ตอนที่ 172 เขาเป็นขยะ
น้ำเสียงอันอ่อนโยน ทำให้จราวีอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
ร่างของมนต์ตรีก็ปรากฏขึ้นมา เขาชุดลำลองสีขาว เขาวางดอกไม้ไว้ที่หลุมศพของชยรพและคำความเคารพ
“ลุงชยรพครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลจราวีให้ดีครับ คุณลุงวางใจได้ ผมพูดคำไหนคำนั้น ไม่ว่าอนาคตจราวีจะเกิดอะไรก็ตาม ผมจะไม่ทอดทิ้งเธอครับ”
ใบหน้าอันอบอุ่นของมนต์ตรีเต็มไปด้วยความจริงใจ
ใจของจารวีเต็มไปด้วยความอบอุ่น เธอยิ้มแต่ยังมีน้ำตาที่ยังคงไหล
“จารวี ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว”
จารวีพยักหน้ายิ้ม “พี่มนต์ มาได้ไงคะ?”
“วันนี้เป็นวันครบรอบของคุณลุง พี่เลยมาหาคุณลุง ไม่อยากให้เขาเหงา”
น้ำเสียงของมนต์ตรีช่างจริงใจ จนทำให้ใจของจารวีถูกความอบอุ่นปลอบโยน
“จารวี ทำไมถึงสวมแว่นตากันแดดกัน”
มองแว่นตาใหญ่ที่ปิดบังหน้าของเธอเกือบครึ่งหน้า ดูแล้วช่างไม่เข้ากับเธอ เท่าที่จำได้ จารวีก็ไม่ค่อยได้ใส่แว่นตากันแดด
ใบหน้าของจารวีอึดอัด “พี่มนต์ ที่จริงฉันป่วยเป็นโรคที่น่ากลัวมาก”
“อธิบายมา!”
จารวีนิ่งไปสักพัก ตัดสินใจถอดแว่นตาออก หันหน้าเล็กๆมองไปทางมนต์ตรี “พี่มองที่ตาของฉันสิ”
มนต์ตรีมองไปที่ตาของเธอ เขาก็ตะลึง เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้
“นี้คือ...”
จารวีนั่งที่พื้น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วงนี้ผมฉันร่วงเยอะมาก แล้วยังตาแดงแบบนี้ ฉันกลัวมาก ฉันคิดว่าจะโรงพยาบาลตรวจอีกรอบ”
มนต์ตรีมองที่ตาของเธอ ค่อยๆยิ้ม “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ช่วงนี้ขยี้ตาแรงรึเปล่า เจ็บไหม แค่เส้นเลือดฝอยแตกเฉยๆ พี่จะพาเธอไปร้านยาเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
ความกลัวของจารวีค่อยๆหายไป
“จริงหรือ? ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร”
“พี่จะหลอกเธอไปทำไมหละ เมื่อก่อนพี่เคยปวดหัวหนักมาก ตาแดงไปหมด อย่ากลัวไปเลย”
จารวียิ้ม “ขอบคุณพี่มากนะคะ พี่มนต์ ฉันไม่รู้จะของคุณพี่อย่างไรดี”
มนต์ตรียิ้ม เขามองเวลาที่นาฬิกาบนข้อมือของเขา
“ยังเช้าอยู่เลย พี่พาเธอไปร้านยา หลังจากนั้นไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อดีไหม”
“ดีไปเลย”
ออกมาจากสุสาน จารวีให้นิรันกลับไปก่อน ส่วนเธอนั่งรถไปมนต์ตรีเข้าไปในเมือง
ระหว่างที่มนต์ตรีขับรถ เพ็ญจิตนั่งข้างๆเขา
“จารวี จำได้ไหม? ร้านเกาลัดที่เมื่อก่อน เธอชอบกิน ตอนนี้ถูกรื้อแล้วนะ”
จารวียิ้ม “จริงหรือ ฉันแทบจำไม่ได้เมื่อก่อนฉันชอบกินเกาลัดขนาดนั้น แต่ตอนนี้ฉันไม่ชอบกินแล้ว”
มนต์ตรีผิดหวัง เรื่องเมื่อก่อนเธอคงลืมไปหมดแล้วสินะ
“ไม่เป็นไร เมื่อเราโตขึ้นเรื่องใหม่ๆเข้ามาหา เป็นธรรมดาที่เรื่องเก่าๆจะถูกลืม”
จารวีใจลอย
“จารวี...” มนต์ตรีทักเธอ แต่เธอก็ไม่ตอบเขา
มนต์ตรีจึงเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น จารวีหงายหน้าเล็กของเธอขึ้นมา ใบหน้าของเธอซีดเต็มไปด้วยเหงื่อ เต็มไปด้วยตวามเจ็บปวด
“เป็นอะไรไป?”
มนต์ตรีรีบจอดรดข้างทางดูเธอ
จารวีกัดฟันแน่น จมูกย่น คิ้วขมวดกันจนแทบชน “เจ็บ!”
ร่างกายของจารวีเย็นและชุ่มไปด้วยเหงื่อ
มนต์ตรีรีบถอดเสื้อมาคลุมตัวเธอไว้
“อดทนไว้นะ พี่จะพาเธอไปส่งโรงพยาบาล”
จารวีจับมือของเขาไว้แน่น พูดออกมา “ฉันเจ็บ ไม่ต้อง ไม่ต้องบอกให้ยศพลรู้นะ”
ใจของมนต์ตรีแตกสลาย ปวดขนาดนี้ ยังกลัวยศพลรู้ ตอนนี้ใจของเธอ ผู้ชายคนนั้นคงสำคัญกับเธอมากสินะ
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล มนต์ตรีอุ้มจารวีเข้าไปในโรงพยาบาล
“จารวี อดทนไว้นะ พวกเราใกล้ถึงแล้ว”
เจ็บเหมือนน้ำทะเลซัดเข้ามา สติของจารวีค่อยๆเลือนหายไป
รู้สึกเหมือนคนตกจากในท่ามกลางความเจ็บปวดแล้วตกลงไปลึกลงไป อย่างไม่มีใครช่วย
น่าแปลก เธอเจ็บขนาดนั้น ทำไมเธอถึงยังไม่ตายกันนะ
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร จารวีค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“จารวี เธอตื่นแล้ว”
มนต์ตรีรีบลุกขึ้นมาจับมือเธอ
จารวีมองเขาอย่างอ่อนแรง เมื่อเวลาผ่านไป เธอพึ่งคิดได้ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันนะ
“พี่มนต์ ขอบคุณพี่มากนะที่ช่วยฉันไว้”
“จารวี อย่าพูดเหมือนพี่เป็นคนนอกสิ”
เขาไม่ต้องความรู้สึกขอบคุณ เขาไม่ต้องการให้เธอทุกข์ใจ เขาไม่ต้องการอย่างนั้น
“พี่มนต์ ช่างเป็นพี่ที่ดีจริงๆ” จารวีพูดด้วยเสียงอ่อนแรง
“เธอไม่เป็นอะไรแล้ว หมอเพิ่งออกไปเมื่อกี้”
“พี่มนต์ หมอว่าไงบ้าง”
ตั้งแต่เช้าครู่เขาจอดรถไว้ที่บ้านโพธิสูง เขาขับรถตามจารวีจนมาถึงที่สุสาน จนถึงออกจากสุสานมา
สุรีย์วัลย์ไม่ค่อยสงสัยมาก่อนเลย เมื่อก่อน เธอเชื่อจริงๆว่าเรื่องของมนต์ตรีและจารวีไม่มีอะไรในก่อไผ่
แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่า ใจของมนต์ตรียังคงมีผู้หญิงคนนั้นตลอดมา
สุรีย์วัลย์หงุดหงิด เธอหานใจพ่นแรง ไม่มีทางที่เธอจะยอมรับความแพ้ ชัดเจนอยู่แล้วว่าเธอเป็นคนชนะในสนามนี้
เพราะว่าฉันคือเจ้าของ ถ้าสูญเสียไปจะยิ่งไม่เจ็บปวดกว่าเดิมหรือ?
“มนต์ตรี วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน คุณจะไม่มาฉันจริงๆหรอ” สุรีย์วัลย์อ้อนเขา
“วันนี้มีเรื่องยุ่งจริงๆ อย่างงี้ดีไหม ตอนกลางคืนเรามาฉลองด้วยกันดีไหม”
มนต์ตรียื่นข้อเสนอให้เธอ สุรีย์วัลย์ยินดีที่จะรับมัน “ได้ ฉันจะรอคุณนะ”
สุรีย์วัลย์ตัดสายยืนมองมนต์ตรีเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย เธอเจ็บเหมือนเป็นร้อยมาแทงเธอ
มนต์ตรีรีบเข้าห้อง เขาก็ไม่พบแม้แต่เงาของจารวีแล้ว...
เขามึนงงไปชั่วขณะ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เห็นข้อความจารวีที่ส่งมาให้เขา
“พี่มนต์ ขอบคุณที่มาส่งฉันที่โรงพยาบาลนะ ฉันไปก่อนนะ ยศพลมารับฉันแล้ว เห็นพี่โทรศัพท์อยู่ อีกอย่างฉันเห็นคุณสุรีย์วัลย์ ด้วยแหละ”
มนต์ตรีปิดข้อความ สูทของเขาตกที่พื้น
เขาก็มลงเก็บสูทของเขา
บางทีในใจของจารวี เขาคงเหมือนสูทตัวนี้ที่เคยไม่เคยดูแลมัน
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเปลี่ยนไป
เขาหมดหวังที่จะรักเธอแล้ว เวลาที่เธอไม่ต้องการก็ทิ้งเขาไว้ข้างหลังแบบนี้
ขณะที่รถโรลส์-รอยซ์สีดำขับอยู่บนถนน
จราวีนั่งข้างยศพล ในขณะที่เขาขับรถ เขาเองก็ยังโกรธเธอไม่หาย
เขาไม่ชอบที่จารวีและยศพลอยู่ด้วยกัน
“คุณหึงหรือ?”
“ไม่มีทาง” ยศพลเงยหน้าขึ้นอย่างผยอง พูดอย่างเอาแต่ใจ
“แต่ว่าทำไมฉันถึงได้กลิ่นน้ำส้มสายชูกันนะ ออกมาจากตัวใครกันแน่”
จารวีจงใจล้อเขา ทำเอายศพลถึงกับโกรธ “จารวี มันจะมากเกินไปแล้วนะ ตอนที่ผมไม่อยู่ทำไมถึงไปนัดเจอผู้ชายแย่ๆแบบนั้น อยู่”
คำพูดโมโหของเขาทำให้จราวีอดไม่ได้ “พี่มนต์ เขาไม่ใช่ผู้ชายแย่ๆ ยศพลทำไมคุณถึงพูดออกมาได้ว่า ว่าพวกเรานัดเจอกัน”
“จริงหรอ ไม่มีอะไรกันจริงๆ ทำไมสูทของเขาถึงมาอยู่ที่คุณได้”
“ฉันเป็นลม ก่อนหน้าฉันอธิบายให้คุณฟังไปแล้วไง พวกเราบังเอิญเจอกันที่สุสาน หลังจากนั้นฉันก็ไม่สบาย เขาจึงมาช่วยฉัน”
ยศพลนิ่งเงียบ จารวีป่วยอีกแล้วหรือ?
“ยศพล คุณคงไม่ขี้งอนขนาดนั้นหรอกเนอะ” จารวียิ้มถามเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย