ตอนที่51 ดูแลเธอมากเกินไป
“ว้าว โรแมนติกจังเลย ใครทำให้แฟนตัวเองกันนะ”
“มีผู้ชายทำแบบนี้ให้คงมีความสุขน่าดูเลย”
“นั่นน่ะสิ ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นคงตื้นตันใจจนสติยุ่งเหยิงไปหมดแล้วแน่ๆ”
คำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆของผู้คนที่เดินผ่านไปมาดังเข้าหูเป็นระยะ
ดวงตาคู่สวยของยศพลแสดงออกถึงความเย้ยหยัน เขามองไปยังจารวีอย่างขบขันพลางทวนคำพูดของคนที่เดินผ่านไปเมื่อสักครู่
“ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นคงตื้นตันใจจนสติยุ่งเหยิงไปหมดแน่ๆ..งั้นหรอ”
จารวีนิ่งงัน เธอหยุดการต่อสู้ดิ้นรนกับเขาลง
ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองไปยังยศพล พลันความโกรธของเธอก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความฉงน
“เมื่อกี้คุณเป็นคนปล่อยบอลลูนพวกนั้นหรอ”
ยศพลดึงมือของเขากลับไป พลางล้วงมือลงไปหยิบรีโมตคอนโทรลในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วปาทิ้งลงบนพื้น เขาใช้เท้าเหยียบมันจนแตกละเอียด
“โรแมนติกบ้าบออะไร นี่มันเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น เธอมันคนเนรคุณ ทำตัวดีกับเธอไปก็ไม่มีประโยชน์!”
ยศพลเอ่ยอย่างเย็นชาพลางหมุนตัวเดินจากไป
รูปร่างสูงใหญ่ของเขา หายวับเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
จารวีมองเขาอย่างเหม่อลอย เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เธอย่อตัวลงพลางยื่นมือออกไปกอบโกยเศษรีโมตคอนโทรลที่ถูกเขาเหยียบจนแตกละเอียด
คำพูดของยศพลยังก้องอยู่ในหูของเธอ... เธอมันเป็นคนเนรคุณ ทำตัวดีกับเธอไปก็ไม่มีประโยชน์!
“คุณจารวีคะ ได้เวลาทานยาแล้วค่ะ” น้าอามเดินออกมาจากในตึกของโรงพยาบาลอย่างรีบร้อน เธอเข็นรถเข็นของจารวีมา จารวีนั่งลงอย่างอ่อนแรง
น้าอามเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เอ๊ะ คุณชายล่ะคะ เมื่อสักครู่เห็นบอกว่าจะไปทำบอลลูนอะไรสักอย่าง ตอนนี้หายไปไหนแล้วคะ”
จารวีขยุ้มไปที่กางเกงของตัวเองอย่างกดดัน “น้าอาม เข็นฉันเข้าไปข้างในเถอะค่ะ ฉันเหนื่อยแล้ว”
น้าอามสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ มองไปรอบๆก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของยศพล เธอจึงเข็นจารวีไปยังห้องผู้ป่วย
อาการบาดเจ็บที่เท้าของจารวีดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เธออยู่โรงพยาบาลเพียงสามวันก็ได้ออก
และที่สำคัญคือโรงพยาบาลน่าเบื่อมากๆ เธอคิดว่าตัวเองคงอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว เพราะเธอเกลียดบรรยากาศในโรงพยาบาลอย่างที่สุด
ตั้งแต่ที่ทะเลาะกันวันนั้น ยศพลก็ไม่มาที่โรงพยาบาลอีกเลย
แต่ทว่า น้าอามแอบหลุดพูดกับเธอว่า “คุณจารวีคะ คุณกับคุณชายทะเลาะกันหรอคะ ทำไมคุณชายชอบแอบมาตอนดึกๆ มายืนมองคุณแปปเดียวแล้วก็ไป”
จารวียักไหล่ให้กับผู้ชายขี้ใจน้อยแบบเขาอย่างจนปัญญา
ตอนที่เธอกำลังออกจากโรงพยาบาลอยู่นั้น ก็ไปพบกับปัถย์เข้าโดยบังเอิญ ใบหน้าของเขายังไม่หายดี
จารวีเอ่ยขอโทษเขาอย่างรู้สึกผิด “ปัถย์ เราขอโทษนะ ปัถย์ต้องมาเจ็บตัวเพราะเราเลย ขอโทษจริงๆ”
ปัถย์ไม่กล้าเข้าใกล้จารวีไปมากกว่านี้ เขามองไปรอบๆพลางยิ้มเจื่อน
“พูดจริงๆนะ ถ้าวันนั้นไม่ใช่เพราะเราเห็นแก่วี เราต่อยไอ้หมอนั่นคว่ำไปแล้ว”
“ฮ่าๆๆ” จารวีหัวเราะกลบเกลื่อน ถ้ายศพลอยู่ตรงนี้ พวกเขาคงได้ต่อยกันอีกสักยกเป็นแน่
พอปัถย์พูดจบก็รีบขอตัวกลับอย่างรีบร้อน “เอ่อ.. เราขอตัวก่อนนะ พอดีเรามีธุระน่ะ ไว้เจอกันนะวี”
เห็นเขาเดินจากไปอย่างเร่งรีบ จารวีก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ยศพลเขาเป็นคนขี้ใจน้อยแบบนี้แหละ
“คุณจารวีคะ คุณชายกับผู้ชายคนเมื่อกี้ทะเลาะกันหรือคะ” น้าอามเอ่ยถามอย่างนึกฉงน
จารวีจึงเล่าเรื่องวันนั้นให้น้าอามฟังพลางยิ้มเจื่อน “ฉันแค่ขอให้เขาช่วยน่ะค่ะ แต่ยศพลเขาไม่รู้จักแยกแยะทั้งยังไปต่อยคนอื่นอีก น้าอามคิดดูสิคะ”
พลันน้าอามก็รู้สึกเข้าใจยศพล เธอยิ้มพลางเอ่ย “ที่คุณชายทำแบบนั้นก็เพราะแคร์คุณจารวียังไงล่ะคะ แต่ไหนแต่ไรมาคุณชายไม่เคยทะเลาะกับใครเลยนะคะ”
แคร์งั้นหรอ เขาแคร์ก็เลยแสดงออกด้วยวิธีที่ป่าเถื่อนแบบนั้นเนี่ยนะ เธอไม่อยากที่จะยอมรับเลย
จารวีกลับมาถึงบ้าน ยศพลนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา เขาเงียบไม่พูดจาพลางจ้องมองจารวีเดินเข้ามาอย่างเย็นชา
เขากำลังรอคำขอโทษจากจารวี
จารวีไม่อยากดื้อรั้นกับเขาอีกต่อไป เธอจึงโยกรถเข็นไปตรงหน้าของเขาพลางพยุงตัวเพื่อปีนขึ้นไปบนโซฟา
เธอฉีกยิ้มหวาน “ท่านประธานยังโกรธอยู่หรอคะ”
ยศพลยังคงเงียบ
จารวีเอียงหัวพลางครุ่นคิด “ถ้างั้น ฉันไปอบขนมเค้กให้คุณทาน ดีไหมคะ”
ครั้งนี้ยศพลไม่นิ่งเฉย เขาหันกลับมามองเธอเพียงแวบเดียวพลางเอ่ย “ขนมเค้กที่เธอทำน่ะ รสชาติห่วยแตกเป็นบ้า”
“เอ๊ะ แล้วตกลงคุณจะกินไม่กิน”
ความตะกละภายในท้องของยศพลปะทุออกมา พูดตามตรงว่าเขาชอบกินเค้กของจารวีมากๆ...
“กินสิ กินแน่นอน ถึงมันจะไม่อร่อย แต่ยังไงเธอก็ยอมรับผิดแล้ว ถ้างั้นผมจะฝืนใจยกโทษให้เธอสักครั้ง”
ยศพลวางมาดขรึมพลางเอ่ยกับเธอ สายตาของจารวีเผยรอยยิ้มออกมา
“อื้ม โอเค! งั้นถ้าท่านประธานกินเค้กเสร็จแล้ว เราดีกันนะ”
เมื่อเห็นจารวียิ้มอย่างสดใส ยศพลก็มีแผนร้ายอีกหนึ่งแผนผุดขึ้นมา
ยัยเด็กคนนี้ บังอาจจะมาหลอกล่อเขางั้นหรอ
เหอะ! แค่จะกินเค้กยังต้องมีของแลกเปลี่ยน
“ไม่ได้”
“ถ้างั้น คุณยังต้องการอะไรอีก”
ยศพลพลิกตัวขึ้นมา เขากดจารวีให้นอนราบไปกับโซฟา พลางจู่โจมเข้าไปหาโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
สามวันเต็มๆที่เขาไม่ได้แตะต้องเธอ เขาแทบจะหักห้ามใจไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
เขาจุมพิษไปที่ริมฝีปากเธออย่างดุเดือด กวาดเรียวลิ้นฉกฉวยความหอมหวานในโพลงปากที่เปียกชุ่มของเธอ ยัยเด็กไร้เดียงสานี่ปากหวานจนแทบจะทำให้คนเลี่ยนตาย
ตั้งแต่ที่เขาได้ครอบครองเธอ เขาก็ไม่ได้ไปสนองตัณหากับผู้หญิงที่ไหนอีกเลย
“อื้ออ ออ” จารวีหอบหายใจอย่างอ่อนแรง “ยะ..ยศพล คุณอยากกินเค้กไม่ใช่หรอ”
ยศพลเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้น หน้าตาหล่อเหลาและสมบูรณ์แบบของเขาแสดงออกถึงความต้องการ เขาครางเสียงต่ำแหบพร่าในลำคอ พลางกระซิบที่ข้างใบหูของเธอ “อืม อยากกินเค้ก แล้วก็อยากกินเธอด้วย...”
จารวีดิ้นรนสุดชีวิต จุมพิษของยศพลเสมือนลูกไฟที่กำลังแผดเผาผิวกายที่อ่อนนุ่มและบอบบางของเธอ
“คุณจารวีคะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่ะ”
จารวียิ้มให้น้าอามที่กำลังเข็นรถเข็นเข้ามา “น้าอามคะ ไม่ต้องใช้รถเข็นหรอกค่ะ ฉันอยากเดินเอง”
สีหน้าของน้าอามค่อนข้างลำบากใจ “เมื่อสักครู่คุณชายสั่งว่าต้องให้คุณจารวีนั่งรถเข็นเท่านั้นน่ะค่ะ คุณชายเกรงว่าคุณจารวีอาจจะมีอาการแทรกซ้อน”
“อ่อ! งั้นก็ได้ค่ะ”
หลังจากจารวีเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว เธอนั่งลงบนรถเข็น พลันเสียงข้อความโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา พลางกดเปิดกล่องข้อความ เนื้อหามีเพียงหนึ่งบรรทัดเท่านั้น “โรงงานจักรยานเอกมัย”
คนที่ส่งข้อความมา ปกปิดเบอร์โทรฯของตนไว้ ทำให้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา
หมายความว่ายังไงกัน
ย่านเอกมัยคือเขตเก่า ที่ดินตรงนั้นโดนรัฐฯกว้านซื้อไปหมดแล้ว โรงงานจักรยานก็อยู่ที่นั่น แต่ว่า... ประเด็นสำคัญก็คือ ใครกันล่ะที่เป็นคนส่งข้อความมา...
หรือจะส่งให้ผิดคน จารวีตัดสินใจกดลบข้อความนั้นทิ้งไป
อาหารเช้ามีหลากหลายเมนู มีทั้งอาหารตะวันตกและจีนผสมเข้าด้วยกัน แต่ทว่า เธอกลับไม่พบแม้แต่เงาของยศพล
“คุณชายสั่งให้ทำอาหารให้หลากหลาย ทั้งยังกำชับให้คุณจารวีทานเยอะๆ จะได้บำรุงร่างกายให้แข็งแรงไวๆค่ะ”
จารวีนั่งลงทานอาหารเช้า
ในขณะที่กำลังทานอยู่นั้น โทรศัพท์จากยศพลก็ดังขึ้น
“ตื่นหรือยัง”
“อื้ม กำลังกินข้าวอยู่”
“กินเยอะๆ ไม่งั้นจะโดนตี” น้ำเสียงของยศพลดังออกมาจากปลายสาย
“อื้ม กินเสร็จแล้วฉันไปมหาลัยนะ” จารวีไม่ชอบอยู่บ้านเฉยๆ มันทำให้เธอเหมือนโดนกักบริเวณ
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ถ้าเท้าของเธอยังไม่หายดีร้อยเปอร์เซ็นต์ อยู่บ้านทำตัวดีๆ”
“แต่ว่า มันน่าเบื่อนี่นา”
“ผมบอกให้อยู่ก็อยู่ อย่าพูดไร้สาระให้มันมากนัก”
ยศพลขู่เสร็จก็กดวางสายในทันที
ก็ได้ ยังไงก็ว่างแล้ว จารวีค่อยๆทานอาหารเช้าอย่างช้าๆ ยังทานไม่ทันเสร็จ ก็ได้ยินเสียงคนเดินดังมาจากด้านนอก
จารวีเงยหน้ามอง ก็เห็นนิรันกำลังเดินเข้ามาด้านใน ในมือของเขาถือของบางอย่างไว้
จารวีเบิ่งตาโพลง
นิรันเปิดกล่องกระดาษออก ค่อยๆหยิบสิ่งของด้านในออกมา
มันคือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คสีเงินเครื่องหนึ่ง
นะ..นี่คือ!!
ใช่แล้ว นี่คือโน้ตบุ๊คที่ยุพินซื้อให้เธอเป็นของขวัญเมื่อนานมาแล้ว แต่หลังจากที่เธอไปมัลดีฟส์ โน้ตบุ๊คเครื่องนี้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย