เล่ห์รักเมียตัวน้อย นิยาย บท 75

ตอนที่ 74 เข้าใจเขาผิด

ในเวลาต่อมา พ่อของยศพลที่อยู่ที่แอฟริกาก็มารับตัวกลับไป หลังจากนั้นสิบปี เขาก็กลับมาที่นี่ใหม่อีกครั้ง จริงๆแล้วพี่จำเขาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้ว แต่น่าเสียดายที่เฉลิมชัยจำไม่ได้ และเพื่อเป็นการไถ่โทษ พี่เต็มใจยอมให้ยศพลแก้แค้นทุกสิ่งทุกอย่างกับพี่.....

กระดาษจดหมายบินลอยไปในท้องฟ้า

พวกคนบ้านพูลสวัสดิ์สมควรตาย สมควรจะตายไปให้หมด!!

จารวี ฉันหมายถึงเฉลิมชัย ไม่ใช่เธอ!

ตอนที่ความจริงปรากฏ คำพูดของยศพลก็ดังก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวของเธอ

เธอเข้าใจเขาผิด !

จริงสิ พอคิดทบทวนดูแล้ว เธอติดหนี้เขาอยู่เยอะมาก หลายครั้งหลายคราวที่รอดตายมาได้ก็เพราะว่ามีเขาอยู่ข้างๆ

ช่างเถอะ ในเมื่อเข้าใจผิดแล้ว ก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปละกัน

ความแค้นของเมื่อก่อนก็ถูกชดใช้ไปแล้ว ทำให้นใจของจารวีรู้สึกโล่งขึ้นมา ระหว่างเขากับเธอก็ให้มันจบแบบนี้ก็แล้วกัน

เขาเกลียดเฉลิมชัย และตอนนี้เฉลิมชัยก็ตายไปแล้ว เขาก็คงจะปล่อยวางได้แล้วล่ะมั้ง

เดิมทีจารวีไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตอนนั้นเขาก็บังคับให้เธออยู่กับเขาแล้ว ถ้าอย่างงั้นตอนนี้ก็คงจะไม่มีอะไรติดค้างกันอีก

จารวีเช็ดน้ำตาออก สักพัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เสียงปลายสายคือเสียงของอังคณา

“ยัววี ได้ยินว่าแกออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทำไมไม่บอกฉันล่ะ ฉันจะได้ไปรับแก”

“ขอบใจนะแก แต่ฉันกลับถึงบ้านแล้วล่ะ”

“นี่ ยัยวี พ่อหนุ่มหล่อคนนั้นน่ะ...”

“อย่าพูดถึงเขาอีก ยัยอัง ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้าน แกจะมาหาฉันหน่อยไหม”

“ยัยวี แกมาอยู่ที่บ้านฉันก่อนไหม พ่อแม่ฉันไปดูงานที่ต่างประเทศอีกแล้ว อีกครึ่งปีถึงจะกลับมา ฉันอยู่คนเดียว กลัวอ่ะ!”

“โอเค งั้นฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ”

จารวีไม่อยากอยู่ในสถานที่เจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว เธอลุกขึ้นเดินไปที่ประตู พร้อมกับปิดประตูเหล็กลงอีกครั้ง

จารวีลากกระเป๋าเดินทาง เดินไปทางซอยข้างหน้า

ในกระเป๋าเดินทางบรรจุด้วยทรัพย์สินทุกอย่างของเธอ สมุดจดบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของพี่ที่ทิ้งไว้ให้ก่อนตาย รวมทั้งหนังสือและเสื้อผ้าที่น้าอามเตรียมมาให้เธอตอนที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล

ชีวิตนี่มันช่างมหัศจรรย์จริงๆ เธอมีชีวิตอยู่มาจะยี่สิบปีแล้ว แต่ทรัพย์สินที่ติดตัวไปกลับมีอยู่แค่นี้

รถสีแดงฟาเรอร์รี่คันหนึ่งตามหลังเธออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เขาก็จะตามไปทุกที่

จารวี ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือเธอไป ไม่มีวัน

อังคณาออกมารับที่หน้าประตู ดึงมือของจารวีเข้าไปในบ้านอย่างดีอกดีใจ

“ยัยวี แกดูสิ แกนอนโรงพยาบาลแค่ไม่กี่วัน ก็ผอมลงไปสะขนาดนี้ พูดแล้วก็ไปหาอะไรให้แกกินบำรุงสะหน่อยดีกว่า”

อังคณาหยิบรังนกของแม่ออกมาส่งให้จารวี

“จริงสิ ยัยวี แกมีแพลนจะกลับไปเรียนหรือเปล่า”

จารวีนั่งอยู่บนโซฟา คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ส่ายหัว “ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะกลับไปเรียนแล้วล่ะ ฉันว่าจะไปหางานทำ แล้วหลังจากนั้นค่อยไปตามหาข่าวคราวของพ่อสะหน่อย”

“นี่ ยัยวี ไม่ว่าแกมีเรื่องอะไรก็ตาม ประตูบานนี้ของฉันเปิดรอรับแกอยู่เสมอนะ”

จารวีกอดอังคณาอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบใจแกมากนะ ยัยอัง ถ้าไม่มีแก ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนเหมือนกัน”

“ฮ่าๆ อย่ามาทำเป็นเลี่ยนน่า ไป รีบไปอาบน้ำเถอะ แล้วค่อยมากินซุปสักหน่อย”

อังคณาเดินเข้าไปทำอาหารในห้องครัวอย่างคล่องแคล่ว

ในใจของจารวีรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที มีเพื่อนรู้ใจนี่มันดีจริงๆเลยนะ

พออาบน้ำเสร็จ จารวีก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมา บนโต๊ะเต็มไปด้วยกับข้าวที่อังคณาทำไว้

จารวีตกใจเป็นอย่างมาก

“ยัยอัง ดูไม่ออกเลยว่า แกจะเก่งเรื่องแบบนี้ด้วย”

“ฮ่าๆ แน่นอนอยู่แล้ว แกคิดว่าฉันจะเป็นลูกคุณหนูเหมือนกับแกหรอยะ พ่อกับแม่ฉันไปต่างประเทศบ่อย และก็ทิ้งให้ฉันอยู่บ้านคนเดียว ถ้าเกิดว่าฉันทำกับข้าวไม่เป็นนะ ป่านนี้คงจะหิวตายไปแล้ว”

ลูกคุณหนู!ความเจ็บปวดในใจของจารวีพุ่งทะลักออกมา แต่ไหนแต่ไรมาเธอก็ไม่ใช่ลูกคุณหนูอะไร

อังคณาเห็นท่าทางหดหู่ของจารวี ก็รีบพูดเสริมขึ้นมา “เฮ้ๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า ยังมีฉันอยู่นี่ไง” หลังจากนั้นจารวีจึงค่อยๆเริ่มลงมือกินข้าว

“อ้อ จริงสิ ยัยวี เมื่อหลายวันก่อนเจ้าชายมนต์โทรมาหาฉันตลอดเลย ถามฉันเกี่ยวกับเรื่องแก แต่ฉันช่วยแกบ่ายเบี่ยงไปแล้ว บอกไปว่าแกยุ่งมาก แกคิดว่าควรจะโทรไปหาเขาหน่อยดีไหม”

อังคณาเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก

มองด้วยสายตาขอความเห็น

จารวีพยักหน้า “โอเค เดี๋ยวอีกสักพักฉันค่อยโทรไป”

เมื่อกินข้าวเสร็จ จารวีก็ลงมานอนเล่นบนเตียง เหม่อมองไปที่เพดานห้อง หยิบโทรศัพท์ออกมา ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็หันไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเดินทาง พร้อมกับหยิบซิมโทรศัพท์ออกมาจากหนังสือ และเปลี่ยนเข้ากับซิมที่อยู่ในโทรศัพท์

หลังจากเปิดเครื่อง โทรศัพท์ก็ดังไม่หยุด

มันล้วนคือข้อความทั้งหมด

“วี เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงปิดเครื่องตลอดเลยล่ะ”

“วี ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ ก็มาหาพี่ได้นะ”

“วี อย่าทำให้พี่ตกใจสิ วีปิดเครื่องมาสามวันแล้วนะ เขาดูแลวีไม่ดีหรือเปล่า”

“โอเค วี อังคณาบอกพี่แล้วว่าวีไม่เป็นอะไร พี่รู้ว่าตอนนี้วีไม่สะดวกจะเจอพี่ แต่ระหว่างเรา แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็ไม่หลงเหลืออยู่เลยหรอ”

ข้อความกว่าสามสิบฉบับ จารวีต้องใช้เวลานานมากกว่าจะอ่านมันหมด

“หางาน?” ยศพลเอ่ยอย่างเยือกเย็น ปล่อยให้ไปใช้ชีวิตดีๆไม่ชอบ แต่จะไปทำงานให้คนอื่น ดูๆไปแล้วเธอคงตัดสินใจที่จะไม่อยู่กับเขาอย่างแน่นอนแล้ว

ตอนนี้เธอคงเกลียดเขามากแน่ๆ

ยศพลกระดกเหล้าเข้าปากอย่างรวดเร็ว

นิรันมองยศพลอย่างเป็นห่วง ไวน์ชนิดนี้ไม่น่าจะดื่มด้วยวิธีแบบนี้แน่นอน ไวน์ราคาขวดละหลายหมื่นบาท ถูกดื่มรวดเดียวจนหมดเกลี้ยง สิ้นเปลืองมากเลย!

“ไปดูสิว่าจารวีเข้าไปทำงานที่บริษัทไหน แล้วก็ซื้อบริษัทนั้นมาสะ” ยศพลวางขวดไวน์ตั้งไว้บนโต๊ะ

“ครับ คุณชาย!” นิรันหันหลังเดินกลับไป

“เดี๋ยว !” ยศพลนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงตะโกนขึ้นมาอีกรอบ นิรันจึงหยุดเดิน

“วันงานนิทรรศการเสื้อผ้าแฟชั่นวันนั้น จารวีได้ไปยุ่งเกี่ยวกับใครหรือเปล่า”

นิรันคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้าออกมา “ไม่มีนะครับ ผมส่งคุณจารวีเข้าไปในงาน ถึงแม้จะหลงทางนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกับใคร”

ยศพลคิดขึ้นมาได้ ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา “ทัศนีย์”

“ค่ะ ท่านประธาน”

“วันงานนิทรรศการเสื้อผ้าแฟชั่นวันนั้น ฉันให้เธอเป็นคนมาส่งจารวี เธอได้มาส่งด้วยตัวเองหรือเปล่า”

ทัศนีย์เงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษค่ะ ท่านประธาน วันนั้นคุณจารวีบอกว่าต้องการไปเดินที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่ให้ดิฉันไปส่ง ก็เลย...”

“บัดซบ!ทัศนีย์ เธอรู้ไหมว่าการกระทำโง่ๆของเธอเกือบทำให้ฉันตายน่ะห้ะ!” ยศพลแผดเสียงออกมา

ทัศนีย์พูดเสียงเบา “ขอโทษค่ะ ท่านประธาน ดิฉันผิดไปแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ทำอีกแล้วค่ะ” “รีบไปหามาเดี๋ยวนี้ วันนั้นจารวีไปเจอใครมา ถ้าหาไม่เจอก็ไม่ต้องมาทำงานอีก” ยศพลสั่งเสร็จก็ตัดสายทิ้งทันที

เขาปลดเนคไทออกจากคอ หงุดหงิดจนอยากจะบ้า มันเป็นใครกันที่กล้ามาทำกับเขาแบบนี้

อย่าให้เขารู้เด็ดขาด ไม่อย่างงั้นเขาจะทำให้พิการไม่ก็ตายกันไปเลย

เช้าวันต่อมา จารวีเดินออกจากบ้านมาพร้อมอังคณา

เซฟโรเลตสีขาวมาหยุดอยู่ที่ประตูบ้านของอังคณา เงาร่างที่ดูสุขุมอ่อนโยนของมนต์ตรีก็ปรากฏสู่สายตาของจารวี จารวีมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็หันหลังกลับไปมองที่อังคณา

อังคณาหัวเราะฝืด “เอ่อ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะขายแกนะ แต่เสน่ห์ของพี่มนต์มันล้นหลามเกินไป ฉันรู้ตัวอีกทีก็....” พูดจบ ก็รีบวิ่งหนีไป

“นี่!นี่!” จารวีตะโกนออกไป แต่อังคณาก็วิ่งหายไปในชั่วพริบตา

แสงแดดอุ่นๆสาดส่องมาที่หัวไหล่ของมนต์ตรี บนใบหน้าหล่อเหลา เต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า รอยยิ้มที่อบอุ่นของเขา แผ่ซ่านไปทั่วทุกมุม

เงามืดในใจของจารวีหายไปในทันที

“วี ขึ้นรถเถอะ วันนี้วันเกิดพี่ ถ้าวีไม่ถือสาอะไร ช่วยอยู่เป็นเพื่อนพี่หน่อยได้ไหม”

มนต์ตรีที่อยู่ในชุดลำลองแขนยาวสีขาวกับกางเกงสีขาว บวกกับรองเท้าหนังที่ดูสะอาดวาววับ ไม่ว่าจะยืนอยู่ที่ไหนก็ดูสว่างไปหมด

ไม่เหมือนกับยศพล ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ทำให้คนอื่นต้องรู้สึกกดดันอึดอัดใจอยู่ตลอดเวลา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย