ตอนที่ 143 ความอดทนของเขา
สายตาของจารวีสบเข้ากลับนัยน์ตาห่วงใยของยศพล เธอรีบเบือนหน้าหนีอย่างเจ็บปวด เธอไม่อยากจะมองเขา
เสียงฝีเท้าของเขาก้าวเข้ามาอย่างหนักแน่น ยศพลหยุดยืนอยู่ที่ข้างเตียง จารวีหลับตาลง แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิในดวงตาของเขา
ทันใดนั้นมือหนาก็กอบกุมมือเล็กของเธอไปวางไว้บนใบหน้าของตน
" เธอพูดไม่ผิดหรอก ฉันมันคนสาระเลว เธอตีฉันสิ!”
จารวีชะงักมือของตนไว้ไม่ให้เค้าดึงเข้าไป
แต่ทว่าแรงของยศพลนั้นเยอะมากนัก เธอไม่สามารถต้านทานได้ เขาดึงมือของเธอตบลงไปหนักๆที่ใบหน้าของตนเอง
"พอแล้ว คุณอย่าทำแบบนี้นะยศพล ที่นี่คือโรงพยาบาล เลิกทำให้ฉันขายขี้หน้าสักที!”
จารวีใช้แรงดึงมือกลับเข้าหาตัว
ยศพลไม่ได้ฝืนใจเธอต่อ
"วี.."น้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยดังเข้ามาจากหน้าประตู
พลันใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ของยศพลก็แปรเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ เขามองไปยังผู้ชายที่ด้านนอกยังเป็นอริ
จารวีลุกขึ้นนั่ง เธอมองเห็นในมือของมนต์ตรี ถือผลไม้เข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
" วี พี่ได้ข่าวว่าวีไม่สบาย เป็นยังไงบ้าง?”
จารวีส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนแรง เธอลอบมองไปยังยศพล ยศพลยืนอยู่ที่ข้างเตียงนิ่งๆ เขาไม่ได้ออกไปและไม่ได้ชวนมนต์ตรีทะเลาะ แต่ทว่าจารวีสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นจากในดวงตา ที่เขากำลังพยายามอดกลั้น
" พี่มนต์ วีไม่เป็นไรแล้วค่ะ ก็แค่ไส้ติ่งอักเสบ ตอนนี้ผ่าออกไปแล้ว คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
" ไส้ติ่งอักเสบงั้นหรอ? งั้นก็ต้องระวังหน่อยนะ อย่าทานอาหารที่เย็นจัด”
จารวีมองไปทางทศพล"ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีเขาคอยดูแลอยู่”
มนตรีก็ไม่ได้คิดจะอยู่นาน เขานำอาหารที่ตัวเองลงมือทำเองมาให้เธอ แล้วจึงกลับไป
ตั้งแต่ต้นจนจบยศพลไม่ได้พูดอะไรออกมา บางทีอาจเป็นเพราะครั้งนี้จารวีป่วยหนัก แล้วในก้นบึ้งของหัวใจเค้าก็คงจะแคร์เธอเข้าแล้วจริงๆ
" โอ้โห คุณจะราวี คุณชายมนต์ทำผัดเปรี้ยวหวานซี่โครงหมูมาอ่ะค่ะ!"น้าอามเปิดกล่องอาหาร กลิ่นหอมหวลของผัดเปรี้ยวหวานซี่โครงหมูก็ลอยอบอวลไปทั่วทั้งห้องผู้ป่วย
จารวีกำลังหิว เธอจึงหยิบตะเกียบขึ้นมา" น้าอาม รีบเอามาให้วีชิมหน่อยค่ะ!”
ตั้งแต่ที่ตัวเองท้อง จะราวีเพียงแค่ได้กลิ่นอาหารเธอก็น้ำลายสอ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่แปลกมาก
เธอยื่นตะเกียบไปคีบมาหนึ่งชิ้น แต่ยังไม่ทันได้คีบเข้าปาก ก็ถูกมือหนามาปัดออกอย่างบ้าอำนาจ
กระดูกหมูหล่นลงบนผ้าห่ม ทำให้ผ้าห่มเป็นรอยเลอะของคราบน้ำมัน
จารวีจ้องมองยศพลอย่างงุนงง น้าอามตะลึงงัน เธอยืนนิ่งไม่ไหวติง
ยศพลแย่งอาหารไปอย่างถือวิสาสะ พลางนำมันทิ้งลงในถังขยะ
" ไม่ต้องกิน!!”
จารวีเงยหน้าขึ้นพลางจ้องมองเขา"ยศพล นี่คุณเป็นบ้าอะไรอีก?”
" ฉันไม่ได้บ้า แต่ว่าเธอไปอยู่บ้านไอ้มนต์ตรีแค่คืนเดียวก็ทำให้ไส้ติ่งอักเสบ เธอคิดดูสิว่าอาหารของบ้านมัน มันทำให้คนกินหรือเปล่า?”
" นี่คุณ"จะราวีพูดไม่ออก เธอถือตะเกียบอย่างงงงวย
"เอ่อ ที่คุณชายสามพูดก็มีเหตุผลนะคะคุณจารวี จริงๆแล้วคงเป็นเพราะอาหารนี้ คุณจารวีคงจะทานไม่ได้มั้งคะ ที่คุณชายสามนำมันไปทิ้งนั้นถูกต้องแล้วค่ะ ตอนนี้คุณจารวีกำลังท้อง ควรจะงดทานอาหารบางอย่าง "น้าอาม รีบไกลเกลีย
ไม่อย่างนั้นเด็กหนุ่มสาวคู่นี้คงจะทะเลาะเบาะแว้งกันอีกเป็นแน่
จารวีจ้องมองยศพล ในตาของเขาจ้องมองกลับมายังถือไพ่เหนือกว่า"เธออยากกินไอ้ผัดเปรี้ยวหวานซี่โครงหมูนี่ใช่ไหม มันจะไปยากอะไร รอฉันแป๊บนึง”
หลังจากเอ่ยจบ เขาก็เดินตะบึงออกไปด้านนอก
จารวีโกรธจนแทบอยากร้องไห้"น้าอามคะ ผู้ชายคนนี้ทำไมเหมือนเด็กจังเลย”
"ฮ่าๆ คุณจารวีอย่าพึ่งรีบร้อนตัดสินใจไปค่ะ คุณชายสามจริงใจต่อคุณจารวีมากนะคะ คุณอย่าพึ่งโทษเขาเลยค่ะ รอให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปก่อน หลังจากที่คุณออกจากโรงพยาบาล เขาไม่มีทางกลับไปร้ายแบบนั้นแน่นอนค่ะ”
เหอะ! ถ้าเขาไม่ร้ายกาจแบบนั้นน่ะสิถึงจะแปลก จารวีคิดอย่างโมโห
3 ชั่วโมงถัดมา ยศพลกลับมา ในมือของเขาถือกล่องข้าวสีเขียวเดินเข้ามาด้านใน
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ จารวีมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ชุดสูทสีดำของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมัน
แต่ทว่าเวลานั้นจะระวีได้ให้น้าอามไปซื้อข้าวที่ด้านนอกเข้ามาให้เธอ และเธอก็ทานอิ่มแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าที่ภูมิอกภูมิใจของยศพล ภูมิก็รู้สึกถึงลางไม่ดี
" นี่คืออะไร?”
ยศพลวางกล่องข้าวลง พลางเอ่ยอยากภูมิอกภูมิใจ" เธอเปิดดูเองเถอะ!”
น้าอามเข้ามาผสมโรง เธอช่วยจารวีแกะกล่องอาหาร กลิ่นหอมหวลของอาหารก็ลอยออกมา
"ซี่โครงหมูอย่างนั้นหรอ? จารวีเอ่ยอย่างตกตะลึง
" แน่นอน!"ยศพลตอบกลับเธอยังลำพองใจ น้าอามยิ้มพลางเอ่ย"โอ้โห ผัดเปรี้ยวหวานซี่ดครงหมูนี้ คุณชายสามทำเองหรอคะ กลิ่นหอมมากๆเลยค่ะ คุณจารวีลองทานสักหน่อยไหมคะ?”
ตอนนี้จะราวีไม่หิวแล้ว ผัดเปรี้ยวหวานซี่โครงหมูที่ยศพลทำ มันไม่สามารถเทียบกับของพี่มนต์ได้เลยแม้แต่น้อย
เขาไม่พูดจา และไม่มีความรู้สึกใด มนตรีไม่ถือสา แต่จารวีกลับรู้สึกกระอักกระอ่วน ถึงแม้ว่ามนตรีจะเป็นแขกของเธอ แต่ยศพลกลับไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด
เมื่อมนต์ตรีกลับไป ยศพลก็นำอาหารที่มนตรีเอามาส่งทิ้งลงถังขยะ อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
จารวีย่นคิ้วอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ผู้ชายคนนี้ช่างมีนิสัยที่เหมือนเด็กเสียจริง
และเพื่อไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง จารวีจึงยื่นคำร้องขอออกจากโรงพยาบาล
ยังไงซะเธอก็ไม่ปวดท้องแล้ว อยู่ในโรงพยาบาลก็ไม่สบายใจ ยศพลรักและเป็นห่วงจารวีมาก เขาคอยเฝ้าเธอไม่ห่างไปไหน
แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาล เขาก็จะได้ไม่ต้องเจอหน้าไอ้มนตรี เขาจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
ในที่สุดก็ได้กลับบ้าน เมื่อจารวีได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ จิตใจของเธอก็ดีขึ้นเป็นเท่าตัว
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี ยศพลจึงถือโอกาสนี้พาจารวีไปเดิน ช้อปปิ้ง หลังจากที่เข้าไปในห้างสรรพสินค้า จารวีมองซ้ายมองขวา อย่างสนอกสนใจ แต่ยศพล นอกจากดูของเครื่องใช้ที่เหมาะกับรถสนิยมของเขา เขาก็ไม่ได้สนใจในสิ่งของอะไรอีก
เข้าไปข้างในได้ไม่ถึง 10 นาที ก็กดรับโทรศัพท์ จารวียืนฟังอยู่ที่ข้างกายของเขา ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องงาน
ล้วนเกี่ยวกับเรื่องแผนการที่ยังวางไม่เสร็จ สัญญาที่ยังไม่ได้เซ็น จารวีปวดศรีษะ
เมื่อซื้อของใช้เด็กอ่อนเสร็จ ในตอนที่จารวีเดินออกมาด้านนอกห้างสรรพสินค้ากับยศพลอยู่นั้น ก็มีผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่ง ก้าวออกมาขวางอยู่ที่ดันหน้าของพวกเขา
" สวัสดีค่ะทั้งสองท่าน ฉันคือออแกไนเซอร์ที่รับจัดงานแต่งงาน ดูๆแล้วคุณทั้งสองคงจะแต่งงานกันในไม่ช้านี้ใช่ไหมคะ คุณมีการวางแผนถ่ายรูปpre wedding กันหรือเปล่า ตอนนี้ที่บริษัทของทางเรากำลังมีกิจกรรม ถ้าหากพวกคุณจองล่วงหน้า ทางเราจะลดราคาให้ 20% นี่คือนามบัตรของทางบริษัทเราค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยอย่างเป็นมิตร แต่ยศพลกลับปฏิเสธเธอด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
" ไม่จำเป็น งานแต่งงานของพวกเราไม่ถ่ายที่นี่”
พลันดวงใจของจารวีก็รู้สึกเสียใจ เธอดึงแขนยศพลเดินเข้าไปด้านใน
"เราไปดูกันสักหน่อยเถอะ ถ่ายเล่นๆก็ได้ คุณคิดว่ายังไงบ้าง?”
ผู้หญิงคนนั้นรีบกล่าวเสริมอย่างกระตือรือร้น" ใช่แล้วค่ะ ทั้งสองท่านสามารถลองถ่ายซักสองสามใบ ถ้าหากรู้สึกว่าเหมาะสม ก็ค่อยตัดสินใจก็ได้ค่ะ”
พูดอีกอย่างก็คือ ภายในใจของผู้หญิงทุกคนก็ต้องมีความฝันที่จะได้เป็นเจ้าสาวที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนล้วนฝันว่าจะได้สวมชุดแต่งงานที่งดงามที่สุด และฝันว่าจะได้กลายเป็นจุดสนใจของสายตาน้บร้อยคู่
ยังไงซะ เค้าทั้งคู่ก็กำลังมีลูก ถ้างั้นก็ลองถ่าpre wedding ด้วยกันหน่อยจะเป็นไรไป
จารวีดึงมือของยศพล แต่เขากลับยืนนิ่ง ใบหน้าของเขาบูดบึ้ง อีกทั้งยังคลายมือออก
เธออยากไปก็ไปเถอะ ตึกถ่ายรูปแต่งงานพรรค์นี้ ถ่ายออกมาก็คงน่าเกลียด ไม่เห็นจะน่าลองตรงไหนเลย ไว้พวกเราค่อยไปถ่ายกันที่ปารีสเถอะ ที่นั่นมีช่างภาพที่มีฝีมือระดับยอดเยี่ยมทั้งนั้น”
จารวีปล่อยมือออกจากมือของเขา พลางเดินออกไปข้างนอกโดยไม่หันกลับมามอง น้ำตาของเธอไหลลงมาเป็นสาย
ยศพลรู้สึกว่าเขาทำให้จารวีผิดหวัง จึงรีบวิ่งตามเธอไป เขายื่นมือออกไปดึงเธอไว้
" ทำอะไรเนี่ย เธอวิ่งหนีฉันกลางวันแสกๆแบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าฉันรังแกเธอเอานะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย