หลังจากที่แยนนี่จากไปเชนน์ก็เริ่มร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์มื้อค่ำของพวกนักธุรกิจมากขึ้น
ความจริงก็คือสำหรับคนที่อยู่ในตำแหน่งของเชนน์และอิทธิพลของจินน์กรุ๊ปในประเทศนี้นั้น เขาไม่มีความจำเป็นต้องออกไปร่วมดินเนอร์เพื่อสร้างสัมพันธ์ทางธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ นี้เลย
นักธุรกิจที่จะร่วมการรับประทานดินเนอร์นั้นสามารถแบ่งออกเป็นสามประเภท
พวกแรกคือพวกที่ทำมาหากินเพื่อเลี้ยงครอบครัว พวกเขาจะหาโอกาสร่วมงานดินเนอร์นับไม่ถ้วนเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ตื้นๆ กับผู้คน และเมื่อพวกเขาสานสัมพันธ์กับพวกนักธุรกิจที่ร่ำรวยกว่าสำเร็จแล้วพวกเขาก็จะขอช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบรับเล็กๆ หรือการพยักหน้าเพียงครั้งเดียว
ประเภทที่สองคือคนที่เกี่ยวข้องกับคนประเภทที่สามเสมอ คนกลุ่มที่สองจะมีฐานะมั่งคั่งมากกว่าคนชนชั้นกลางทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความสามารถและพรสวรรค์ของคนกลุ่มนี้ก็ยังไม่สามารถทำให้ตัวเองนั้นไต่ขึ้นไปถึงชนชั้นสูงได้อย่างที่ใจหวัง พวกเขาจะมีทรัพย์สินมูลค่ามากกว่าสิบล้านเหรียญและพวกจะเป็นที่รู้จักในหมู่คนธรรมดาว่าเป็นพวกร่ำรวย พวกเขามันจะมีจุดขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างล้มละลายกับทำกำไรได้มาก รายได้ของพวกเขาไม่แน่นอนเพราะมักจะทำกำไรได้ในไตรมาสที่หนึ่งและขาดทุนในไตรมาสที่สอง ความมั่งคั่งของคนกลุ่มนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของชนชั้นสูงและการทำลายบริษัทของพวกเขานั้นก็ง่ายเหมือนการบดขยี้มด
คนที่สามคือคนอย่างเชนน์ พวกเขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในความร่ำรวยที่แท้จริงและกลุ่มคนชนชั้นสูงเช่นนี้ได้รับการยกย่องจากทุกชนชั้นในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่พวกเขาจะเลือกเข้าร่วมโดยเฉพาะ และคนชนชั้นสูงอย่างนี้จะถูกมองว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งในงานนั้นๆ เสมอ
คนประเภทที่สี่จะปรากฏตัวบ้างเป็นครั้งคราวในงานเลี้ยงอาหารค่ำและพวกเขาก็คือพวกรับแขก พวกเขามักจะแต่งตัวและเสแสร้งเป็นคนดังเพื่อเล็ดลอดเข้าไปปะปนกับชนชั้นสูง พวกเขาไม่มีพรสวรรค์ในการสนุกสนานหรือดื่มเลยและจุดประสงค์หลักๆ ก็แสนเรียบง่าย สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือการตกปลาตัวใหญ่ที่สามารถดูแลและจ่ายเงินเลี้ยงดูให้พวกเขาได้ไปตลอดชีวิต และไม่สำคัญสำหรับคนกลุ่มนี้ว่าปลาตัวใหญ่จะมีภรรยาแล้วหรือไม่
สิ่งสำคัญที่สุดคือปลาตัวใหญ่จะให้เงินพวกเธอหรือเปล่า
เมื่อก่อนคนเล่นสนุกอย่างเชนน์จะไม่เข้าร่วมดินเนอร์ที่ไร้จุดหมายแบบนี้ด้วยซ้ำเพราะเขาเข้าร่วมเฉพาะงานที่จัดโดยคนสนิท
อย่างไรก็ตามไม่แน่ใจว่าเร็วๆ นี้ฮีลตันไปเจอลูกสาวของตัวเองจากที่ไหน เจ้าเด็กเหลือขอตัวน้อยมักจะอาละวาดแล้วก็ร้องหาอาหาร ดังนั้นนอกเหนือจากงานประจำที่ต้องทำฮีลตันก็ต้องรับบทเป็นพ่อบ้าน ดูเหมือนว่างานพ่อบ้านจะดูดเอาเวลาของฮีลตันไปเสียหมดเนื่องจากเขาหายไปจากกลุ่มโดยสิ้นเชิง
ส่วนคาเมรอนก็ยุ่งอยู่กับการถ่ายทำภาพยนตร์ทั่วโลกและเขาเคยกล่าวไว้ว่าเขาต้องการใช้ช่วงเวลาอันเยาว์วัยกับเบื้องหลังภาพยนตร์ ไม่เพียงแต่เขาจะหายไปจากสารบบเท่านั้นเพราะแม้แต่ติดต่อทางโทรศัพท์ก็ได้เจอแต่ผู้จัดการหรือไม่ก็ผู้ช่วย
ในด้านของลูคัสก็กำลังมีช่วงเวลาดื่มด่ำในชีวิตกับคู่หมั้นจ้ำม่ำของเขาและเชนน์ก็แทบลืมสิ่งมีชีวิตเซลล์นี้ไปแล้ว
พูดถึงร็อดนีย์แล้วนั้น… ไม่นานมานี้เขาเพิ่งหายตัวไปและแม้แต่เชนน์ก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาหายไปไหน ก่อนหน้านี้เขาเคยสอนพิเศษให้ซาแมนธาที่โรงเรียน แต่หลังจากที่ซาแมนธาเข้ามหาวิทยาลัยเขาก็ดูเหมือนจะหายลับไปจากโลกนี้
แยนนี่เองก็เช่นกัน
เรื่องทั้งหมดก็เท่านี้ ตอนนี้เชนน์กลายเป็นชายชราผู้โดดเดี่ยว
งานดินเนอร์ดูจืดชืดไร้สีสัน
เจ้าของธุรกิจจากโต๊ะถัดไปพยายามเข้าหาเชนน์เพื่อจะแบ่งโทสต์ให้ เชนน์ไม่ได้สนใจนักเพราะคนจำนวนมากเกินไปกำลังเรียกร้องความสนใจจากเขา เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะทำตัวเย่อหยิ่งและไม่ค่อยเข้าหาสังคมมากนัก
อย่างไรก็ตามวันนี้มันต่างออกไป
นั่นเป็นเพราะเจ้าของธุรกิจคนหนึ่งพาผู้หญิงที่เชนน์ไม่เพียงคุ้นเคยแต่เขายังร่วมสายเลือดเดียวกันกับเธออีกด้วย สองคนนั้นกำลังเดินมาหาเขาพลางแจกรอยยิ้มให้โต๊ะรอบข้าง
ขณะที่คุณเว็บสเตอร์เดินมาพร้อมกับแก้วไวน์เขาได้แนะนำผู้หญิงคนนั้นให้เชนน์รู้จัก "ไม่ได้เจอกันนานเลยประธานจินน์ ขอฉันแนะนำซีอีโอของเฮย์เนสคอร์ปอเรชั่นให้คุณรู้จัก ประธานมาเรีย แซนเดอร์ส..."
ก่อนที่คุณเว็บสเตอร์จะกล่าวแนะนำตัวจบสีหน้าของเชนน์ก็แปรเปลี่ยนเป็นไร้อารมณ์เขากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ผมรู้จักคุณหรือ?"
คุณเว็บสเตอร์ตกตะลึงเพราะตามเหตุผลแล้วประธานแซนเดอร์ยังคงเป็นแม่แท้ๆ ของประธานจินน์ แล้วเขาทำตัวหยาบคายแบบนี้ได้อย่างไร?
เขาแนะนำมาเรียให้รู้จักกับเชนน์เพราะเห็นเธอเป็นแม่แท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเพราะคิดว่าเขาจะสามารถช่วยรักษาความสัมพันธ์ของแม่ลูก และเว็บสเตอร์กรุ๊ปคงได้รับอะไรตอบแทนจากจินน์กรุ๊ปนับไม่ถ้วน
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าคุณเว็บสเตอร์จะยังไม่รู้ว่าเชนน์และมาเรียเกลียดชังกันในฐานะแม่ลูกมากแค่ไหน
มาเรียยังคงนิ่งสงบได้หลังจากที่เธอได้เจอกับท่าทีเย็นชาของเชนน์มาก่อนแล้วเธอไม่อายเลยที่เชนน์จะไม่สนใจ สตรีวัยกลางคนยังคงยื่นมือออกไปและยิ้มอย่างเป็นมิตร "ไม่เจอกันนานนะเชนน์"
เชนน์ฉีกยิ้มเย้ยหยันเขาไม่แม้แต่จะปรายตามองมาเรียเลยด้วยซ้ำ เสียงทุ้มตอบอย่างเย็นชา "เราไม่ควรเจอกันด้วยซ้ำ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องพูดว่า ‘ไม่เจอกันนาน’ เพราะผมไม่เคยคาดหวังว่าจะได้พบคุณอีก ผมหวังว่าชีวิตนี้เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วผมจะได้ใช้ชีวิตอย่างราบรื่น"
มาเรียกลืนน้ำลายอึกแต่ยังคงปั้นยิ้มอบอุ่นเธอตอบว่า "งั้นเราก็เป็นแค่หุ้นส่วนทางธุรกิจแล้วกัน เราไม่มีอะไรจะคุยกันจริงๆ หรือถ้าตัดเรื่องในอดีตของเราสองแม่ลูกทิ้งไป? เฮย์เนสคอร์ปอเรชั่นนั้นทำผลงานได้ค่อนข้างดีในต่างประเทศช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและเราประสบความสำเร็จในการตีตลาดท้องถิ่นส่วนใหญ่ คุณไม่สนใจที่จะพูดเกี่ยวกับผลประโยชน์นี้จริงๆ หรือ?”
'เฮย์เนส คอร์ปอเรชั่น'
คงไม่สมจริงอย่างยิ่งถ้าเชนน์ไม่สนใจว่าใครที่มาเรียแต่งงานหลังจากออกจากตระกูลจินน์ไป
อย่างไรก็ตามเชนน์ก็แค่ลองสืบดูว่าสามีคนที่สองของมาเรียนั้นมีเสน่ห์แบบไหนที่เหนือกว่าลีโอ
คำตอบแสดงให้เห็นว่านี่คือทั้งหมดที่ชายคนนั้นทำได้
จู่ๆ คิ้วที่ตึงเครียดของเชนน์ก็ผ่อนคลายลงเพราะเขาพบว่าสิ่งที่มาเรียพูดนั้นมันตลกมาก "คุณไม่ได้ป้อนนมแม่ให้ลูกน้อยของคุณเมื่อเขาต้องการมันตั้งแต่อายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบ ตอนนี้เขาอายุสามสิบแล้วคุณก็ปรากฏตัวขึ้นมาบอกเขาว่าต้องการชดเชยความผิดพลาดที่ผ่านมาทั้งหมด? มาดามแซนเดอร์ส คุณไม่คิดว่าตอนนี้คุณจะตลกเกินไปเหรอ?”
ชดเชยให้เขา? ผู้ชายวัยสามสิบจะขาดความรักอันเล็กน้อยเท่าเม็ดกรวดของมารดาอย่างมาเรียหรือไง?
คำพูดของเชนน์ผ่ากลางใจและไม่มีวี่แววของการให้อภัย มาเรียเริ่มอยู่ไม่สุขเธอรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง
เชนน์ทำเพียงแค่ก้มหน้าลงและติดกระดุมแขนเสื้ออย่างเกียจคร้านโดยไม่สนใจว่ามาเรียจะรู้สึกแย่แค่ไหน และสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจจะทำให้เธอรู้สึกแย่กว่าเดิมด้วยการพูดต่ออย่างสบายๆ ว่า "คุณมาหาผมเพียงเพราะต้องการให้ผมช่วยเก็บกวาดสิ่งที่เฮย์เนสคอร์ปอเรชันทำไว้ หยุดโกหกว่าคุณต้องการชดเชยความผิดพลาดให้ผมกับซาแมนธามันน่าขยะแขยง ผมจะยอมฟังคุณแต่โดยดีถ้าคุณเอ่ยปากขอร้องให้ช่วย บางทีผมอาจจะเต็มใจช่วยสตีเวนด้วยซ้ำเพราะคุณเคยเป็นแม่ของผมอย่างไรล่ะ ก็แหม เพราะเราเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดผมเลยไม่อยากเห็นคุณอยู่ในสภาพน่าสมเพชแบบนี้ไปตลอดเหมือนกัน”
“แต่คุณ คุณเที่ยวบอกว่ารักผมกับซาแมนธานักหนา คุณเข้าใกล้ผมแล้วทำเหมือนผมเป็นคนโง่เง่าเพื่อจะหาผลประโยชน์ที่คุณต้องการ เมื่อตอนสิบขวบหลังจากพ่อเสียไปและวันที่คุณจากไปกับสตีเวน ปู่บอกผมว่าคุณจะไม่กลับมาอีก ผมไม่เชื่อเลยวิ่งออกจากบ้านพร้อมรองเท้าแตะและไล่ตามรถของคุณไป ผมวิ่งตามคุณจนรองเท้าแตะมันหลุดหายไปแต่ตอนไหนก็ไม่รู้และสองเท้าก็เต็มไปด้วยเลือด ผมไม่อยากเชื่อว่าคุณจะไม่สังเกตเห็นว่าเด็กตัวเล็กๆ ไล่ตามคุณจากกระจกมองหลัง ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่แม้แต่จะชะลอหยุดรถเลยสักนิด”
“ผมเคยคิดอยู่ตลอดว่าถ้าตอนนั้นคุณหยุดรถเพียงสักนิดเดียวตอนที่ผมวิ่งตามคุณด้วยเท้าเปล่า บางทีผมคงไม่โกรธคุณมากเท่าตอนนี้ ผมแค้นคุณมากถึงขนาดให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับเฮย์เนสคอร์ปอเรชั่นเพราะผมอยากให้มันตกต่ำและล้มละลายไปในที่สุด แล้วอย่างนั้นผมจะช่วยคุณสะสางความยุ่งเหยิงนี้ไปเพื่ออะไร?"
'ฝันไปเถอะ'
มุมปากของเชนน์ยกยิ้มเหยียดราวกับปีศาจ มันช่างดูเย็นเยือกและน่ากลัวเหลือเกิน
มาเรียได้แต่กลืนก้อนน้ำลายฝ่ามือทั้งสองจิกเข้าหากันจนรู้สึกเจ็บถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้และร้องขออย่างดื้อดึง "แล้วถ้าฉันขอร้องคุณตรงๆ ให้ช่วยจัดหาเงินลงทุนให้กับเฮย์เนสคอร์ปอเรชั่นล่ะ?"
เชนน์หัวเราะเบาๆ ด้วยเสียงยานคาง ใบหน้าเขายังดูสง่าแต่คำพูดนั้นไร้ซึ่งความปราณีและเรียบนิ่ง "ผมหวังจริงๆ ว่าคุณจะขอโทษอย่างจริงใจและต้องการแก้ไขความผิด ตอนนี้ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิด ผมมันประเมินต่ำไปว่าแม่แท้ๆ จะปฏิบัติต่อลูกได้น่าสยดสยองเพียงใด"
มาเรียตัวแข็งทื่อไปหมด
เชนน์ถอยห่างออกไปสองก้าวก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้เขาจึงหันกลับมาและเตือนเธอว่า "แยนนี่เป็นคนของผมดังนั้นขอแนะนำให้คุณอย่าแตะต้องเธอ ไม่อย่างนั้น... ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณและสตีเวน "
มาเรียเคยเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังข่าวลือเสียๆ หายๆ ของแยนนี่ในอินเตอร์เน็ต
เชนน์ไม่ได้เข้าไปจัดการเพราะเห็นว่าเธอยังคงเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเขาจึงปล่อยเธอไปด้วยความเมตตาก่อนที่เธอจะทำอะไรที่รุนแรงไปกว่านั้น
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่หลงเหลือความเมตตาใดๆ ให้เธออีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน