ปีนั้นที่นอร์ธซิตี้มีหิมะตกหนักในวันส่งท้ายปีเก่า
ทั้งเมืองถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวจนหนาเตอะ และมีรอยเท้าสกปรกเปื้อนโคลนทิ้งไว้บนหิมะสีขาวพวกนั้น
เนื่องจากงานทั้งหมดของแยนนี่ถูกยกเลิก เธอจึงตัดสินใจกลับไปที่เมืองลุชเวย์เพื่อใช้เวลาช่วงปีใหม่กับป้าเฮเธอร์
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีอารมณ์ดูรอบปฐมทัศน์ของ 'แบล็ค แอนด์ ไวท์' ตอนเที่ยงคืนของวันปีใหม่อีกต่อไป
เธอรู้สึกหลงทางเมื่อพบตั๋วหนังสองใบในกระเป๋าสตางค์
พวกมันเป็นตั๋วที่ออกโดยทีมผู้ผลิต
เธอตั้งใจเลือกที่นั่งในจุดมุมของโรงภาพยนตร์ด้วยซ้ำ
เพราะในตอนนั้นเธอตั้งใจจะไปดูมันกับเชนน์
แต่ถึงอย่างนั้นเวลานี้…
แยนนี่ฉีกตั๋วหนังแล้วทิ้งลงถังขยะ
ขณะที่เฮเธอร์กำลังง่วนอยู่กับการทำเกี๊ยว เธอถามแยนนี่ว่า "นี่ แยนนี่ เชนน์จะมาใช้เวลาช่วงปีใหม่กับเราไหม? ตอนนั้นเขาบอกว่าบ้านเราหนาวเกินไป แต่ตอนนี้เราติดเครื่องปรับอากาศแล้วตั้ง 2 เครื่อง ทำไมตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่ล่ะ?”
'ใช่ ตอนนี้บ้านอุ่นมาก เพียงใส่แจ็กเก็ตบางๆ ตัวเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนอบอุ่น แต่ถึงอย่างนั้นเชนน์คงจะไม่มาอีกต่อไปแล้ว'
อากาศที่บ้านเย็นมากในวันส่งท้ายปีเก่า ขณะนั้นเชนน์และแยนนี่ใช้เวลาทั้งคืนขดตัวกอดกันในรถ ทั้งคู่นอนในรถหนึ่งคืนเต็มระหว่างรอปีใหม่ที่จะมาถึง
แยนนี่ลอบกลืนน้ำลายเธอไม่อยากให้เฮเธอร์ต้องเป็นกังวล เธอจึงตอบปัดไปว่า "เขาไม่มาเพราะเขามีญาติมาเยี่ยมด้วยในช่วงปีใหม่นี้น่ะ"
เฮเธอร์ตอบในขณะที่มือกำลังห่อเกี๊ยว "ก็จริงแฮะ ทุกคนต้องไปเยี่ยมญาติในช่วงปีใหม่ งั้นเขาว่างเมื่อไหร่ก็ค่อยชวนมาสิ เขาเคยบอกว่าชอบเกี๊ยวของฉันไม่ใช่หรือ? ตอนที่เธอกลับเมืองก็เอาไปฝากเขาด้วยสักหน่อยก็แล้วกัน”
แยนนี่ตอบกลับไปเพียงว่า "ได้สิคะ" เธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ป้าเฮเธอร์พูดเลยสักนิด
แยนนี่เปิดเมสเซนเจอร์ของเธอและสังเกตเห็นว่าครั้งสุดท้ายที่เธอติดต่อกับเชนน์คือปีที่แล้ว
เธอไม่เคยคิดว่าสงครามเย็นของพวกเขาจะยืดเยื้อมาถึงครึ่งปี
ตอนที่ถ่ายทำ 'แบล็ค แอนด์ ไวท์' ที่ออซซิตี้ในตอนนั้นเชนน์เดินทางหลายไมล์มาที่เมืองเพื่อฉลองวันเกิดให้เธอ ในตอนนั้นเมื่อเห็นดอกไม้ไฟที่ถูกจุดและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเธอคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะคงอยู่ตลอดไป ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอทำตามสัญญาเพียงเพราะยังจมอยู่กับช่วงเวลาเหล่านั้น
แม้ว่าแยนนี่จะไม่ใช่คนประเภทที่จะหลั่งน้ำตาง่ายๆ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
ดูเหมือนว่าทุกความทรงจำที่เธอแบ่งปันกับเชนน์นั้นมันฝังลึกอยู่ในใจและยากที่จะลืม
ตอนนั้นเองที่เธอได้รู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะโน้มน้าวใจตัวเองให้ลืมใครบางคน
“นี่ แยนนี่ มานี่หน่อย มาช่วยฉันทำเกี๊ยวหน่อยสิ แล้วเธอมาทำอะไรอยู่ในห้องคนเดียวล่ะ?”
แยนนี่สูดจมูกและพูดว่า "ค่ะ หนูมาแล้ว"
หลังจากที่ทั้งสองคนทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เฮเธอร์ก็เอนกายบนโซฟาดูรายการพิเศษวันปีใหม่ทางทีวี ในขณะที่แยนนี่เลื่อนดูจอโทรศัพท์อย่างเหม่อลอย
เธอรับโทรศัพท์หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
เมื่อรับสายหญิงสาวก็ได้ยินเสียงของซามูเอล "สวัสดีปีใหม่แยนนี่"
"นายด้วย สวัสดีปีใหม่"
เธอได้ยินเสียงพลุจากปลายสายของซามูเอล บรรยากาศฟังดูมีชีวิตชีวามาก
จากนั้นซามูเอลก็พูดว่า "ตอนนี้ฉันอยู่ในเมืองลุชเวย์ตรงทางแยกไปบ้านของเธอ เรามาเจอกันหน่อยได้ไหม?"
แยนนี่ตกตะลึงและประหลาดใจเล็กน้อยเพราะไม่คาดคิดว่าซามูเอลจะยังจำได้ว่าบ้านคุณยายของเธออยู่ที่ไหนหลังจากที่เคยบอกไปเมื่อหลายปีก่อน
แม้ว่าซามูเอลจะปรากฏตัวโดยไม่ได้รับเชิญ แต่แยนนี่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ไปพบเขา
หลังจากวางสายแยนนี่ก็พูดว่า "คุณป้า หนูจะออกไปข้างนอกสักพักนะ"
ดวงตาของเฮเธอร์เป็นประกายระยิบระยับเธอรีบถามว่า "เชนน์มาที่นี่หรือ?"
“เปล่าค่ะ แค่นัดกับเพื่อนธรรมดา เดี๋ยวหนูกลับมา”
“ฉันจำได้ทุกคำที่เธอพูดกับฉัน” ซามูเอลกล่าวต่อ "ไม่ว่าจดหมายเหล่านั้นจะเขียนโดยเธอหรือใครก็ตาม มันไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือฉันอยู่ที่นี่และได้เจอเธอ เพราะงั้นฉันยังสามารถพยายามเอาชนะใจเธอได้อีกครั้ง"
แยนนี่หัวเราะออกมาและจ้องมองที่เขา “นายไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยแม้จะผ่านมาหลายปี นายยังไร้เหตุผลเหมือนเดิม”
“ความจริงก็คือการที่ฉันพยายามไล่ตามและเอาชนะใจเธออีกครั้งมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย เพราะนี่เป็นปัญหาของฉันที่ต้องจัดการ”
แยนนี่พยักหน้าและพูดว่า "อืม นั่นมันก็มีเหตุผลสมกับเป็นตรรกะที่ออกมาจากหัวนาย ซามูเอล"
ซามูเอลจ้องเธอด้วยท่าทางจริงจังสุดๆ แล้วพูดต่อว่าา "ฉันยอมรับว่าทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง"
"แต่... ฉันคิดว่าฉันไม่เหลือความรู้สึกใดๆ กับนายอีกต่อไปแล้ว"
ลึกๆ แล้วแยนนี่ยังคงปรารถนาให้คนที่เธอยังรักเป็นซามูเอล เพราะนั่นคงจะวิเศษมากสำหรับเธอ
มันคงวิเศษมากถ้าวิญญาณที่แตกสลายจะกลับมาพบกับเศษเสี้ยวของความฝันในช่วงวัยแรกแย้มที่หายไปอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านมาเนิ่นนาน
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงได้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่พวกเขาพลาดไปนั้นไม่สามารถหวนกลับคืนมาได้ เพราะการยึดติดกับอดีตมันช่างไร้ประโยชน์
"ผู้คนมักจะตกหลุมรักคนๆ เดียวหลายครั้งในชีวิต ฉันเป็นของเธอตลอดไปแยนนี่ และฉันสามารถรอเธอกลับมารักฉันอีกครั้งได้ ฉันไม่ได้เลือกปล่อยให้เธอเสียเวลารอฉันอยู่คนเดียวอย่างลมๆ แล้งๆ เพราะฉันได้ตัดสินใจทำแบบนั้นตอนที่ฉันคบกับเธอเมื่อห้าปีก่อน ทั้งหมดเป็นเพราะตัวเลือกที่ฉันมุ่งมั่นจะไปเรียนต่อต่างประเทศอยู่คนเดียว จริง ๆ แล้วฉันคิดว่าฉันมักเป็นผู้นำในความสัมพันธ์ของเราอยู่เสมอ ฉันคิดว่าตราบใดที่รักเธอแม้ว่าฉันจะจากเธอไปสิบปีเธอก็จะยังเป็นของฉัน"
แยนนี่ยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ฉันคิดว่าฉันจะโทษนายตลอดไป แต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของนายทำให้ฉันรู้ว่าจริง ๆ แล้วฉันเลิกโทษนายไปนานแล้ว ไม่ใช่ความผิดนายที่จะไปมีการมีงานที่นั่นและไม่ใช่ความผิดนายอีกเช่นกันที่เราเลิกรา สิ่งเดียวก็คือในตอนนั้นฉันแค่อยากมีบ้าน ฉันอยากจะแบ่งปันอาหารทั้งสามมื้อและใช้ช่วงเวลาในแต่ละฤดูที่ผ่านไปกับนาย แต่สิ่งที่นายต้องการในตอนนั้นคือการแสวงหาชีวิตที่ดีขึ้นพยายามไขว่คว้าหาวัตถุนิยม”
"ซามูเอล เราทั้งคู่ไม่ผิด สิ่งเดียวคือเราพลาดเป้าหมายในชีวิต"
"แต่ตอนนี้เราจะไม่พลาดอะไรอีกแล้ว ตราบใดที่เธอเต็มใจยอมรับฉันสามารถเติมเต็มเป้าหมายชีวิตที่เธอตั้งไว้มีชีวิตแบบนั้นร่วมกับเธอได้ ไม่สำคัญหรอกว่าจะแบ่งกันกินวันละสามมื้อแล้วใช้เวลาแต่ละฤดูกาลที่ผ่านไปด้วยกันหรือประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดงของเธอ ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ”
ซามูเอลหันกลับมาและจ้องมองที่เธอ รอยยิ้มของเขาอบอุ่นและอ่อนโยน ชายหนุ่มเอื้อมมือมาลูบกลุ่มผมนิ่มการจ้องมองของเขาเต็มเปี่ยมด้วยความรัก
แต่ถึงอย่างนั้นแยนนี่ก็จ้องมองเขากลับด้วยรอยยิ้มบางๆ ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้ง เธอไม่ได้พูดอะไร
แยนนี่ไม่ต้องการสิ่งนั้นอีกต่อไป
เธอได้เรียนรู้ที่จะอดทนต่อความยากลำบากของตัวเองและอยู่กับมันได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน