถึงในบ้านจาคอปนี่เหรอ? เอาสิคารา ลองทำแบบนั้นดูอีกสิ ฉันจะได้แสดงให้เธอเห็นว่าฉันสามารถสร้างนรกให้กับเธอได้อย่างไรบ้าง "
ทันใดนั้นแยนนี่ก็เอียงมีดของเธอจ่อเข้าใกล้ใบหน้าของคาราอีก คาราคิดว่าแยนนี่กำลังจะลงมือเฉือนเธอจริงๆ หญิงสาวหวาดกลัวเสียจนหน้าซีดเผือด
แต่ถึงอย่างนั้นแยนนี่ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างใจเย็นก่อนที่จะเก็บมีดของเธอไว้พลางพูดว่า "เธอค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการเลียนแบบลายมือของฉัน แต่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าฉันมักจะสะกดคำว่า 'ด้วยรักและคิดถึง' ผิด เพราะเธอกลับสะกดมันอย่างถูกต้อง เอาล่ะ มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ความจริงจากการง้างปากสารภาพผิดครั้งนี้ ถ้าเธอต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่ขโมยมานี้ต่อไป ฉันขอแนะนำให้เธอประพฤติตัวดีๆ ไม่อย่างนั้นแม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยชีวิตฉันก็จะลากเธอและตระกูลจาคอปลงนรกไปพร้อมกับฉัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน