ตอนที่50 ต่อสู้เพื่อเธอ
จารวีคลี่ยิ้มที่มุมปาก พลางเอ่ยกับยศพลราวกับสุนัขรับใช้ที่ช่างประจบสอพลอ “โอ้โฮ อร่อยจริงๆเลย เกี๊ยวที่ท่านผู้บริหารห่อเองช่างอร่อยอะไรแบบนี้!”
ยศพลพูดขัดคอจารวีอย่างหัวเสีย “ใครบอกว่าผมทำ”
จารวีกับน้าอามลอบมองตากันอย่างลับๆ ผู้ชายคนนี้นี่ เรื่องแค่นี้ก็ยังกลัวเสียหน้าอีก
น้าอามยิ้มกรุ้มกริ่ม เธอก้มหัวแล้วเดินออกไป “คุณชายคะ ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
น้าอามถือโอกาสเอื้อมมือดึงประตูปิดไปด้วย
เงาสูงใหญ่ของยศพลค่อยๆขยับเข้าใกล้จารวีอย่างช้าๆ
“เธอกล้าวิจารณ์เกี๊ยวที่ผมทำเองงั้นหรอ!!”
ยัยผู้หญิงคนนี้นี่ไม่รู้จักบุญคุณเอาซะเลย เมื่อวานเขาอุตส่าห์ห่อจนหัวยุ่งเหยิงไปหมด ไอ้เกี๊ยวบ้านี่ก็ทำยุ่งยากเหลือเกิน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้บริหารบริษัทSTกรุ๊ปจำกัดอย่างเขาจะจัดการไอ้เกี๊ยวเล็กๆนี่ไม่ได้ จนต้องให้คนใช้มาช่วยทำ
คิดแล้วก็น่าโมโห บนโลกนี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรที่คนแบบเขาทำไม่ได้
“ก็อร่อยไงคะ” จารวีทานไปยิ้มไป
“แต่เธอกินไปแค่นิดเดียวเอง”
สายตาของยศพลมองไปยังกล่องข้าว ในนั้นยังมีเกี๊ยวเหลืออยู่มากกว่าครึ่ง
“อื้มๆ ฉันก็กำลังกินอยู่นี่ไง แต่ฉันต้องกินช้าๆน่ะ เกี๊ยวอร่อยขนาดนี้จะกินหมดรวดเดียวได้ไง เสียดายแย่”
จารวีวิเคราะห์อย่างชาญฉลาด ผู้ชายที่บ้ายอแบบเขา จริงๆแล้วยังมีความคิดเหมือนเด็ก เพียงแค่เธอยอมโอนอ่อนตามก็สามารถจัดการเขาได้อยู่หมัด
ตอนที่จารวีกำลังกินเกี๊ยวอยู่นั้น ยศพลกดโทรศัพท์โทรหาใครบางคน สิบนาทีผ่านไป นิรันเข็นรถเข็นคนพิการเข้ามา
นี่คือรถเข็นที่จารวีเคยนั่งเมื่อครั้งที่แล้ว จารวีงงงวยเล็กน้อย ครั้งที่แล้วเธอต่อต้านการนั่งรถเข็นมาก คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ก็ต้องกลับไปใช้มันอีกแล้ว
เท้าของเธอเตะเข้าที่ปูนทำให้ข้อเท้าพลิก ไม่สามารถขยับได้ ดูๆแล้วคงต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นนี้ชั่วคราว
หลังจากจารวีกินเกี๊ยวเสร็จ ยศพลอุ้มเธอไปวางเบาๆบนรถเข็น
“ผมจะพาเธอไปเดินเล่น”
จารวียังคงยิ้มบางๆ ยศพลเข็นเธอออกไปนอกโรงพยาบาล
แสงแดดข้างนอกช่างงดงาม ในลานกว้างเต็มไปด้วยผู้ป่วยที่ออกมาเดินเล่นรับลม
“ว้าว วัยรุ่นสมัยนี้ก็ยังเอาใจใส่ดูแลเมียดีแบบนี้หรอ”
คู่สามีภรรยามองเห็นยศพลดูแลจารวี ก็เอ่ยชื่นชมเขาไม่หยุดปาก
จารวีก้มหน้าลงอย่างลำบากใจ
สามีภรรยาอะไรกัน แม้แต่สถานะแฟนยังเรียกไม่ได้เลย ก็แค่เมียเก็บลับๆของเขาเท่านั้น
ยศพลมองเห็นสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจารวี
เขาเอ่ยเสียงต่ำ “น่าเบื่อ!”
คำพูดของเขาจงใจถากถางสองสามีภรรยาคู่นั้น จารวีช้อนตาขึ้นมองยศพลพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้แคร์อะไร”
ยศพลหรี่ตาลง เธอไม่แคร์งั้นหรอ หมายความว่ายังไง เธอไม่แคร์ที่ถูกมองว่าเป็นภรรยาของเขา หรือไม่แคร์ที่คนอื่นจะมองเธอยังไง
แต่ยศพลไม่สนใจหรอกถ้าเธอจะไม่แคร์ เพราะควรเป็นเขาที่ไม่แคร์สิถึงจะถูก
“จารวี เธออย่าลำพองใจให้มากนัก สำหรับผม เธอไม่ได้อยู่ในสถานะอะไรทั้งนั้น”
ยศพลเอ่ยอย่างเย็นชา
จารวียิ้มเจื่อน รอยยิ้มของเธอซีดเซียว นั่นสินะ เธอคงมีความสุขเกินไป ทั้งยังคิดว่ายศพลจะแคร์ตัวเองจริงๆ
จารวีเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่มีฐานะไม่มีภูมิหลังไม่มีฐานะอะไรเลยสักอย่าง แม้แต่บ้านสักหลัง...ก็ยังไม่มี
ทั้งยังมีความโกรธแค้นชิงชังกับบ้านโพธิสูง เขาจะยอมรับในตัวเธอได้อย่างไร
จารวีสอดกระชับฝ่ามือเข้าหากันพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
เมฆขาวตัดกับท้องฟ้าสีคราม ทันใดนั้นก็มีบอลลูนรูปหัวใจมากมายลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ว้าว บอลลูนแห่งความรักรูปหัวใจเก้า99ลูก โรแมนติกจังเลย!!”
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้น จารวีฉีกยิ้มพลางมองไปด้านหน้า
ตรงกึ่งกลางของสวนสาธารณะ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังสารภาพรักกับเด็กสาว บอลลูนที่เห็นเมื่อสักครู่ ก็คือบอลลูนที่เพื่อนๆของเด็กหนุ่มช่วยกันปล่อยขึ้นไป
ใบหน้าของเด็กสาวเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข เธอตอบรับคำสารภาพรักของเด็กหนุ่มอย่างเขินอาย
“ดูมีความสุขจัง” จารวีเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ
“มีความสุขตรงไหน ก็แค่ปล่อยบอลลูน มีแค่พวกเด็กที่ไร้เดียงสาเท่านั้นถึงจะทำเรื่องไร้สาระพวกนี้ได้”
ยศพลเอ่ยอย่างจองหอง
จารวีเหลือบมองยศพลด้วยหางตา “คุณมันเป็นคนไม่เข้าใจในความโรแมนติกต่างหาก”
สีหน้าของยศพลบึ้งตึงข้นมาในทันที เขาจ้องมองไปยังจารวี
ยัยเด็กไร้เดียงสานี่ มาพูดว่าเขาไม่รู้จักความโรแมนติก เขาส่งดอกไม้มาให้เธอตั้งแต่เช้า ทั้งยังห่อเกี๊ยวบ้าๆทั้งคืน ช่างไม่รู้จักบุญคุณเอาซะเลย
จารวีเห็นยศพลโกรธก็รีบดึงมือเขามาทำสัญญาสงบศึก
“คุณดูสิ อากาศวันนี้ดีมากๆเลย คุณเข็นฉันไปตรงโน้นหน่อยสิคะ”
“เหอะ ยัยเด็กไม่รู้จักบุญคุณ ผมขี้เกียจเข็นเธอแล้ว มีธุระต้องทำ”
ยศพลหมุนตัวเดินจากไป โดยที่ทิ้งจารวีไว้กลางสวนสาธารณะ
จารวียกมุมปากอย่างจนปัญญา ผู้ชายคนนี้นี่ขี้ใจน้อยชะมัด
จารวีนั่งอยู่บนรถเข็นพลางเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีคราม ในเมื่อยศพลไม่อยู่ จารวีก็ยินดีที่จะทำตัวสบายๆเมื่ออยู่คนเดียว
“จารวี”
เสียงปริศนาร้องเรียกชื่อของเธอ จารวีจึงเงยหน้าขึ้นมอง
ผู้ชายในชุดกีฬาสบายๆกำลังวิ่งตรงเข้ามาหาเธอ
จารวีจำได้ทันที นั่นคือ“ปัถย์”เพื่อนร่วมห้องของเธอ จารวียิ้มให้เขา “ปัถย์ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
ปัถย์ยิ้มพลางตอบกลับ “แม่เราเข้าโรงพยาบาลน่ะ เรามาดูแลท่าน”
ยศพลยื่นมือออกไปคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของปัถย์ กดเสียงต่ำลอดไรฟัน “แกเป็นใคร”
หน้าซีกซ้ายของปัถย์ถูกต่อยจนบวมเปล่ง มุมปากแตกมีเลือดไหลออกมา ปัถน์หอบหายใจพลางมองไปยังจารวี “ไอ้โง่นี่คือใคร”
จารวีเดินเข้าไปหาพวกเขาโดยใช้ขาข้างเดียว พลางยื่นมือไปกันปัถย์จากยศพล
“ยศพล พอได้แล้ว เขาเป็นเพื่อนของฉัน”
เมื่อยศพลเห็นว่าจารวีปกป้องปัถย์ก็ยิ่งไม่ชอบใจ เขากำกำปั้นต่อยไปที่ปัถย์อีกยกหนึ่ง
ครั้งนี้ปัถย์หลบได้ทัน พร้อมฟาดหมัดหนักๆสวนกลับไป ผู้ชายทั้งสองชกต่อยกันชุลมุน
ยศพล คุณนี่มันทำตัวเหมือนเด็กจริงๆ มามีเรื่องชกต่อยกับเด็กอายุไม่กี่สิบปีเนี่ยนะ
จารวีเริ่มโมโห “พวกคุณต่อยกันให้ตายไปเลย ฉันไม่สนใจแล้ว!”
เธอหันหลังกลับค่อยๆพยุงตัวเองเดินกะเผลกๆไกลออกไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ
ยศพลมองเห็นจารวีเดินไปตามถนนก็รีบคลายมือออกจากคอเสื้อของปัถย์
“ไอ้หน้าละอ่อน แกจำไว้ให้ดี ถ้าผมเห็นแกมายุ่งวุ่นวายกับจารวีอีกฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่”
ยศพลปล่อยมือจากปัถย์พลางก้าวเท้ายาวๆตามจารวีไป
เมื่อเดินมาถึงกึ่งกลางของถนน เขาจึงช้อนตัวจารวีขึ้น
จารวีทุบตีเขาอย่างสุดแรงด้วยหวังจะให้เขาปล่อยเธอลง “ปล่อยฉันนะ ไอ้คนเลว คุณรู้ไหมเขาคือเพื่อนของฉัน เป็นแค่เพื่อน.. คุณมันไม่รู้จักแยกแยะแล้วยังไปต่อยเขาอีก”
หลังจากยศพลข้ามถนนแล้ว เขาจึงปล่อยจารวีนั่งลงบนราวกั้นของสวน พลางมองเธออย่างเย้ยหยัน
“เธอเจ็บปวดที่ผมต่อยมัน ไม่ใช่ว่าเธอแอบมีความสัมพันธ์ลับๆกับมันหรือไง”
ความโกรธของจารวีถูกจุดขึ้น “ยศพล อย่าพูดอะไรพล่อยๆ คุณอย่าเอาความคิดที่โสมมของตัวเองมายัดเยียดให้คนอื่น คุณอย่าคิดว่าทุกคนเขาจะทำอะไรน่าขยะแขยงแบบคุณ”
“เพื่อนหรอ.. เพื่อนแล้วไม่ใช่ตัวผู้หรือไง กอดกันแต่เป็นเพื่อนกันหมายความว่ามีอะไรกันไม่ได้สินะ..ถ้าผมน่าขยะแขยง เธอก็น่าขยะแขยงไม่แพ้กัน พอลับหลังผมก็แอบไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับผู้ชายอีกคน”
ยศพลถูกปกคลุมไปด้วยโทสะ ความเดือดดาลราวกับกับคลื่นทะเลสาบที่ดุเดือดพรั่งพรูออกมาจากดวงตาที่สวยงามคู่นั้น
น้ำเสียงอำมหิตของเขา เต็มไปด้วยถ้อยคำเสียดสีถากถาง
“จารวี เธออย่ามาพูดกับฉันเหมือนว่าเธอใสซื่อบริสุทธิ์นักเลย เธอลืมไปแล้วหรอว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร เมียเก็บ! เมียเก็บ.. เธอได้ยินไหม”
ภายใต้ความบันดาลโทสะของยศพล เขาก็ได้พ่นวาจาที่เลวร้ายที่สุดออกมา
จารวีนิ่งงัน น้ำตาไหลลงมาเป็นสาย สองมือเล็กยื่นออกไปทุบตียศพลอย่างสุดกำลัง
“ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ถ้าไม่ใช่เพราะคุณทำให้ฉันแปดเปื้อนฉันก็คงไม่ต้องมาอยู่กับคุณหรอก ที่ฉันต้องมาเป็นเมียเก็บที่น่าอับอายแบบนี้ มันก็เป็นเพราะคุณ ไอ้คนสารเลว”
ท่ามกลางการต่อสู้ของคนทั้งสอง ดูเหมือนว่าจารวีไปชนเข้ากับเครื่องมืออะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกงของยศพล ทำให้เกิดเสียง ติ๊ด ติ๊ด ดังขึ้นมา
ทันใดนั้นก็มีเสียงคนตะโกนร้องอย่างตื่นตาตื่นใจ “ดูสิ นั่นอะไรน่ะ”
คนที่โดยสารอยู่บนรถ คนที่เดินบนถนน อีกทั้งคนที่นั่งเล่นเรื่อยเปื่อยในสวนสาธารณะ ก็ล้วนหยุดการกระทำของตัวเองลง พลางมองไปยังบนท้องฟ้า
บอลลูนรูปหัวใจหลากหลายสีเป็นร้อยเป็นพันลูก ปรากฏออกมาจากทั่วทุกสารทิศของสวน ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามสดใส สิ่งนี้เป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทุกคนล้วนจ้องมองอย่างตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย