ตอนที่ 131 รักเหมือนน้ำขึ้นน้ำลง
“เด็กในท้องเป็นลูกของฉันมั้ย”
ยศพลเอ่ยปากถาม แล้วมองเธออย่างเลื่อนลอย รอคำตอบที่ตัดสินชี้ขาดของเธอ
จารวีมองเขา แล้วดึงมือเล็ก ๆ ของตนออกมาจากฝ่ามือของเขา
“ยศพล เราไม่เหมาะสมกัน นายอย่าถามเรื่องลูกเลย ลูกเป็นของฉัน ไม่ได้เป็นของใคร”
คำตอบนี้เป็นคำตอบที่กวนตีนและบัดซบมากที่สุด แค่ตัวเธอคนเดียวจะทำให้มีลูกได้รึไง
ยศพลอยากจะเป็นบ้า อยากจะกระทืบคน อยากจะเขวี้ยงทำลายข้าวของ...
ตั้งแต่ตอนที่จารวีถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินมาจนถึงตอนนี้ ก็ผ่านมาสี่ชั่วโมงแล้ว ยศพลยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ เปียกโชก เขากังวลอย่างใจจดใจจ่อรอให้เธอตื่นขึ้นมา เพื่อให้เธอมาเคลียร์เรื่องนี้
แต่ว่า พอเธอตื่นขึ้นมากลับพูดแบบนี้ มันทำให้อารมณ์เขาเกินจะทนได้
“จารวี พูดจาให้มันรักษาน้ำใจคนหน่อย นี่ฉันอุตส่าห์ไปช่วยชีวิตเธอมาจากบนเขานั่นนะ ทำไมเธอกลับมาพูดจา กับฉันแบบนี้ห้ะ”
“ฉันไม่ได้ขอให้นายมาช่วยฉันซะหน่อย” จารวีตอบกลับอย่างเย็นชา
มันเหมือนเป็นการสาดน้ำเย็นใส่หน้ายศพล ยศพลเหยียดแขนออกแล้วชี้ไปที่จารวี บนใบหน้าของเขาแสดงออก มาอย่างบ้าคลั่ง “ก็ได้ จารวี รอฉันก่อนเหอะ ฉันจะทำให้ชัดเจนเอง”
ยศพลวิ่งออกจากห้องผู้ป่วยราวกับวัวกระทิงที่บ้าคลั่ง
นิรันยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องมาโดยตลอด เขามองยศพลวิ่งออกมาอย่างงุนงง เขาจึงโน้มตัวเข้ามาดูในห้อง
เขามองไปเห็นจารวีที่สติหลุดลอย ใบหน้าของเธออ่อนล้าและดูเลื่อนลอย เขาถามเธอด้วยความห่วงใยและกังวล ใจว่า“คุณจารวีครับ ร่างกายฟื้นตัวดีขึ้นรึยังครับ ตอนที่คุณชายเห็นคุณเป็นลม เขาก็ตกใจจนเกือบตาย แถมยัง ขับรถจนสุดชีวิต จนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุแล้ว…”
จารวีมองเขาอย่างเลื่อนลอย ไม่พูดอะไรสักคำ ในดวงตามีแสงเปล่งประกายระยิบระยับ
"....คุณจารวีครับ ความรู้สึกที่คุณชายมีต่อคุณจารวีนั้น อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยจริงๆ ผมเป็นคนโง่ที่ ไม่มี วาทะศิลป์นึกคำพูดดี ๆ ออกมา ผมแค่อยากจะบอกคุณจารวีสักหน่อย ว่าถ้าเมื่อกี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณจารวี คุณชายของผมจะต้องหมดอาลัยตายอยากแน่ ๆ ครับ"
เขาจะแคร์เธอมากขนาดนั้นเชียวหรือ เขาจะจริงจังและกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอขนาดนั้นเลยเหรอ เขามีผู้ หญิงมาแล้วนับไม่ถ้วน จะมาหมดอาลัยตายอยากเพราะจารวีเนี่ยนะ
อีกอย่าง เธอก็ยังเป็นคนในบ้านพูลสวัสดิ์ที่น่ารังเกียจคนหนึ่ง
ความสัมพันธ์ทางสายเลือดนี้ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้
จารวีหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง "นิรัน ขอบคุณที่ช่วยเราไว้นะ" เธอขอบคุณที่ช่วยเธอและลูกของเธอ
"ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมช่วยอะไรได้ไม่ถึงครึ่งซะด้วยซ้ำ คุณชายต่างหากที่คอยช่วยเหลือคุณมา ตลอด…"
ในวันต่อมา ยศพลก็ย้ายจารวีไปที่โรงพยาบาลเอกชนระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง
ที่นี่มีหมอที่ดีที่สุด และยังมีพยาบาลคอยบริการดูแลคนไข้เป็นพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง
น้าอามมาส่งข้าวแต่เช้า ในกล่องอาหารอุ่นๆเต็มไปด้วยยาบำรุง
“คุณจารวี รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ ยังไม่สบายตรงไหนรึเปล่าคะ”
บนใบหน้าของหน้าอามมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความห่วงใย น้าอามถามไถ่อาการเจ็บป่วยของจารวีอย่างละเอียด
"คุณชายให้น้าทำของดีมีประโยชน์มาให้คุณจารวีทานค่ะ คุณดูสิ ในกล่องมีแต่อาหารที่คุณชอบทานทั้งนั้น และ ยังมียาบำรุงให้ด้วยนะคะ"
จารวีลุกขึ้นนั่ง มีหมอนรองข้างหลัง เธอพิงหมอน มองแล้วยิ้มให้น้าอาม
แม้ว่าน้าอามคนนี้จะเป็นคนรับใช้ แต่ก็ดูแลทุกอย่างได้ทั่วถึงครอบคลุม จารวีก็ชอบเธอมาก ๆ
"น้าอาม ขอบคุณน้าอามมากนะคะ ที่จริงตอนนี้วียังไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไหร่น่ะค่ะ"
สภาพจิตใจไม่ค่อยดีแบบนี้ จะไปมีอารมณ์กินข้าวได้ยังไงล่ะ
"คุณจารวีคะ ตอนนี้คุณไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะคะ ถ้าคุณไม่ทานอะไรสักหน่อย เด็กในท้องคงต้องหิวแย่เลยนะ คะ กินสักหน่อยเถอะค่ะ" น้าอามพูดโน้มน้าวจารวี
พอพูดถึงลูก ในก้นลึกหัวใจของจารวีก็อบอุ่นขึ้นมา เธอยิ้มออกมาเบา ๆ แล้วรับซุปไก่มาจากน้าอาม
เมื่อเห็นจารวีเริ่มทานอาหาร น้าอามก็ยิ้มอย่างสบายใจ "นี่สิถึงจะถูก แม่กินอิ่ม ลูกก็ต้องโตมาร่างกายแข็งแรง แน่นอนค่ะ จริงสิ น้าได้ยินมาจากนิรันว่าเมื่อคืนคุณจารวีตากฝนจนเปียกโชกเลย โปรดให้อภัยคนรับใช้อย่างน้าที่ บังอาจออกคำสั่งเพื่อความหวังดีด้วยเถอะ คุณจารวีอย่าถือสาดิฉันเลยนะคะ”
จารวียิ้มพลางส่ายหัว "น้าอามอย่าเกรงใจวีมากขนาดนั้นสิคะ วีก็เห็นน้าอามเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง น้ามีอะไรอยากจะ พูด ก็พูดออกมาตรงๆเลยก็ได้ค่ะ คิดซะว่าวีเป็นลูกสาวของน้านะคะ"
น้าอามยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ "น้าจะโชคดีแบบนี้ได้ยังไงกัน น้าคงต้องเกิดสักแปดชาติ ถึงจะได้มีลูกสาว แบบคุณจารวี น้ารู้สึกว่าคุณจารวีกับคุณชาย...ทั้งคู่ต่างรักใคร่ชอบพอกัน แล้วทำไมถึงไม่อยู่ด้วยกันให้อย่างมี ความสุขละคะ ยังมีอะไรที่ไปด้วยกันไม่ได้เหรอคะ"
จารวีนิ่งเงียบไป ที่จริงแล้วคำพูดของน้าอามเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน
"คุณจารวี คุณอย่าโกรธไปเลยนะคะ อย่าหาว่าน้าขี้อวดเลยนะคะ ผู้ชายที่ดีต่อคุณจารวีแบบคุณชายยศพลน่ะ บน โลกนี้ก็มีแค่คุณชายยศพลคนเดียวนี่แหละค่ะ"
น้าอามพูดอย่างจริงใจ จารวีหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางใช้ช้อนจิบซุปไก่สีเหลืองทอง
"น้าอาม วีเข้าใจสิ่งที่น้าพูดนะคะ วีรู้ว่าเขาอาจจะรักวี แต่ว่าเขายังไม่เตรียมตัวที่จะเป็นพ่อที่ดีเลย เขายังเป็น เหมือนกับเด็ก น้าก็เห็นนี่คะ เวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ไม่มีวันไหนที่สงบสุขเลย ไม่ทะเลาะกันก็ตวาดกัน ตอนนี้วี รับวันแบบนี้ได้แล้วค่ะ แต่ในอนาคตถ้าลูกเกิดออกมาแล้ว วีก็ไม่อยากให้ลูกของวีจะต้องเผชิญหน้ากับพ่อที่ ก้าวร้าวและหยาบคายแบบนี้"
จารวีพูดด้วยเสียงที่เบาและนุ่มนวล แต่ละคำที่พูดออกมานั้นล้วนมีเหตุผล
รอยยิ้มบนใบหน้าของน้าอามค่อย ๆ จางหายไป "คุณชายเป็นแบบนี้ก็จริง มีนิสัยก้าวร้าวนิดหน่อย แต่เขารักคุณ จารวีมากนะคะ ถ้าเกิดคุณจารวีรักคุณชายจริงๆคุณก็จะสามารถเข้าใจในความรู้สึกและให้อภัยคุณชายค่ะ"
คำพูดของน้าอามที่เข้าหูของจารวี ทำให้เธอปฏิเสธหรือโต้แย้งอะไรไม่ได้อีก
เธอเข้าใจความหมายของคำพูดของน้าอามอย่างชัดเจน
หลังจากน้าอามกลับไป ห้องคนไข้ก็ว่างเปล่า
จารวีมักรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองเธอจากด้านนอกของห้องผู้ป่วย เขาอยู่ข้างนอก เธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเขา
ระหว่างพวกเขาสองคนเหมือนร่องน้ำสายหนึ่งไม่มีทางที่จะก้าวข้ามไปได้กั้นอยู่
ด้านนอกโรงพยาบาล นิรันวิ่งตรงมาหายศพลอย่างรีบร้อน
"คุณชายครับ ผมไปตรวจสอบมาแล้วครับ เมื่อวานเพราะว่ามีคนยิงปืนใส่คุณจารวี คุณมนต์ตรีก็อยู่ที่นั่นด้วย…"
ถ้าไม่ใช่เพราะได้ยินข่าวจากในโทรทัศน์เมื่อตอนเช้า ยศพลก็ยังไม่รู้ว่าจะมีคนมาทำร้ายจารวี
ภาพบนโทรทัศน์คือใบหน้าของจารวีที่ตระหนกตกใจ และมนต์ตรีที่ได้รับบาดเจ็บ น่าจะทำไปเพื่อกำบังลูกกระสุน ให้เธอ
เด็กคู่นี้นี่ เมื่อไหร่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสักทีนะ
ยศพลก้มหน้า เขารู้สึกได้ถึงความแข็งทื่อของเธอ เธอยังโกรธอยู่ ยังขัดขืนเขาอยู่
เขาจับใบหน้าของเธอ สายตาของเขามองจ้องเธออย่างลึกซึ้ง “นี่เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วเหรอว่าคิดจะต่อสู้กับ อันธพาลอย่างฉันจนถึงที่สุด”
ทันใดนั้นจารวีก็ค่อยๆยิ้มออกมา ใบหน้าเล็กๆดั่งลูกแพร์ของเธอดูน่ารักมาก ตอนที่เธอยิ้มกลับมีน้ำตาที่ถูกแสง สะท้อนจนเป็นประกายระยิบระยับราวกับคริสตัลไหลลงมาจากหางตา
นึกไม่ถึงเลยว่ายศพลจะออกตัวยอมรับว่าตัวเองโง่ อย่างน้อยคุณชายยศพลจอมหยิ่งก็ยังมีมุมก้มหัวให้คนอื่น
จารวีอยากจะหัวเราะ
เขาก้มหน้าลง แล้วโน้มไปจุมพิตที่หางตาของเธอ “ที่รัก เธออย่าร้องไห้นะ ทำไมเธอไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้อีก หน่อยล่ะ”
จารวีก้มหน้า กัดริมฝีปากล่างแล้วพูดออกมาอย่างสะอึกสะอื้นจนหายใจไม่ออก “ฉันบอกแล้ว ฉันบอกนายไป แล้ว บอกนายไปนานแล้ว แต่นายมันทึ่ม นายมันโง่ ตลอดมา...นายไม่เคยเข้าใจเลย…”
“เคยพูดแล้วเหรอ”
ยศพลงงไปพักหนึ่ง ทันใดนั้นมีบางสิ่งในจิตใจของเขาส่องประกายเหมือนดาวตกบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เปล่ง ประกายออกมาระยิบระยับ
สิ่งนั้นจุดประกายความทรงจำของเขา
“ยศพล นายชอบเด็กมั้ย”
“ยศพล ถ้าพวกเรามีลูกขึ้นมาจะทำยังไง”
“ยศพล ถ้าเด็กผู้ชายคนนี้เป็นลูกของนาย นายจะดูแลเขายังไงบ้าง”
“.....”
คำพูดของจารวีผุดขึ้นมาในหัวเขาเป็นฉากๆ เป็นเรื่องๆ จารวีเงยหน้าเล็กๆที่เต็มไปด้วยความหวังขึ้นมาแล้วถาม เขา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาแค่ฟังผ่านๆโดยไม่คิดถึงความหมายโดยนัยเลย
เธอกำลังบอกใบ้ให้เขารู้ เธอต้องการบอกว่าเธอมีลูกของเขาแล้ว แต่ไม่นึกว่าเขาจะโง่ซะจนไม่รู้เรื่องว่าเธอกำลัง จะบอกอะไร
ทันใดนั้นยศพลก็ใช้แรงผลักจารวีกดไปชิดติดกับกำแพง แล้วใช้จูบที่แผดเผาปิดล็อกริมฝีปากของเธอไว้ เขาทั้ง สองส่งผ่านลมหายใจอันอบอุ่นซึ่งกันและกัน
ยศพล นายนี่มันโง่จริงๆเลย
จารวี ที่เธอพูดมา มันไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่ายศพลกำลังกอดสมบัติล้ำค่าอยู่ เขาอยากจะกินเธอ ให้เธอไปอยู่ในท้องของเขา อยากจะกินร่างกายที่ นุ่มนวลอบอุ่นของเธอเข้าไป ไม่ให้ต้องแยกจากกันอีก
เธอค่อยๆตอบสนองความรุนแรงของเขาอย่างเขินอาย ในความสับสน ใบหน้าเล็กๆของเธอค่อยๆเปลี่ยนเป็นสี แดง
หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น ราวกับมีกระต่ายตัวน้อยอยู่ในอก ตอนนี้กระต่ายที่กระโดดโลดเต้นไปมาเหล่านั้นกระโดด ออกมาแล้ว
“ที่รัก ฉันมันเป็นคนเลวจริงๆนั่นแหละ เธออย่าคิดเล็กเล็กคิดน้อยกับคนอย่างโง่ฉันเลยนะ”
ยศพลกระซิบที่ข้างหูของเธออย่างร้อนแรง ราวกับอยู่ในความฝัน
ความรักเป็นดั่งกระแสน้ำ ซึ่งยากที่จะลอยหายไปได้ คนเราอยู่ด้วยกันต้องให้อภัยปรับความเข้าใจกันอย่างเสมอ ถึงจะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย