บอยล์ต้องกลับไปทำงานหลังจากวันที่เก้าของฤดูใบไม้ผลิ บอยล์พาเชอรีชกลับมาในเมือง
ฮันท์ลีย์กับวิทนีย์ชวนบอยล์กับเชอรีชไปปีนเขา ในวันสุดท้ายของฤดูใบไม้ผลิ
พวกเขาเคยไปปีนเขาด้วยกันที่ภูเขาไพรด์เมื่อเจ็ดปีก่อน
ตอนนั้นพวกเขายังเด็ก และมีความทรงจำที่สวยงามด้วยกัน
ครั้งนี้วิทนีย์นั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนภูเขา ส่วนบอยล์กับเชอรีชเลือกปีนเขาขึ้นไป
ฮันท์ลีย์จึงนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปกับวิทนีย์
บอยล์จับมือเชอรีช พวกเขาค่อย ๆ ปีนเขาขึ้นไป
แต่พอมาถึงครึ่งทาง เชอรีชก็ไม่อยากปีนขึ้นไปต่อ "บอยล์ ฉันเหนื่อยแล้ว"
บอยล์มองเธอด้วยความรัก เขานั่งลงโดยไม่ลังเล "ขึ้นมาสิ ผมจะแบกคุณขึ้นไป"
เชอรีชยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาวดุจไข่มุก เธอขึ้นขี่หลังบอยล์และกอดคอเขา เธอพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง "บอยล์ จำตอนที่คุณแบกฉันขึ้นเขา ที่เดิมเมื่อเจ็ดปีก่อนได้หรือเปล่า?"
บอยล์แบกภรรยาแล้วตอบด้วยความรัก "จำได้สิ"
เชอรีชพึมพำ "ช่วงนี้คุณทำให้ฉันน้ำหนักขึ้น ไม่รู้สึกว่าหนักขึ้นเหรอ?"
"หนักสิ ตอนนี้คุณหนักขึ้นมาหน่อย"
เชอรีชพูดไม่ออก
เธอสงสัยว่าเธอคงเป็นหมู
หญิงสาวมองเขาแล้วบ่น "ฉันหนักแค่เก้าสิบปอนด์เองนะ!"
บอยล์บอกเธอ "ผมแบกน้ำหนักโลกของผมทั้งใบบนหลัง มันก็ต้องหนักสิ"
หญิงสาวยิ้มด้วยความพอใจ เธอซบลงบนหลังของเขา
เชอรีชพิงไหล่บอยล์ หลังจากผ่านไปสักพักเธอก็ถามเขา "บอยล์ ถ้าคุณให้ฉันกินเยอะแบบนี้ต่อไป เราจะทำยังไงถ้าฉันอ้วนมาก ๆ ล่ะ?"
บอยล์อดหัวเราะไม่ได้ "ขอเถอะ ดูสิว่าคุณผอมแห้งแค่ไหน ถึงจะกินเค้กชอคโกแลตทุกวัน น้ำหนักคุณก็ไม่ถึงร้อยปอนด์หรอก"
"คุณรู้ได้ยังไง? อย่าบอกนะว่าตอนนั้นน้ำหนักฉันยังไม่ถึงเก้าสิบปอนด์? ดูตอนนี้สิ ฉันหนักเก้าสิบปอนด์แล้วนะ"
"งั้นเพิ่มน้ำหนักเพื่อผมอีกสิบปอนด์สิ"
เชอรีชตะโกนใส่หูเขา "ถ้าฉันอ้วนขึ้น กลัวว่าคุณจะอุ้มฉันไม่ไหวอีกน่ะสิ!"
"ผมยังอุ้มคุณไหว ถึงคุณจะน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกยี่สิบปอนด์"
"งั้นฉันก็อ้วนน่ะสิ!"
บอยล์บอกเธอ "อ้วนขึ้นอีกนิดก็ดีสิ"
'อีกนิดก็ดี แค่อ้วนกว่านี้อีกหน่อย'
เชอรีชดึงหูสามี "บอยล์ งั้นคุณต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อเลี้ยงฉันนะ"
"มาตั้งเป้ากันก่อน เราจะตั้งเป้าที่เก้าสิบห้าปอนด์"
เชอรีชคิดว่าเป้าหมายนั้นค่อนข้างยาก น้ำหนักเธอไม่เคยถึงเก้าสิบห้าปอนด์สักครั้ง เก้าสิบปอนด์ก็หนักสุดแล้ว
"ฉันไม่คิดว่าจะถึงเป้าหรอก ฉันเชื่อคุณ"
บอยล์หัวเราะและถามเธอ "เชื่อผมเรื่องอะไรกันแน่?"
เธอตอบเขา "ฉันเชื่อทุกอย่างที่คุณบอก!"
พวกเขาหยุดพักกันหลายครั้งแล้วปีนขึ้นไปต่อ พวกเขาคุยกัน และใช้เวลาไม่นานจึงถึงยอดเขา
เชอรีชกระโดดลงมาจากหลังของบอยล์ และรีบวิ่งไปที่ต้นหลิว
"เร็วสิ บอยล์ มาถ่ายรูปกัน!"
พวกเขาถ่ายรูปกับต้นไม้ต้นเดิมเมื่อเจ็ดปีก่อน
บอยล์รีบเข้าไปหาเธอ พวกเขาขอให้คนที่เดินผ่านช่วยถ่ายรูปให้
เหมือนในตอนนั้น เชอรีชกอดเอวและพิงแขนบอยล์ เธอดูสวยตอนที่ยิ้มอย่างมีความสุข
เชอรีชประจัญหน้ากับพระรูปนั้นทันที หลังจากได้ยินที่เขาพูด "มีปัญหาเหรอคะ ที่เราสองคนยังคบกันอยู่?"
"มันเป็นวัฏจักรของกรรม ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะมีเหตุผล เราทั้งคู่ไม่มีโชคชะตาที่จะข้ามไปด้วยกัน แต่เราก็ยังทำ อาตมาแต่เตือนโยม คุณหนู และอาตมาก็หมายความเช่นนั้น"
เชอรีชไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เธอตอกกลับเขา "ถ้าฉันบอกว่าบอยล์คือคนที่ดีที่สุด เขาก็ต้องเป็น"
พระหัวเราะและบอกเธอ "ถ้าคุณหนูไม่เชื่อ อาตมาก็จะไม่พูดมากแล้วกัน"
เชอรีชบอกเขา "ตอนนั้นท่านไม่ควรพูดอะไรเลย รู้หรือเปล่าว่าคำพูดนั้น อาจทำลายวัดมากกว่าทำลายการแต่งงานของคนอื่น?"
"มันก็ถูก คุณหนู"
เชอรีชหัวเราะแล้วตอกกลับเขา "ผ่านมาเจ็ดปีแล้ว ฉันกับบอยล์ก็ยังอยู่ด้วยกันอยู่ดี ท่านยังไม่ได้เป็นพระอาจารย์เลย ก็แสดงว่าท่านไม่เก่ง ในเมื่อท่านไม่เก่ง คำพูดที่ออกมาจากปากท่านล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ!"
พระตกใจกับคำพูดที่โกรธเคืองของเชอรีช เขาจึงหันหลังไปก่อนจะบอกเธอ "ช่างเป็นคนดื้อและสิ้นหวังอะไรอย่างนี้!"
เชอรีชโต้กลับเขา "ท่านนั่นแหละที่สิ้นหวัง! ท่านสร้างแต่ปัญหา แต่ทำไมยังเป็นพระอยู่อีก! เลิกยุ่งเรื่องของคนอื่นได้แล้ว!"
บอยล์หัวเราะและจับหลังเชอรีช เขาบอกพระอย่างไร้ความกลัว "ก็แค่คำพูดบ้า ๆ ของพระแก่เสียสติ ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก"
เชอรีชบ่นด้วยความโมโห "อย่าให้ฉันทำลายวัด และทำให้ตกงานนะ!"
บอยล์อดหัวเราะไม่ได้ "เอาสิ เราจะทำตามที่มาดามลอว์สันต้องการ เราจะทำลายวัดนี้"
"จริงเหรอ?"
เขามองเธอด้วยท่าทางจริงจัง "จริงสิ ผมไม่เคยโกหกคุณหรอก"
หลังจากนั้น เอ็มโอ กรุ๊ป ก็ทำลายวัด รวมไปถึงจุดท่องเที่ยวด้วย
ไม่แน่ใจว่าหลังจากนั้น เกิดอะไรขึ้นกับพระชรารูปนั้น
บอยล์สาบานกับตัวเองว่า ถ้าพระเจ้ามาขวางทางเขากับเชอรีช เขาจะฆ่าพระเจ้า และถ้าสวรรค์มาขวางทางเขา เขาก็จะทำลายสรวงสวรรค์ด้วยตัวเอง
เขาไม่กลัวสิ่งใดเลย
ดูเหมือนว่าบอยล์จะเป็นอัศวินเกราะเหล็กประจำตัวเชอรีช ที่ปกป้องเธอจากภัยอันตราย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน