ใบหน้าหล่อเหลาของ ฮีลตัน ดูขมขื่นในขณะที่ เวอเรียน พึมพำ “ฉันไม่ใช่ภรรยาที่แท้จริงของคุณ เจลลี่ บีนนั้นมันก็เป็นอุบัติเหตุ คุณวางแผนจะทำอย่างไรถ้ามีเจ้าตัวน้อยเพิ่มมาอีกคน?”
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า เจลลี่ บีน เป็นเด็กอุ้มบุญที่เธอคลอดเมื่อสามปีก่อนและไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เดิมทีเธอมีข้อตกลงง่าย ๆ กับเขาเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่เพียงสูญเสียคุณค่าของตัวเอง แต่หัวใจของเธอเองก็ต้องอับปางลงในไม่ช้านี้
“ถ้าท้องก็แค่คลอด ไม่ใช่ว่าคุณไม่เคยมีลูกมาก่อน”
น้ำเสียงของเขานั้นฟังดูสบาย ๆ และเย็นชา สิ่งนี้ทำให้ เวอเรียน ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจในทันที
มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะพูด แล้วใครจะมีสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็กเมื่อเวลานั้นมาถึง? ฝ่ายไหนจะได้เด็กไป?
“ฉันไม่ใช่แค่เครื่องผสมพันธุ์ของใครนะ”
เขามีสิทธิ์อะไรที่จะบังคับให้เธอมีลูกโดยไม่มีเงื่อนไขอย่างนั้นเหรอ? ไม่ต้องพูดถึงเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นเลย ‘การใกล้ชิดอย่างดุเดือด’ นั้นเป็นเธอที่ถูกบังคับซึ่งเธอไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้นตั้งแต่แรก
ดวงตาที่น่าหลงใหลของเขาทั้งคู่จ้องมาที่เธออย่างตั้งใจ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันและความโกรธอย่างรุนแรงที่ซ่อนอยู่อยู่เบื้องหลังดวงตาคู่นั้น
เธอไม่เต็มใจที่จะให้กำเนิดลูกอย่างนั้นหรือ เธอไม่เต็มใจที่จะมีลูกกับเขา?
ไม่รู้ว่าเธอดึงความกล้าบิ่นที่ไหนมา เธอถึงได้กล้าแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าไม่เต็มใจบนใบหน้าของเธอขนาดนี้ แต่ความโกรธที่ลุกเป็นไฟที่ไม่อาจควบคุมได้นั้นกำลังก่อตัวขึ้นในใจของเขา ดังนั้นคำพูดของเขาจึงไร้ความปรานี “เธอไม่ได้เป็นเครื่องผสมพันธุ์ของฉันเมื่อสามปีที่แล้วมาก่อนหรอกเหรอ? แล้วเธอจะกลัวอะไรถ้ามันเกิดขึ้นอีกครั้ง?”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอได้ซีดลงในทันที เธอประสานมือและยืนเงียบ ๆ อยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน หลังจากเงียบอยู่นานเธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฮีลตัน ฟัดด์ ฉันรู้ว่าคุณกำลังดูถูกฉันอยู่ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำลายตัวเองเหมือนเมื่อสามปีก่อนหรอกนะ คุณไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อตอกย้ำซ้ำเติมให้ฉันอับอายอยู่ตลอดเวลาก็ได้”
ทันทีที่เธอพูดจบ เธอก็หันกลับไปแล้วเดินไปที่ประตู
ฮีลตัน ยกมือขึ้นแล้วนวดคิ้วเข้าหากันเนื่องจากหัวของเขาเริ่มอีกอาการปวดขึ้นมาเล็กน้อย เขานั่งอยู่ข้างเตียงและถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เธอจะไปไหน?”
เธอไม่ได้หันกลับไปมอง เพียงพูดแค่ว่า “คืนนี้ฉันจะนอนกับ เจลลี่ บีน คุณเองก็ควรพักผ่อนได้แล้ว”
เวอเรียน กลั้นความเจ็บปวดในใจ เธอออกจากห้องนอนอย่างเร่งรีบ เธอก้าวออกมาด้วยความรู้สึกขมขื่นที่เธอได้กลั้นไว้ในลำคอก็ออกมาทันที ดวงตาของเธอเริ่มมีสีแดงขึ้นเล็กน้อย
ฮีลตัน ฟัดด์ เขาพูดกับเธออย่างนั้นได้อย่างไร?
…
ในเวลาห้าทุ่มครึ่งในคฤหาสน์ทั้งหลังมีแต่ความเงียบ ฮีลตัน มีอาการนอนไม่หลับ หลังจากนอนพลิกตัวอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน
เขารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ได้รุนแรงจนล้ำเส้นเธอไปบ้าง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอรับรถคันนั้นมาจาก ยานิ เควน หรือเธอแอบกินยาคุมกำเนิดสิ่งไหนกันแน่ที่ทำให้เขาระเบิด
ปกติแล้วเขาเป็นคนอารมณ์ร้าย และนิสัยของเขาก็เป็นที่รู้กันดีว่าแย่แค่ไหน
นิสัยใจคอของ เจลลี่ บีน ปกตินั้นค่อนข้างอ่อนโยน ดูเหมือนว่าเธอได้รับเศษเสี้ยวของเธอมาบ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเพิ่งตื่นนอน เจ้าตัวดีจะไม่หยุดร้องไห้คร่ำครวญ และจะใช้เวลาเป็นครึ่งวันในการทำหน้ามุ่ย ไม่สนใจผู้คน บางครั้งเมื่อเธอรู้สึกกระวนกระวายใจหลังจากตื่นขึ้นมาเธออาจใช้เวลาทั้งวันไม่สนใจใครเลย ลักษณะเฉพาะนั้นได้รับการถ่ายทอดมาจากเธออย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึง เจลลี่ บีน เขาก็นึกถึงเธอเองชอบแสดงความไม่พอใจเช่นกัน บนใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอปรากฏขึ้นในใจของเขา
เขาดึงผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นนั่งข้างเตียง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของ เวอเรียน ที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็ดังขึ้น
หน้าจอสว่างวาบและแสดงรายชื่อของ ยานิ เควน
ดวงตาสีดำมุกคมอันคมเข้มของเขายิ่งดำดิ่งลงไปในขณะที่เขานิ่งเงียบเป็นเวลาสามวินาทีก่อนที่จะตัดสายทิ้งจากนั้นลบบันทึกการโทรเข้า
…
ฮีลตัน เข้ามาในห้องของเจ้าตัวดีสิ่งที่เขาเห็นคือ เวอเรียน กอดร่างเล็ก ๆ ของ เจลลี่ บีน พวกเธอนอนหลับสนิท
เขาเดินเบา ๆ และแยก เจลลี่ บีน ออกจากอ้อมแขนของ เวอเรียน จากนั้นก็อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
เธอกำลังหลับสนิทแต่เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอถูกยกขึ้นด้วยแขนที่แข็งแรงคู่หนึ่ง แม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวบ้าง แต่เธอก็ยังรู้สึกปลอดภัยและไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แต่ว่าในตอนนี้เธอได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของเขาโดยไม่รู้ตัว
…
เช้าวันรุ่งขึ้น เวอเรียน เอื้อมมือจะไปกอด เจลลี่ บีน ตามสัญชาตญาณ ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เธอเลย เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็รู้ว่าเธอนอนอยู่ในห้องของฮีลตัน
เขาไปอุ้มเธอมานอนที่นี่อย่างนั้นเหรอ?
เวอเรียน เกาหัวของเธออย่างงุนงงเนื่องจากเธอจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้เลย
หลังจากสดชื่นขึ้นแล้วที่ชั้นล่างเธอก็เห็นเขาพา เจลลี่ บีน ออกจากไปที่ประตูด้านหน้าแล้ว เจลลี่ บีน บ่นอย่างไม่ค่อยพอใจและเม้มริมฝีปาก “ทำไมคุณพ่อถึงชอบให้หนูกินอาหารเช้าในรถเสมอด้วยละคะ? หนูอยากกินข้าวพร้อมกับมอนตี้ นะคะ!”
ภายในเวลาไม่ถึงสามนาทีออดี้สีขาวที่สวยงามสมบูรณ์แบบก็กลายเป็นแค่เศษเหล็กที่ถูกทิ้งในถังขยะ ถ้าจะซ่อมต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินครึ่งหนึ่งของราคารถทั้งหมดอย่างแน่นอน
เมื่อสามนาทีที่แล้วรถคันนี้ยังคงเป็นรถใหม่และในพริบตามันก็เป็นแค่เศษเหล็กทันที
‘หึ ๆ นี้เป็นเรื่องโชคร้ายจริง ๆ เจ้านายของเขาโหดเหี้ยมจริงๆ'
...
แผนกครีเอทีฟชั้นหกสิบ
“เมื่อกี้ตอนที่ฉันลงไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินเพื่อไปเก็บของ พวกเธอรู้ไหมว่าฉันเพิ่งเห็นอะไรมา”
“ทำไมเธอต้องทำตัวมีลับลมคมในด้วยล่ะ? เธอได้เห็นใครจับก้นของคนดังอย่างนั้นเหรอ?”
"ขยับเข้ามาสิ ฉันเห็น ผู้ช่วยคุซ พาผู้ชายสองคนที่ดูเหมือนอันธพาลไปทุบรถออดีสีขาวอย่างไร้ความปราณีเลยนะ! มันคือออดี้เอเซเว่นโดยปกติแล้วมีราคาประมาณเจ็ดถึงแปดแสนเหรียญเลยล่ะ! ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ช่วยคนนี้จะโหดได้ขนาดนี้ถึงขั้นนักเลงสองคนไปทุบรถของคนอื่น! ยิ่งไปกว่านั้นจากที่เห็นนะมันดูใหม่มากเหมือนเพิ่งใช้งานได้ไม่นานเองนะ!”
เวอเรียน ที่ทำงานของเธออยู่ข้าง ๆ พวกเธอก็ตะลึงทันที "คุณพูดว่าอะไรนะ?"
เพื่อนร่วมงานของเธอกลอกตาและจ้องมองเธอ “เธอจะกังวลอะไรมากมาย? มันไม่ใช่รถของคุณซะหน่อย”
เวอเรียน รีบออกมาทันที
ทั้งห้องจ้องมองตามหลังของเธออย่างสับสน
"ไม่มีทางหรอก มันจะเป็นรถเธอได้อย่างไรกัน”
“หรือจริง ๆ แล้วเธอมีเงินซื้อออดี้เอเซเว่น เราไม่สามารถตัดสินหนังสือจากหน้าปกได้อย่างแท้จริงหนอกนะ!”
“เธอไม่มีปัญญาซื้อเองหรอกหรือว่าเธอสร้างความประทับใจจนผู้ชายต้องซื้อมันให้เธอเลย!”
“นี่ไม่ใช่ว่า ท่านประธานฟัดด์ อนุญาตให้เธอใช้ลิฟต์ส่วนตัวของเขาในท่ามกลางสายตาของพนักงานเมื่อสองวันก่อนหรอกหรือ? ผู้ช่วยคุซ จะพาอันธพาลไปทุบรถของเธอภายในพริบตาได้อย่างไร”
“เธอถามอะไรแปลก ๆ ไปได้? เห็นได้ชัดว่าเธอนิสัยไม่ดี! ไม่แน่ว่าเธอทำให้ ท่านประธานฟัดด์ ขุ่นเคืองก็ได้! ผู้หญิงคนนี้มีดีแค่รูปร่างของเธอเท่านั้น ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่เธอจะนิสัยไม่ดีอย่างมาก ถ้าเธอไม่มีค่าอะไรมากไปกว่าแจกันว่างเปล่า เธอกำลังจะถูกไล่ออกจาก ฟัดด์ กรุ๊ป ในไม่ช้านี้แหละ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน